RC:บทที่ 21 ลูกสุนัขนรกปรากฏตัว

นิยายลงทุกวัน เวลา 6.00 น. ส่วนเรื่องไหน จำนวนกี่ตอนนั้น สามารถดูได้ ที่นี่

RC:บทที่ 21 ลูกสุนัขนรกปรากฏตัว


 “อะไรกันเนี่ย”


หลิน เฟิงหันไปมองทางด้านหลังของเขา แต่กลับไม่มีอะไร


“ภาพลวงตางั้นหรือ ฉันกลัวตายนะ” หลิน เฟิงแตะเข้าที่หัวใจพลางกล่าวขึ้น


“บ้าเอ้ย นี่มันอะไรกันเนี่ย”


เมื่อหลิน เฟิงหันไปรอบๆ สิ่งใหญ่ๆสิ่งหนึงก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าเขา เขาหวาดกลัวมากจนกระทั่งล้มลงไปกับพื้น ฉี่เกือบราด


“โฮก”


สัตว์ประหลาดตัวนั้นส่งเสียงคำรามเบาๆ จากนั้นก็เอาศีรษะของมันแตะเข้าที่หน้าผากของเขา แล้วจากนั้นก็เกิดแสงสว่างวาบขึ้นมา ดูเหมือนว่าจะมีอะไรบางอย่างผุดขึ้นมาในใจของหลิน เฟิงและทำให้เขากลัวจนต้องดึงสติกลับมาในทันที


ในตอนนี้ เขาก็ได้เห็นสัตว์ประหลาดมาอยู่ตรงหน้าเขา มีเปลวไฟสีดำลามไปทั่วร่าง  ใบหน้าดุดัน ฟันของมันยื่นออกมาจากปาก มีหนามแหลมบนหลัง


นอกจากนี้ มันยังมีกรงเล็บยาวขึ้นที่ขาและหนามแหลมน่ากลัวขึ้นอยู่บนหางที่กวัดแกว่งไปมาจากซ้ายไปขวาอย่างมั่นคง เพียงแค่ได้เห็นว่ามันกำลังจ้องตรงมาที่หลิน เฟิง ก็ทำให้เขาแทบขนลุกชัน


“ช...ช่วยด้วย อย่ากินฉันเลย”


เมื่อได้เห็นสัตว์ประหลาดสุดน่ากลัวที่จู่ๆก็มาปรากฏต่อหน้าแบบนั้น หลิน เฟิงรู้สึกผวา ดิ้นกระเสือกกระสนไปมาบนพื้น ตัวสั่นเทา


นี่คือสิ่งมีชีวิตที่น่ากลัวที่สุดเท่าที่หลิน เฟิงเคยเห็นมา เขาเคยเห็นทั้งสิงโตและเสือในสวนสัตว์ แต่ยังไงสัตว์พวกนั้นก็ไม่ได้จะมองอะไรเท่าไหร่ พวกมันแค่ยืนอยู่บนพื้นเฉยๆ


“ข้าคือสุนัขนรกขอรับ นายท่าน”


แต่อย่างไรก็ตาม ในขณะที่หลิน เฟิงรู้สึกว่าตนกำลังจะตายอยู่นั้น จู่ๆ เจ้าสัตว์ประหลาดตัวนั้นก็จ้องมาที่เขาอย่างสงบ ก่อนจะมีเสียงแทรกเข้ามาในจิตของเขา


ดูเหมือนว่าเสียงของเจ้าสัตว์ประหลาดแสนน่ากลัวตัวนี้จะเข้ามาในจิตใจของเขา จากนั้นมันจึงหมอบลงตรงหน้าก่อนจะก้มหัวลงมาหาเขา


“อะไรกัน นายพูดได้งั้นหรือ นี่นายกำลังพูดกับฉันใช่ไหม” เมื่อเห็นว่าสัตว์ประหลาดตัวนี้ไม่ได้แสดงท่าทีใดๆอีก หลิน เฟิงจึงเอ่ยถามอย่างใจเย็น


เมื่อหลินเฟิงเอ่ยถามออกไป ใบหน้าของเขาซีดเซียว ปากสั่นระริก ฟันกระทบกันกึกๆ


“ใช่แล้ว เจ้านาย” เสียงนั้นดังขึ้นในใจของหลิน เฟิงอีกครั้ง


“เจ้านายงั้นหรือ ทำไมนายถึงเรียกฉันว่าเจ้านายล่ะ แต่ยังไงก็เหอะ เจ้าดำ เสี่ยว เฮ่ยล่ะ หรือนายจะเป็นเสี่ยว เฮ่ย” ทันใดนั้นเอง หลิน เฟิงจึงคิดถึงความเป็นไปได้ข้อนี้ขึ้นมา


“ใช่แล้ว เจ้านาย” สุนัขนรกตัวนั้นดูจะยังพูดได้ไม่เก่งมากนัก แต่ละคำที่ตอบจึงมีแค่ไม่กี่คำ


“นี่คือสิ่งที่นายเปลี่ยนให้เป็นใช่ไหม” 


เมื่อได้รู้ว่าอีกฝั่งคือเสี่ยว เฮ่ย หัวใจของเขาก็ค่อยๆกลับมาเหมือนเดิม เพราะถ้านี่คือเสี่ยว เฮ่ยจริงๆ มันก็ไม่น่าทำร้ายเขา


จากนั้น หลิน เฟิงก็ค่อยๆลุกขึ้นจากพื้น สีหน้าค่อยๆดีขึ้น ยกเว้นแต่ความกลัวที่ยังมีอยู่ในใจ


“ใช่แล้ว”


“โอ๊ย เจ้าหมาน้อย ลูกรัก นายทำให้ฉันกลัวเกือบตาย แล้วนี่นายกลายเป็นแบบนี้ไปได้ยังไง”


หลิน เฟิงไม่รู้ว่าจะถามยังไงดี เขาคิดอยู่เสมอว่าการเปลี่ยนแปลงของลูกหมาสีดำนั้นคือตัวใหญ่ขึ้น ดูดีขึ้น แต่ทว่าสิ่งที่เป็นในตอนนี้กับสิ่งที่จินตนาการไว้นั้นกลับต่างราวฟ้ากับเหว...


 “เพราะหลังจากที่ได้กินน้ำยาวิวัฒนาการขั้นต่ำเข้าไป ข้าถึงได้วิวัฒนาการเป็นจิตวิญญาณสัตว์ป่าขั้นต่ำของสุนัขนรกที่ดูเหมือนกับสุนัขนรกยังไงล่ะ” สุนัขนรกตัวนั้นกล่าวด้วยน้ำเสียงเรื่อยๆ


“น้ำยาวิวัฒนาการขั้นต่ำงั้นหรือ น้ำยาในขวดสีแดงนั่นน่ะหรือ” หลิน เฟิงคิดขึ้นมาก่อนจะพูดออกไป


“ใช่แล้ว”


“พระเจ้าช่วย ใบหน้าก็ดุดัน แถมยังมีไฟสีดำๆลามไปทั่วตัวนาย หนามแหลมๆและหนามใหญ่ๆบนหางนายอีก ใครๆก็คงไม่นึกหรอกมั้งว่าเจ้านี่เป็นสัตว์ประหลาดนอกโลกน่ะ” หลิน เฟิงพึมพำ 


 “ถ้าเจ้านายไม่ชอบ ข้าก็สามารถคืนร่างเดิมได้นะ ร่างนี้คือร่างต่อสู้ของข้า” เสียงนั้นดังออกมาจากปากของสุนัขนรกนั่นราวกับปีศาจจากขุมอเวจี


“ว่าไงนะ นี่นายสามารถกลับคืนร่างให้เป็นในแบบที่เคยเป็นได้ด้วยงั้นหรือ” หลิน เฟิงถามขึ้นด้วยความแปลกใจ


“ใช่แล้ว เจ้านาย”


“งั้นนายก็เปลี่ยนกลับให้ไวเลย น่ากลัวจริงๆ ดีนะที่เป็นฉัน ถ้าพ่อกับแม่มาเห็นนายในร่างเดิม พวกเขาก็คงไม่กลัวหรอก”


“โฮก”


หลังจากพูดจบ สุนัขนรกก็ครางเสียงต่ำ แล้วจากนั้นจึงเกิดเหตุการณ์อัศจรรย์ขึ้นต่อหน้าหลิน เฟิง เขาได้เห็นว่าเปลวไฟที่อยู่บนตัวมันค่อยๆหายไป ก่อนจะกลับคืนเข้าไปในร่างกาย


ส่วนฟันและหนามรวมถึงใบหน้าดุดันนั้นก็คลายตัวคล้ายเถาองุ่น


สุดท้าย แม้แต่ขนาดร่างกายเองก็ยังหดลง จากนั้นจึงกลับไปเป็นเสี่ยว เฮ่ยร่างเดิม แต่ถึงกระนั้น เสี่ยว เฮ่ยในตอนนี้กลับสูงขึ้นกว่าแต่ก่อน ไหล่ของมันสูงเกือบหนึ่งเมตร ลำตัวยาวเกือบสามเมตร


แต่เดิม ร่างของสุนัขสีดำตัวนี้นั้นมีขนาดกลาง แต่ตอนนี้กลับเปลี่ยนไปมากจนดูราวกับเสือตัวใหญ่ซึ่งทำให้ใครต่อใครกลัว


“เจ้าดำน้อยงั้นหรือนี่”


“ใช่แล้ว เจ้านาย”


“เยี่ยมไปเลย ในที่สุด นายก็กลับมาเป็นเหมือนเดิม ตอนนั้นนายดูน่ากลัวจริงๆนะ เล่นเอาฉันกลัวซะเกือบหัวใจวายแหนะ แต่ก็นะ นี่นายไปไหนมา ฉันไม่เห็นนายเป็นครึ่งวันเลย” หลิน เฟิงถามขึ้น


เมื่อหลิน เฟิงมาถึงในตอนนั้นเอง มีเพียงขนของเสี่ยว เฮ่ยกองทิ้งไว้ในขณะที่ร่างกำลังเปลี่ยนไป และเสี่ยว เฮ่ยเองก็ไม่รู้จะไปไหน แต่ตอนนี้มันอยู่ตรงนี้แล้ว


“เจ้านาย ข้าตามหลังงูเหลือมดำไปในตอนนั้น”


“ว่าไงนะ งูเหลือมดำ มีงูเหลือมดำข้างหลังบ้านเราด้วยงั้นหรือ” หลิน เฟิงตกใจอย่างมาก


หมู่บ้านลั่วหยางที่หลิน เฟิงอาศัยอยู่นั้นตั้งอยู่ในเขตชนบท ข้างหลังบ้านของเขาคือภูเขาที่แผ่ขยายไปราวๆสิบไมล์ จึงเกิดเรื่องที่ว่ามีสัตว์ป่าบางตัวออกมาทำร้ายฝูงไก่อยู่บ่อยๆ


ตอนนี้ ถ้ามาคิดให้ดีล่ะก็ หลิน เฟิงจึงจำได้ขึ้นมาทันทีเลยว่าไก่ของเขามักจะหายไปเป็นประจำซึ่งพวกสัตว์ป่าน่าจะมีส่วนเกี่ยวข้อง


“แล้วนายจับมันมาได้หรือยัง” หลิน เฟิงถามขึ้น


“ไม่ได้สักตัวเลย เจ้านาย งูเหลือมดำตัวนี้วิวัฒนาการอยู่ในร่างของครึ่งจิตวิญญาณสัตว์ป่าแล้ว พวกมันเร็วมาก จนทันทีที่มันสัมผัสได้ถึงลมหายใจของข้า มันจึงได้หนีไป” เจ้าดำน้อยว่า


“ครึ่งจิตวิญญาณสัตว์ป่างั้นหรือ มีของแบบนั้นบนโลกด้วยจริงดิ” หลิน เฟิงชักสงสัย แต่ไม่นานเขาก็รู้สึกโล่งอก


หลุมดำในโทรศัพท์มือถือของเขากับสุนัขนรกสีดำที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาพร้อมกับปัญหาที่ทางวิทยาศาสตร์ไม่สามารถจะอธิบายได้อีกเป็นโขยงอีกนั้นในตอนนี้ก็ดูจะเป็นอะไรที่สามารถอธิบายได้แล้ว


จริงหรือเปล่าที่ว่าของโบราณบางอย่างที่อยู่ในตำนานจะมีอยู่จริงๆ หลิน เฟิงคิดในใจ


“เสี่ยว เฮ่ย แล้วตอนนี้นี่นายคือครึ่งจิตวิญญาณสัตว์ป่างั้นสิ”


“ไม่ใช่ ข้าคือจิตวิญญาณสัตว์ป่าตัวจริงที่แข็งแกร่งกว่าพวกครึ่งจิตวิญญาณสัตว์ป่าแบบนั้น ข้าคือจิตวิญญาณสัตว์ป่าขั้นต่ำ” เจ้าลูกสุนัขนรกสีดำตอบ


“จิตวิญญาณสัตว์ป่าขั้นต่ำอย่างงั้นน่ะหรือ โอเค เสี่ยว เฮ่ย นายห้ามเปลี่ยนเป็นร่างต่อสู้ต่อหน้าคนภายนอกโดยที่ฉันไม่ได้สั่งเด็ดขาดเชียวนะ เข้าใจไหม” หลิน เฟิงออกคำสั่ง


“ขอรับ เจ้านาย”


 “ไม่ว่ายังไง นายก็สามารถช่วยฉันคอยดูพวกไก่ทุกวันได้นะตอนนี้ แล้วถ้าเจอสัตว์ตัวอื่นๆที่จะเข้ามาทำอะไรกับพวกไก่ล่ะก็ นายก็จับมันได้เลย แต่อย่าฆ่าเสียล่ะ เข้าใจไหม เพราะพวกมันอาจมีประโยชน์กับเราในภายหลังก็ได้” หลิน เฟิงมีแผนการอีกอย่างขึ้นในใจ


“ขอรับ เจ้านาย” 


“เอาล่ะ ไปกันเถอะ” หลังจากนั้น หลิน เฟิงจึงกลับบ้านไป


ตลอดทางนั้น หลิน เฟิงครุ่นคิดเดียวกับวิธีการทำเงินและวิธีที่จะเพิ่มจำนวนออกไปอีก


รายได้ของเขาตอนนี้นั้นขึ้นอยู่กับองุ่นและไก่ เขาจึงต้องเพิ่มสิ่งที่ต้องทำขึ้นมานอกจากสองสิ่งนี้


ปัญหาทุกอย่างนั้นขึ้นอยู่กับการกำจัดขยะ สิ่งปฏิกูลรวมถึงขยะ และนั่นเป็นสิ่งที่ทำให้หลิน เฟิงรวย ของที่คนอื่นรังเกียจนั้นกลับกลายเป็นทรัพยากรที่มีค่ามากกับหลิน เฟิง


“แล้วก็ ฉันก็จะสามารถสร้างโรงงานบำบัดขยะขึ้นมาได้รวมถึงโรงงานบำบัดสิ่งปฏิกูลด้วย  ถ้าเป็นแบบนั้นฉันก็จะไม่มีกองขยะรีไซเคิลที่หลั่งไหลมาอย่างต่อเนื่องรวมถึงทรัพยากรของเสียด้วยหรือเปล่านะ” 


ทันใดนั้นเอง หลิน เฟิงก็ปิ๊งความคิดบางอย่างขึ้นมา แล้วจู่ๆ เขาก็กระโดดไปมาอย่างตื่นเต้น


ยิ่งไปกว่านั้น การบำบัดขยะและสิ่งปฏิกูลของหลิน เฟิงนั้นไม่เหมือนกับคนอื่นๆ การบำบัดขยะของเขานั้นทำได้ 100% โดยไม่ทิ้งมลพิษใดๆ นี่ล่ะเป็นผลดีอย่างมากต่อสังคมและประเทศ 


 “แผนนี้จะต้องทำไปทีละขั้นตอน ในตอนนี้ ปัญหาหลักๆก็คือว่าเงินยังมีไม่พอ ไว้ถ้าฉันมีเงินพอเมื่อไหร่ ฉันก็จะสร้างโรงงานบำบัดขยะและสิ่งปฏิกูลในทันที ตราบใดที่โรงงานทั้งสองแห่งนี้สร้างขึ้นแล้ว ฉันก็จะได้มีแหล่งทรัพยากรขยะที่แน่นอนเสียที รวมถึงน้ำยาวิวัฒนาการและน้ำยาเติบโตด้วย”


นี่จะไม่ได้ดีแค่กับสภาพแวดล้อมเท่านั้น แต่ยังดีต่อสังคมด้วย ถ้าเขามีชื่อเสียงขึ้นมาเมื่อใด ประเทศคงจะสนับสนุนในสิ่งที่เขาทำเป็นแน่ เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ หลิน เฟิงก็รู้สึกราวกับว่าร่างของเขากำลังลอยละล่อง


 “โฮ่ ใจเย็นๆ ไปทีละนิดๆ”


ในช่วงที่หลิน เฟิงกำลังคิดถึงปัญหาตรงนี้อยู่นั่นเอง เขาก็มาถึงบ้านแล้วอย่างไม่รู้ตัว และทันทีที่ถึงบ้าน เขาก็เห็นคนสองคนอยู่หน้าบ้านตน


“พี่เฟิง...”


แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น