RC:บทที่ 23 ความประหลาดใจต่อเสี่ยว เฮ่ย

นิยายลงทุกวัน เวลา 6.00 น. ส่วนเรื่องไหน จำนวนกี่ตอนนั้น สามารถดูได้ ที่นี่

 RC:บทที่ 23 ความประหลาดใจต่อเสี่ยว เฮ่ย


เมื่อหลิน เฟิงและเสี่ยว เฮ่ยมาถึงที่ทางเข้าของหมู่บ้าน ก็มีคนหลายคนรออยู่แล้ว และแต่ละคนก็จูงสุนัขล่าเนื้อที่พวกตนรักมาด้วย


รวมแล้วมีทั้งหมดห้าคน นอกเหนือจากพี่น้องหวัง ซื่อกับหวัง หาน ก็ยังคนอื่นๆอีกสี่คนในหมู่บ้านลั่วหยาง มีคนหนุ่มสองคนและคนวัยกลางคนอีกสองคน


คนวัยกลางคนทั้งสองคนนี้เป็นรุ่นพ่อรุ่นแม่เขาเลยทีเดียว ในบางครั้ง พวกเขาก็จะโทรหาเพื่อนหลายๆคนมาออกล่าด้วยกันเป็นประจำ 


“อรุณสวัสดิ์ครับ ทุกคน พอดีผมมาสายน่ะ” หลิน เฟิงมากับเสี่ยว เฮ่ยพลางกล่าวทักทายทุกคน


“พี่เฟิงมาแล้ว” คนหนุ่มหลายๆคนว่าขึ้น


“ไม่สายหรอก เสี่ยว เฟิง เรามาเช้ากันเกินไปต่างหาก เรารู้สึกตื่นเต้นกันสุดๆเลยที่จะได้ไปสถานที่ที่เขาล่ากัน” ชายวัยกลางคนคนหนึ่งพูดขึ้น


คนรุ่นพวกเขาไม่ค่อยจะสนใจเรื่องเงินกันนัก แต่ทว่าความรู้สึกเมื่อได้ล่าเหมือนเมื่อครั้งยังเป็นหนุ่มๆนั้นทำให้พวกเขารู้สึกถึงความมีชีวิตชีวาในวัยหนุ่มสาว 


“เอ่อ พี่เฟิง พี่ไปได้หมาตัวนี้จากไหนมาน่ะ ดูแข็งแรงดีจัง ความสูงช่วงไหล่น่าจะอย่างน้อย 80 เลยนะ” หวัง หานจ้องไปที่สุนัขตัวนั้นด้วยความรู้สึกประหลาดใจ


เมื่อได้ยินในสิ่งที่หวัง หานกล่าว พวกเขาจึงหันไปมองสุนัขของหลิน เฟิงก็พลันรู้สึกอัศจรรย์ใจพลางกล่าวชมสุนัขของหลิน เฟิง


“หมาตัวนี้อ่ะหรอ นี่เจ้าดำน้อยของฉันไง แต่ช่วงนี้มันออกจะกินจุไปหน่อยเลยตัวโตน่ะ” หลิน เฟิงจับจมูกของตนก่อนจะพูดขึ้น


“เจ้าดำน้อยบ้านนายทำไมมันถึงตัวใหญ่แบบนั้นได้ล่ะ ทั้งรูปร่างและโครงสร้างนี่ไม่ด้อยไปกว่าสุนัขล่าเนื้อกับหมาที่ใช้สู้ตัวเอ้เลยนะเนี่ย” ชายวัยกลางคนว่าขึ้นในขณะที่มองเสี่ยว เฮ่ยอย่างพินิจ


“เอ่อ ผมก็ไม่รู้น่ะครับ เจ้าสุนัขตัวนี้เพิ่งจะอายุได้ขวบเดียว แต่เดี๋ยวพอโตเต็มวัยก็คงมีการเปลี่ยนแปลงมากขึ้นอีก ก็เหมือนที่เราเรียกกันว่าเปลี่ยนไปเหมือนกับหญิงสาวที่ได้เรียนมหาลัยในศตวรรษที่ 18 น่ะครับ ฮ่าๆ” หลิน เฟิงเล่นมุก


 “พี่ เฟิง นี่พี่คงไม่ได้แอบไปเปลี่ยนสุนัขมาใช่ไหม อย่าบอกนะ แล้วไหนบอกเรามาซิว่าค่าเปลี่ยนสุนัขที่ทั้งใหญ่ รูปร่างก็ดี๊ดี แถมกระดูกแข็งแรงอีกแบบนี้นั้นใช้เงินเท่าไหร่ เดี๋ยวครั้งหน้าฉันจะไปเอามาบ้าง”


หวัง ซื่อ จ้องไปที่สุนัขของหลิน เฟิง ดวงตาของเขาเปี่ยมไปด้วยความอยากได้ น้ำลายแทบหก


ไม่ใช่แค่เขาเท่านั้น แต่คนอื่นๆเองก็ยังอยากได้ สุนัขตัวใหญ่เช่นนี้มีกำลังมากในการฉุดลาก และอัตราผลตอบแทบของมันนั้นแน่นอน


“สุนัขตัวนี้น่าจะเป็นสายพันธุ์หมาป่าดำสินะ ฉันได้ยินเรื่องเกี่ยวกับหมาป่าดำพันธุ์ใหม่ๆมาเมื่อเร็วๆนี้ ชื่อว่าเสือหรือสิงโตอะไรนี่ล่ะ สุนัขของนายน่าจะเป็นหนึ่งในนั้น” นี่เป็นข้อสังเกตของชายวัยกลางคนอีกคนหนึ่งหลังจากที่เขาได้พูดไปแล้ว


จริงๆแล้วนั้น ร่างเดิมของเจ้าดำน้อยก็คือหมาสีดำธรรมดาๆ แต่หลังจากที่ได้กินน้ำยาวิวัฒนาการเข้าไปแล้วนั้น มันก็วิวัฒนาการเป็นจิตวิญญาณสัตว์ป่าขั้นต่ำ แล้วจากนั้นก็กลายมาเป็นแบบนี้


“จริงๆแล้วไม่มีสุนัขตัวไหนจะเหมือนกันเด๊ะๆแบบนั้นหรอก ไม่มี นายต้องดูทั้งเบื้องหน้าและรายละเอียดของเสี่ยว เฮ่ยให้ดีๆสิ สีขนของมันและส่วนอื่นๆเหมือนกับเจ้าดำตัวเดิมเลย” หลิน เฟิงชี้ไปที่เสี่ยว เฮ่ยก่อนจะพูดขึ้น


“เอ่อ ก็จริงเนอะ ดูไปก็เหมือนเสี่ยว เฮ่ยจริงๆ นี่ พี่เฟิง พี่ไปรับข้อเสนอสุดเจ๋งมาจริงๆด้วย”


ใครๆก็รู้ว่าสุนัขของหลิน เฟิงนั้นถูกเก็บมาจากขยะข้างถนนตอนที่เขายังเรียนอยู่ที่โรงเรียน  และที่คาดไม่ถึงคือ มันคือหมาป่าสีดำ หลิน เฟิงทำเงินได้มากและทุกคนต่างก็อิจฉา


“โฮ่งๆๆ” ในตอนนั้นเอง ก็มีสุนัขตัวหนึ่งคำรามใส่เสี่ยว เฮ่ยของหลิน เฟิง


สุนัขพวกนี้ถูกเจ้าของผูกเอาไว้กับต้นไม้ และในตอนนี้ เมื่อพวกมันเห็นเจ้าดำน้อยของหลิน เฟิงเข้า พวกมันก็รู้สึกถึงกลิ่นที่แปลกไปด้วยประสาทสัมผัสของรอบอาณาบริเวณที่สุดยอด พวกมันจึงเห่ากรรโชกขึ้นมาในทันที


ตัวที่เห่าดังที่สุดเห็นจะเป็นหมาป่าสีแดงของหวัง หานรวมถึงสุนัขล่าเนื้อตัวใหญ่ สุนัขทั้งสองตัวนี้นั้นมีชื่อเสียงในหมู่บ้านของหลิน เฟิง เรียกได้ว่าคือจ่าฝูงของหมู่บ้านลั่วหยางเลยทีเดียว


และสุนัขทั้งสองตัวนี้ก็มักจะกัดกันอยู่บ่อยๆ พวกมันคือศัตรูที่มีความแข็งแกร่งพอๆกัน และในตอนนี้ พวกมันต่างก็รู้สึกถึงแรงข่มขู่ในการมาของเสี่ยว เฮ่ยก่อนจะเห่าใส่มัน


รวมถึงสุนัขตัวอื่นๆนั้นก็ทำได้ไม่เลว สุนัขใหญ่ทั้งสองตัวของคนที่ตามมานั้นต่างก็เห่าข่ม เป็นเชิงเตือนเสี่ยว เฮ่ย


 “เออ ดูแล้วเจ้าหมาพวกนี้จะไม่ค่อยชอบที่เสี่ยว เฮ่ยมากเลยนะ” ชายวัยกลางคนเอ่ยขึ้นพร้อมกับสุนัขพันธุ์เทอเรียร์


แต่ก่อนที่เขาจะพูดจบ เขาก็กลับอึ้งไปในช่วงเวลาต่อมา


เขาเห็นเสี่ยว เฮ่ยเริ่มที่จะไม่สนใจสุนัขตัวใหญ่พวกนี้  พวกมันยังคงเห่าต่อไป ในขณะที่เสี่ยว เฮ่ยนั้นเดินไปรอบๆก่อนที่จะจ้องมองพวกมัน แล้วลมหายใจที่มองไม่เห็นก็ปรากฏออกมา แล้วทันใดนั้นเอง สุนัขพวกนั้นก็เริ่มเปลี่ยนเป็นครางหงิง หางตกลู่กับเท้า ราวกับว่าพวกมันกำลังเจอสิ่งที่น่ากลัว


สุนัขในที่นี้มีทั้งหมดห้าตัว แต่ละตัวล้วนแต่เป็นระดับแนวหน้าของหมู่บ้านลั่วหยาง แต่ในตอนนี้ ไม่ว่าเสี่ยว เฮ่ยของหลิน เฟิงจะจ้องไปที่ตัวใด ตัวนั้นก็จะร้องหงิงๆ หางลู่ไปกับขา จากนั้นก็ไปซ่อนตัวหลังต้นไม้ที่อยู่ใกล้ๆ ไม่กล้าส่งเสียงใดๆออกมาอีกเลย


สิ่งทีเกิดขึ้นนั้นไม่ใช่เกิดแค่สุนัขหนึ่งหรือสองตัว แต่เป็นทุกตัวที่แสดงปฏิกิริยาดังกล่าวนี้ออกมา แม้แต่หมาป่าแดงของหวัง หานและสุนัขพันธุ์เทอร์เรียตัวใหญ่ที่ดุที่สุดของชายวักลางคนเช่นกัน ทันที่ที่พวกมันจ้องเสี่ยว เฮ่ยของหลิน เฟิงไปครั้งนึ่งแล้ว พวกมันก็จะครางหงิงๆก่อนจะเข้าไปหลบหลังต้นไม้


 “เวร เกิดอะไรขึ้นกันล่ะนี่ นี่หมาป่าสีแดงที่มีชื่อเชียวนะ ห้าวหาญในการต่อสู้ ไม่เคยเกรงกลัวสุนัขตัวไหน ทั้งสุนัขตัวอื่นๆ ทั้งมาสติฟฟ์ทิเบต หมาของฉันยังไม่เคยครางหงิงๆแบบนี้เลย แล้วจะมีท่าทางแบบนี้ไปได้ยังไงกัน” หวัง หานรู้สึกเหลือเชื่อ


หมาป่าสีแดงของเขาต่างเผชิญหน้ากับศัตรูในสนามมาทุกรูปแบบ และในตอนนี้ มันก็มาถึงจุดสูงสุดของชีวิตแล้ว จนเมื่อใดที่ได้พบกับสุนัขตัวอื่นๆ มันก็กล้าที่จะสู้ด้วย ส่วนบิทธ์กับมาสทิฟฟ์ทิเบตซึ่งขึ้นชื่อเรื่องความดุนั้นก็ไม่ได้ทำให้มันนึกเกรงกลัวเลย แต่กับเจ้าดำของหลิน เฟิงนั้นกลับทำเอามันกลัวเสียหางจุกตูดเพียงแค่ได้เห็นหน้า ใครจะไปเชื่อกันล่ะ


 “ร้ายกาจเกินไปแล้ว ทั้งๆที่ขนาดตัวก็ไม่ได้ใหญ่กว่ามาสทิฟฟ์ทิเบต แถมยังไม่ได้ดุเท่ากับสุนัขจอมกัดนั่นอีก แล้วนี่ทำไมมันถึงได้ทำให้สุนัขตัวอื่นๆกลัวกันได้ขนาดนี้กันล่ะ”


หวัง ซื่อเอ่ยขึ้นพลางจูงสุนัขของตนกลับ แต่ทว่าหมาของเขากลับกลัวตาย ไม่กล้าแม้แต่จะขยับ


“เอาล่ะ เสี่ยว เฮ่ย เลิกทำให้พวกมันกลัวได้แล้ว เดี๋ยวฉันต้องไปที่ที่เขาจัดแข่งต่อนะ” หลิน เฟิงกล่าวขึ้นกับเสี่ยว เฮ่ยในใจ


หลิน เฟิงกับเสี่ยว เฮ่ยต่างมีสายสัมพันธ์ที่ไม่สามารถอธิบายได้และแสนจะเปราะบาง ไม่ว่าหลิน เฟิงจะคิดอะไร เสี่ยว เฮ่ยก็จะเข้าใจได้ในทันที


หลังจากได้รับคำสั่งของหลิน เฟิงแล้วนั้น เสี่ยว เฮ่ยก็ถอนสายตากลับมา ไม่กลับไปจ้องสุนัขพวกนั้นอีกต่อไป แล้วจากนั้นสุนัขพวกนั้นก็ค่อยๆกลับมาเป็นปกติ แต่ถึงกระนั้น เมื่อใดที่ได้มองสุนัขของหลิน เฟิง พวกมันก็ยังคงแสดงออกถึงความหวาดกลัวสุดใจ


“เอาล่ะ เวลากำลังจะหมดแล้ว ทุกคนที่อยู่ที่นี่ ไปกันเถอะครับ” หวัง หานคือคนที่คอยจัดการเรื่องการเผยแพร่เรื่องการแข่งล่าในครั้งนี้ และทันทีที่เขาเห็นว่าเวลานั้นใกล้จะเข้ามาแล้ว เขาจึงพาทุกคนออกไปที่ถนน


สถานที่ที่พวกเขากำลังจะไปนั้นคือที่ราบประมาณสองหรือสามไมล์จากภูเขาหูชาน ที่เขาว่ากันว่าเดิมทีนั้นที่ราบนี้เคยเป็นแค่ภูเขาเล็กๆที่เป็นที่ราบสำหรับให้คนล่ามานาน เป็นพื้นที่ที่มีชื่อเสียงสำหรับการล่า


“นี่ พี่เฟิง ทำไมพี่ไม่สวมปลอกคอหรือสายจูงไว้ล่ะ แล้วถ้าหมาตัวอื่นๆควบคุมไว้ไม่ได้ล่ะ”


คนในที่นี่ต่างสวมปลอกคอกับสายจูงให้กับสุนัขของพวกเขา เพราะถ้าเกิดมีอะไรอันตรายขึ้นมา พวกเขาก็จะสามารถดึงสุนัขของพวกตนไว้ได้ แต่หลิน เฟิงกลับไม่ได้ทำอะไรสักอย่าง หวัง หานคิดว่าหลิน เฟิงคงลืม ด้วยเหตุนั้นเขาจึงออกโรงเตือน


“ไม่เป็นไรหรอก หมาของฉันไม่ทำอันตรายอะไรอยู่แล้ว ใช่ไหม เสี่ยว เฮ่ย” หลิน เฟิงพูดขึ้นก่อนจะมองเสี่ยว เฮ่ย


“โฮ่ง” เสี่ยว เฮ่ยตอบกลับไป


“นี่ไง...โอเค” เมื่อได้เห็นแบบนี้ หวัง หานก็ไม่รู้จะพูดอะไร


หลังจากนั้นไม่นาน เพียงหนึ่งชั่วโมง พวกเขาก็มาถึงที่ราบข้างหลังหุบเขา


แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น