RC:บทที่ 22 แข่งล่า

นิยายลงทุกวัน เวลา 6.00 น. ส่วนเรื่องไหน จำนวนกี่ตอนนั้น สามารถดูได้ ที่นี่

 RC:บทที่ 22 แข่งล่า


“พี่เฟิง ในที่สุดพี่ก็มาสักที พวกเรารอพี่อยู่รู้ไหม” ทันทีที่หลิน เฟิงจับประตูจะเข้าบ้าน ชายหนุ่มทั้งสองคนก็หันมาพูดกับเขาพลางยิ้มให้


พวกเขาทั้งคู่คือหวัง หานและหวัง ซื่อ


ในตอนนั้นเอง พวกเขาต่างก็จูงสุนัขมา ดูเหมือนพวกเขาจะพาหมาของพวกตนออกมาเดินเล่น ในมือหวัง หานนั้นจูงหมาป่าสีแดงมา มันดูสูง ทรงพลังและแข็งแรง


ส่วนหวังซื่อนั้นจูงหมาป่าแบบธรรมดา แม้มันจะไม่ได้แข็งแรงหรือทรงพลังพอๆกับหมาป่าสีแดง แต่มันก็เป็นสุนัขที่คล่องแคล่วและมีโครงสร้างทุกส่วนดีมาก


“รอฉันน่ะหรือ รอเพื่อ” หลิน เฟิงรู้สึกงุนงงก่อนจะจ้องมองไปที่สุนัขสองตัวที่ทั้งสองจูงมา


สองคนนี้อาจกล่าวได้ว่าเป็นเพื่อนเล่นของหลิน เฟิงมาตั้งแต่เด็กแล้ว พวกเขามาจากหมู่บ้านลั่วหยาง ครอบครัวของหลิน เฟิงเองก็สนิทสนมกับครอบครัวของหวัง หาน บ้านของทั้งคู่ห่างกันแค่ 100 เมตรจากบ้านของหลิน เฟิงไปเท่านั้น 


ส่วนหวัง ซื่อนั้น บ้านของเขานั้นอยู่ห่างออกไปอีก ตรงทางเข้าของหมู่บ้าน ทั้งสองคนนั้นเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน อายุอานามก็ประมาณหลิน เฟิง ตอนเด็กๆพวกเขาก็จะมาเล่นด้วยกันบ่อยๆ 


แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อทั้งสองโตขึ้น พวกเขาก็ไม่ได้เรียนต่ออีกทั้งยังออกจากโรงเรียนกลางคันในขณะที่หลิน เฟิงเรียนจบวิทยาลัย ด้วยเหตุนั้นพวกเขาจึงแทบไม่ได้เจอกันอีกเลย


แต่ทว่า สิ่งนั้นไม่ได้ส่งผลต่อความรู้สึกของคนพวกนี้ เหนือสิ่งอื่นใด พวกเขากลับอาศัยอยู่ใกล้กันเสียจนสามารถมาเยี่ยมเยือนกันได้ในเวลาว่างๆ


พวกเขาได้ยินมาช่วงนี้หลิน เฟิงอยู่ที่บ้าน ดังนั้น พวกเขาจึงจะมาหาเขาในวันนี้เพื่อมาคุยถึงเรื่องเก่าๆกันสักหน่อย แต่ยังไงซะ พวกเขายังมีเรื่องที่ต้องบอกเขาให้รู้


“พี่เฟิง คืออย่างงี้นะ พี่ เมื่อวานนี้ ผมได้ยินมาว่าพวกเศรษฐีหนุ่มบางคนๆได้จัดการแข่งขันล่าที่ค่อนข้างใหญ่เลย คนที่ได้แชมป์จะได้เงินรางวัลถึง 300000 หยวนเลยด้วย สถานที่คือภูเขาที่อยู่หลังหมู่บ้านลั่วหยางนี่เอง” หวัง หานกล่าวขึ้น


“ใช่แล้ว นายพูดถูก และเห็นเขายังบอกกันอีกว่าการแข่งล่าเนี่ย ใครก็ตามที่ลงชื่อก็จะได้รับเงินรางวัลคนละ 300 หยวนไปเลย ดังนั้นแล้ว ถึงไม่ได้รางวัลแต่ก็ได้เงินกลับไปดีกว่านั่งอยู่บ้านเฉยๆอีก” หวัง ซื่อพูดอย่างอารมณ์ดี


“เกมงั้นหรือ คนที่เป็นแชมป็จะได้ 300,000 ส่วนคนที่ลงชื่อจะได้ 300 หยวน ฟังดูดีชะมัด” หลิน เฟิงลูบคางพลางคิด


 “แล้วพี่ล่ะ พี่เฟิง ยังไงก็เถอะ ยังไงช่วงนี้พี่ก็ไม่มีอะไรทำอยู่แล้วนี่ที่บ้าน ทำไมเราถึงไม่ไปลงชื่อด้วยกันล่ะ แม้ว่าเจ้าเฮ่ยจะตัวไม่ใหญ่มาก แต่มันก็เป็นนักล่าตัวฉกาจในหมู่บ้านเราเลยน้า” หวัง หานว่าขึ้น


“คงดีได้แค่จับหนู ตัววีเซลและอะไรเทือกนั้นน่ะสิ ให้ล่าเหยื่อตัวใหญ่ๆนี่คงยาก” หลิน เฟิงว่าขึ้นอย่างถ่อมตัว


แต่อย่างไรตาม ก่อนหน้านี้เสี่ยว เฮ่ยเคยแต่จับสัตว์ตัวเล็กๆและไม่เคยลองจับสัตว์ตัวใหญ่เลย


การแข่งล่าแบบนี้จึงไม่ใช่สิ่งที่สุนัขบ้านๆอย่างเสี่ยว เฮ่ยควรจะเข้าไปยุ่งด้วยอย่างแน่นอน


แต่จะว่าไป เสี่ยว เฮ่ยในยามนี้ไม่ใช่เสี่ยว เฮ่ยตัวเก่าอีกต่อไปแล้ว เพราะมันได้กลายร่างเป็นจิตวิญญาณสุนัขนรกตัวจริงแล้ว กิจกรรมการล่าดูเหมือนจะออกแบบมาให้เสี่ยว เฮ่ยเป็นพิเศษจริงๆ


 “แล้วตอนนี้ คนไปที่นั่นกันกี่คนแล้วล่ะ คนพวกนั้นมีอีกหรือเปล่า” หลิน เฟิงถามขึ้น


ขณะที่พูดไปนั้น การได้รู้จักตัวเองและศัตรูจะทำให้เราชนะทุกการแข่งได้ แน่นอนว่า หลิน เฟิงเองก็พอจะรู้ข้อมูลการแข่งที่ว่านี้มาได้มากเท่าที่จะมากได้แล้วล่วงหน้า


“อ้อ ดี เห็นเขาว่ากันว่างานนี้คนที่จัดเป็นชายหนุ่มสามคนฐานะร่ำรวยจากอำเภอจิ้งเฟิง นอกเหนือจากผู้คนที่พวกเขานำมาแล้ว ก็ยังมีอีกสามคนจากหมู่บ้านลั่วหยาง หมู่บ้านจิ้งชุยและหมู่บ้านผิงหยาน” หวัง หานอธิบาย


หมู่บ้านจิ้งชุยและหมู่บ้านผิงหยานนั้นเป็นหมู่บ้านสองหมู่บ้านที่อยู่ถัดจากภูเขาข้างหลังหลิน เฟิง  จำนวนนั้นคล้ายคลึงกับหมู่บ้านลั่วหยาง มีนักล่าหลายคนอยู่ในหมู่บ้านนี้


“เมื่อไหร่ ที่ไหน” ถ้าเราได้ 300000 หยวนมาล่ะก็ โรงงานบำบัดสิ่งปฏิกูลของหลิน เฟิงและสถานีบำบัดขยะของเขาก็จะฉลุย


นอกจากนี้ หลิน เฟิงยังต้องการที่จะเห็นด้วยว่าพวกที่เรียกตัวเองว่าคนรวยนั้นจะหน้าตาเป็นยังไง


ความเป็นจริงนั้น สิ่งที่หลิน เฟิงต้องการที่จะรู้มากที่สุดก็คือความสามารถของเสี่ยว เฮ่ยหลังจากแปลงร่างแล้วต่างหาก และกิจกรรมนี้นั้นดีมากเสียจนน่าลอง


 “สิบโมงเช้าพรุ่งนี้ มารวมตัวกันตรงที่ราบใหญ่ข้างหลังภูเขา โดยที่เราสามารถเลือกสุนัขล่าเนื้อของเราได้เองรวมถึงตั้งชื่อให้พวกมันได้ด้วย” หวัง หานอธิบายอย่างใจเย็น


หวัง หานเองก็รู้เรื่องนี้มาก่อนแล้ว และในฐานะนักโฆษณา เขาก็จะได้รับรางวัลมากมาย


“เอาล่ะ ถ้าพรุ่งนี้นายจะไปก็โทรหาฉันนะ ไปดูกันว่าเกมนี้จะเป็นยังไง” หลิน เฟิงเองก็ดูจะคาดหวังไว้สูงกับการแข่งครั้งนี้


“ได้เลย พี่เฟิง เดี๋ยวผมไปบอกคนอื่นให้รู้ก่อนนะ แล้วเดี๋ยวพวกเราจะมารวมตัวกันตรงทางเข้าหมู่บ้านเวลา 8.30 น.” หลังจากพูดจบ ทั้งสองคนก็จูงสุนัขของพวกตนออกไป


วันต่อมา หลิน เฟิงตื่นแต่เช้า ก่อนจะเก็บหยิบองุ่นออกไปตอนหกโมง แล้วส่งไปให้เติ้ง เทียนฝู เจ้าของร้านผลไม้แสนอร่อย


เมื่อเขากลับมา ก็เกือบแปดโมงแล้ว หลิน เฟิงรีบไปที่หลังบ้านเพื่อเรียกเสี่ยว เฮย จากนั้นจึงพาเขาไปหลังภูเขา


“เสี่ยว เฮ่ย นายทำตัวให้ใหญ่และแรงขึ้นกว่านี้ได้ไหม” หลิน เฟิงเอ่ยถามเสี่ยว เฮยในระหว่างทาง


ในตอนนี้ เสี่ยว เฮ่ยกลับมาอยู่ในร่างเดิม หูลู่ ผอมเล็กน้อย ไหล่สูงแค่ 60 ซม.กว่าๆ


นั่นก็เป็นเพราะหลิน เฟิงทำให้มันต้องอยู่ในร่างปกติแบบนี้ ร่างที่เอาไว้ต่อสู้นั้นน่ากลัวไปเล็กน้อย เขาจึงขอให้มันเป็นแบบนี้ไปก่อน


แต่อย่างไรก็ตาม ถ้าคุณไปแข่งล่าแบบนี้ คุณก็ต้องเสียหน้าแน่ หรือแม้แต่คว้าแชมป์ คนอื่นๆก็คงไม่เชื่อ ด้วยเหตุนั้น หลิน เฟิงจึงวางแผนที่จะทำให้เสี่ยว เฮยตัวใหญ่ขึ้น แข็งแรงขึ้น 


“ได้ เจ้านาย” 


ทันทีที่หลิน เฟิงพูดจบ เสียงของเสี่ยว เฮยก็กังวาลออกไปอย่างรวดเร็วเหมือนกับบอลลูน ที่ขึ้นไปสูงมากกว่าหนึ่งเมตร กรงเล็บยักษ์ทั้งสี่นั่นเกือบจะหนากว่าข้อเท้า หัวคล้ายกับเสือ


 “เดี๋ยวก่อนๆ มันใหญ่ไป เอาเล็กกว่านี้” ทันทีที่ได้เห็นภาพตรงหน้า หลิน เฟิงก็รู้สึกอายไม่น้อย นี่ถ้ามันไม่คืนร่างเดิมตอนออกไปข้างนอกล่ะก็ คนอื่นๆคงกลัวตาย นี่โชคดีที่ไม่มีใครเห็นเข้า


หลังจากได้ยินหลิน เฟิงพูด ขนาดของร่างกายเสี่ยว เฮยก็ค่อยๆหดลง จนมีขนาดแค่เก้าสิบเซนติเมตรกว่าๆ และในตอนนี้ มันดูเหมือนเสือดาว เพราะยังดูทรงพลังและน่าหวั่นเกรง


“เอ่อ นี่ก็ยังใหญ่ไป ขอเล็กกว่านี้เถอะนะ จะดีกว่า” เมื่อหลิน เฟิงเห็นสุนัขของตนตรงหน้า เขาก็ยังรู้สึกว่านี่ยังใหญ่ไปเล็กน้อย เพราะไหล่นั่นสูงถึง 90 ซม.ซึ่งนั่นคงจะทำให้คนเขากลัวกันเล็กน้อย


“รับทราบ เจ้านาย” 


จากนั้น เสี่ยว เฮยจึงเริ่มหดตัวให้เล็กลงๆ ขยับจาก 90 กว่าเซนติเมตรให้เหลือประมาณ 80 เซนติเมตร ขนาดทั่วทั้งตัวก็ค่อยๆหดลง


แต่อย่างไรก็ตาม มันก็ยังคงทรงพลังและน่ากลัวที่จะดู เขาไม่กล้าเข้าใกล้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ดวงตาของมัน ที่ประกายวับไปด้วยแสงเย็นๆขุ่นๆ


“เอาล่ะ เกือบได้แล้ว ให้ไหล่สูง 80 เซนติเมตร” หลิน เฟิงว่าขึ้น


“รับทราบ เจ้านาย”


เสี่ยว เฮ่ยและหลิน เฟิงต่างเชื่อมโยงกันและกันแล้วในตอนนี้ แม้ว่าเสี่ยว เฮ่ยจะพูดไม่ได้ แต่เขาเข้าใจความหมายของหลิน เฟิงได้หมดรวมถึงน้ำเสียงจากจิตของเขา


“อืม ไหนขอฉันดูซิว่าต้องปรับอะไรบ้าง” ในขณะที่มองไปยังเสี่ยว เฮ่ย หลิน เฟิงก็รู้สึกอยู่ตลอดว่ามีจุดที่ต้องปรับเปลี่ยน


“อ้อ หู ยกหูตั้งขึ้นหน่อย” หลิน เฟิงพูดขึ้น


จากนั้น หูของเสี่ยว เฮยก็ตั้งขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งนั่นทำให้ดูกระฉับกระเฉงและดูหล่อเลยทีเดียว


“อืม ขนที่หางยาวไปนิด เอามันกลับเข้าไปหน่อย” ในตอนนี้ เหมือนกับว่าหลิน เฟิงกำลังออกแบบงานศิลปะ เขาสามารถเปลี่ยนเสี่ยว เฮ่ยในรูปแบบที่เขาต้องการได้


“เอาล่ะ เกือบแล้ว ไปกันเถอะ” จากนั่น เขาจึงพาเสี่ยว เฮยไปยังทางเข้าหมู่บ้าน


แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น