RC:บทที่ 24 ฉันมาแล้ว

นิยายลงทุกวัน เวลา 6.00 น. ส่วนเรื่องไหน จำนวนกี่ตอนนั้น สามารถดูได้ ที่นี่

 RC:บทที่ 24 ฉันมาแล้ว


เมื่อหลิน เฟิงและคนอื่นๆมาถึงด้านหลังภูเขา ก็มีคนอยู่ที่ที่ราบนั่นอยู่แล้ว  พวกเขาจัดกลุ่มเป็นสองกลุ่มตามลำดับ เห็นได้ชัดว่ามาจากหมู่บ้านสองหมู่บ้านที่ต่างกัน


กลุ่มหนึ่งมาจากหมู่บ้านจิ้งชุย ส่วนอีกกลุ่มนั้นมาจากหมู่บ้านปิงหยาน แต่ละกลุ่มก็มีคนอยู่หกหรือเจ็ดคน


พวกเขาทุกคนมีสุนัขของตัวเอง สีขาวและดำ โดยหนึ่งในนั้นมีรูปร่างแข็งแรงและเต็มไปด้วยมัดกล้าม เห็นได้ชัดว่าเจ้าของนั้นไม่ขาดการฝึกฝนและออกกำลังกายเลย


เมื่อหลิน เฟิงและคนอื่นๆมาถึง พวกเขาในนั้นทั้งหมดต่างก็หันมามองพวกตน บางคนก็มีสีหน้าล้อเลียน ส่วนบางคนก็ไม่ได้สนใจอะไร


“เฮ้ย คนในหมู่บ้านลั่วหยางนี่เขาต้องมีเชือกกับสายจูงทุกครั้งเลยใช่ไหม มาร่วมการแข่งก็สาย มีอะไรจะพูดอีกไหมนอกจากว่ามาแข่งน่ะ”


เพียงแค่พวกเขามาถึงที่ราบนี้ เสียงดังกล่าวก็ดังขึ้นมาจากทางซ้าย


มีคนเจ็ดคนที่อยู่ในกลุ่มเล็กๆทางซ้าย พวกเขามาจากหมู่บ้านจิ้งชุย  พวกเขาแต่ละคนล้วนจ้องมาที่หลิน เฟิงอย่างนึกดูถูก


“มาสายแค่ไม่กี่นาทีเอง อีกอย่าง เจ้านายหนุ่มทั้งสามคนก็ยังไม่มาด้วย จะรีบอะไรกันนักหนาเล่า” หวัง หานว่ากลับไปอย่างร้อนรน


กำหนดการเดิมนั้นคือให้มารวมตัวกันที่นี่เวลา 9 โมง แค่นั้น แล้วการแข่งขันก็คาดว่าน่าจะเริ่มได้ประมาณ 10 โมง แต่หมู่บ้านของหลิน เฟิงนั้นห่างออกไปจากที่นี่เล็กน้อย จึงช้าไปเกือบ 10 นาที


แต่ทว่าในตอนนี้ เจ้าภาพของงานก็ยังไม่มา ฉะนั้นการที่พวกเขามาสายจึงไม่ใช่ปัญหาอะไร


“เอาน่า ลั่ว หยวน พวกเขาจะมาสายหรือไม่นั่นไม่ใช่เรื่องสำคัญหรอกหรือแม้จะมาหรือไม่ก็ไม่สำคัญ เพราะว่าตอนนี้พวกเขามากันแล้ว พวกคนที่คิดจะมาเอารางวัลกลับไปคงไม่คิดถึงอะไรพวกนี้หรอก” เพียงแค่หลังจากที่หวัง หานกล่าวจบลง หนึ่งในทีมทางขวาก็ออกมาพูด


หลิน เฟิงมองชายคนนั้นที่ดูราวกับโจรเจ้าเล่ห์ น้ำเสียงแปลกพิลึก 


และสิ่งที่น่าขยะแขยงยิ่งกว่านั้นก็คือว่าชายคนนี้มีผมที่ยาวและดูแปลกๆ ดูจากไกลๆเขาเองยังไม่รู้เลยว่านี่เป็นผู้หญิงหรือผู้ชายกันแน่


แต่อย่างไรก็ตาม ตัวที่อยู่ในมือของเขานั้นดูจะไม่ใช่เล่นๆเลย มันคือสุนัขพันธุ์โดเบอร์แมนตัวใหญ่ที่มีโครงกระดูกและโครงสร้างทั่วทั้งร่างไร้ที่ติ เขาซื้อหมาตัวนี้มาจากคนอื่นด้วยจำนวนเงินที่สูงมาก


ในตอนแรกนั้น มีคนว่ากันว่าชายคนนี้นั้นยุ่งวุ่นวายมากเสียจนต้องใช้เล่ห์เหลี่ยมมากมาย จนชายคนดังกล่าวนั้นทนไม่ไหวกับการที่เขาเข้ารบกวนจนต้องขายสุนัขนี้ให้กับเขาในราคาสูงลิ่ว และเมื่อเขาได้โดเบอร์แมนตัวนี้มาแล้วนั้น เขาก็นำไปอวดในหมู่บ้านเสียหลายวัน แม้แต่คนในหมู่บ้านของหลิน เฟิงก็ยังได้ยินเรื่องนี้


ในตอนนี้ จู่ๆชายคนนั้นก็พูดขึ้น เห็นได้ชัดว่าต้องการจะอวดอีก


“นายว่าไงนะ นายอยากโดนน่ะสิ”


หลิน เฟิง หวังหานและคนอื่นๆนั้นไม่ได้สนใจในสิ่งที่ชายคนนี้พูดนัก แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าคนอื่นๆในหมู่บ้านลั่วหยางจะไม่ได้สนใจ จู่ๆพวกเขาคนหนึ่งก็ตะโกนขึ้นมา


“พูดอะไรน่ะ ฉันบอกว่าฉันอยู่หมู่บ้านเดียวกับนายนั่นแหละ ฟังฉันนะ ไม่ใช่แค่ใครบางคน แต่เป็นทุกคนในหมู่บ้านเดียวกับนายที่ไม่ต้องการติดในสิบอันดับแรก อย่าได้คิดถึงเรื่องรางวัลเลย” 


“ฉันไม่ยอมรับเรื่องที่จะดึงสุนัขของนายเข้ามาในนี้หรอกนะ แล้วจะมาเอาชนะเจ้าบินน้อยของฉันอีก นายประมาทฉันเกินไปแล้ว ยกเว้นก็แต่ หมาป่าสีแดงของหวัง หานนี่ล่ะ” ชายคนดังกล่าวว่าอย่างเสียสติ


เสี่ยวบินคือชื่อที่เขาตั้งให้กับโดเบอร์แมนตัวนี้


“ผู้ชายคนนี้เป็นใคร ถึงได้ป่าเถื่อนมากเสียจนข่มขู่ว่าจะไม่มีใครในหมู่บ้านของเราที่จะติดสิบอันดับแรกได้” หลิน เฟิงเอ่ยถามหวัง หานที่อยู่ใกล้ๆเขา


ไม่กี่ปีมานี้ หลิน เฟิงก็เข้ามหาวิทยาลัยแล้ว เขาจึงไม่รู้อะไรมากนักเกี่ยวกับสิ่งต่างๆรวมถึงผู้คนในหมู่บ้าน


“พี่เฟิง ชายคนนี้ชื่อฮวง หยู มาจากหมู่บ้านปิงหยาน” หวัง หานตอบให้


“ฮวง หยูงั้นหรือ ใครกัน” หลิน เฟิงคิดถึงตลาดมืดขึ้นมา จากนั้นก็ไม่คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้อีก ดูแล้วคนๆนี้นั้นไม่ได้อยู่ในความทรงจำของเขาเลย


“พี่อาจจะไม่รู้จักชื่อฮวง หยูเขา แต่พี่น่าจะจำผีขี้แงได้นา” หวัง หานกล่าวขึ้น


“เขาน่ะหรือ” หวัง หานเองก็ไม่ได้พูดว่าเขาไม่รู้จัก ส่วนหลิน เฟิงก็จำได้แล้วว่าชายคนนี้เป็นใคร


ผีขี้แงนั้นคือชื่อเล่นของฮวง หยู นี่ช่างเป็นเรื่องราวที่น่าสนใจที่จะพูดเสียจริง


เมื่อไม่กี่ปีก่อน ด้วยความที่ฮวง หยูชอบสุนัขต่อสู้ เขาจึงซื้อสุนัขรูบาร์บจากในตลาดสุนัขมา แถมยังอวดอีกว่านี่เป็นสุนัขที่ทรงพลังที่สุดในหมู่บ้าน นอกจากนี้เขายังลากมันเข้าไปต่อสู้กับสุนัขของคนอื่นๆด้วย


สุนัขที่อยู่ตรงหน้านี้เล็กกว่าพวกมันมาก ความมั่นใจในตัวเองจึงยิ่งเพิ่มขึ้น เขานำเอาไปสู้กับหมาป่าสีแดงของหวัง หานทำให้มันโดนฆ่าทิ้งโดยทันที แล้วจากนั้นเรื่องนี้ก็กลายเป็นเรื่องตลกที่สุดในสามหมู่บ้าน


อย่างไรก็ตาม เขาก็ยังไม่จบแค่นั้น ชายคนนี้ยังซื้อมาอีกหลายตัว ซึ่งบางตัวก็ถูกหมาป่าแดงของหวัง หานจัดการไป และเขาจะร้องไห้ทุกครั้งที่หมาของเขาถูกจัดการไป ดังนั้นเขาเลยถูกเรียกว่า “ผีขี้แง” จากคนทั้งสามหมู่บ้าน


ชายตัวโตถูกใครต่อใครเรียกว่าคนขี้แงซึ่งนั่นสร้างความอับอายใจให้กับฮวง หยูยิ่งนัก เขาสาบานเลยว่าจะซื้อสุนัขมาฆ่าจ่าฝูงหมาป่าแดงของหวัง หานให้ได้


นับตั้งแต่ที่เขาซื้อเจ้าบินมาในราคาสูงลิ่ว มันก็ได้ต่อสู้กับจ่าฝูงหมาป่าสีแดงของหวัง หาน


ผลออกมาไม่มีใครแพ้หรือชนะ และในที่สุด เขาก็สามารถยกยิ้มได้ ในตอนนี้เขาจึงกล้าที่จะทำตัวเป็นอันธพาลขึ้นมา


“นี่ พี่ลั่วหยวน เราจะไปร่วมทำเรื่องสนุกๆนี้กันดีไหม” ในขณะที่หลิน เฟิงและคนอื่นๆนั้นกำลังคุยกับฮวง หยูอยู่นั้นเอง คนจากหมู่บ้านจิ้งชุยที่อยู่อีกฝั่งก็ได้กล่าวขึ้น


“ไม่ เก็บแรงเอาไว้แข่งดีกว่า แล้วก็ คนจัดงานก็ยังไม่มาหรือจะมาดูการแข่งนี้ก่อนดี” ลั่วหยวนว่าขึ้น


ลั่ว หยวน ฮวง หยูและหวัง หานนั้นเป็นตัวแทนของทั้งสามหมู่บ้านตามลำดับ


เหตุผลนั้นก็คือว่าสุนัขชั้นดีทั้งสามตัวที่อยู่ในมือของทั้งสามคนนี้ต่างเป็นสุนัขจ่าฝูงที่มีชื่อเสียงในสามหมู่บ้าน


หวัง หาน หวังหลางหวาง   เสี่ยวบิน สุนัขโดเบอร์แมนของฮวง หยูและลั่ว ป๋า สุนัขรอสก้าของลั่ว หยวนนั้นล้วนแต่มีชื่อเสียงในอำเภอจิ้งเฟิง แม้พวกมันจะไม่สามารถเทียบได้กับสุนัขล่าเนื้อชั้นต้นๆและสุนัขต่อสู้บางตัว แต่พวกเขาก็ภูมิใจ


 “ทำไม ไม่กล้าหรือไง ถ้าไม่กล้า ก็กลับไปเลยไป ส่วนฉันจะไปเอง นี่แม้แต่หวัง หานน่ะ บินตัวน้อยของฉันก็ยังเอาจ่าฝูงหมาป่าสีแดงได้อยู่เลยล่ะตอนนี้”


ท่าทางที่ไม่สามารถพรรณนาได้ของฮวง หยูนั้นทำเอาหลิน เฟิงแทบจะหลุดขำ เห็นได้ชัดว่านี่คือที่รวมเหล่าร้าย ซึ่งแม้แต่คนอื่นๆในหมู่บ้านลั่วหยางก็ดูจะชินกันเสียแล้ว ก็เลยไม่ได้สนใจอะไร


“แม้ว่าฮวง หยูจะบอกว่าผู้คนไม่มีข้อดีอะไรเลยและมีคนจำนวนน้อยที่ประสบความสำเร็จ แต่เขาก็ยอมรับว่าหมาของเขานั้นเป็นหมาดีๆหายาก” หวัง หานกล่าวอย่างซื่อๆ


“เอ่อ แล้วก็นี่ พี่เฟิง หมาป่าดำของพี่ยังไม่เคยเล่นตรงนี้มาก่อนเลย หรือจะให้มันลองหน่อย  ทั้งร่างกายและโครงสร้างนับว่าไร้ที่ติ แม้ว่าจะเอาชนะพวกมันไม่ได้ แต่ก็จะไม่มีอะไรเกิดขึ้น” หวัง ซื่อกล่าวขึ้น


“ใช่ๆ เสี่ยว เฟิง เสี่ยว เฮ่ยของนายแข็งแกร่งจะตาย ลองซักหน่อยสิ”


“นั่นน่ะสิ เจ้าดำน้อยของพี่ออกจะแข็งแรง แม้แต่หมาป่าแดงของพี่หานยังกลัวเลย และการที่จะสั่งสอนบทเรียนเจ้าหมาเดนตายของฮวง หยูนั้นก็ไม่น่าจะเป็นปัญหา”


เพียงครู่เดียว ผู้คนในหมู่บ้านลั่วหยางต่างก็แนะนำเสี่ยว เฮ่ยของหลิน เฟิงให้ร่วมในสงครามครั้งแรก


“ทำไมหรือ มีพวกนายบางคนอยากจะลองหรือไง ก็เอาสิ” ในขณะที่ทุกคนกำลังพูดคุยกันอยู่นั้น ฮวง หยูที่ได้ยินเข้าก็เอ่ยถามขึ้น


เดิมทีนั้น หลิน เฟิงไม่ได้วางแผนที่จะต้องมาตกกระไดพลอยโจนกับเรื่องนี้ระหว่างทาง แต่ในเมื่อทุกคนพูดแบบนั้น นอกจากนี้ ไม่มีใครในความคิดของฮวง หยูที่จะดีที่สุดในโลกแล้ว ไม่มีใครจะเทียบกับเขาได้ หลิน เฟิงจึงต้องการสำแดงให้เขาได้เห็นถึงอะไรบางอย่าง


“ก็ได้ ผมจะ...”


แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น