SC:บทที่ 75 เขตความปลอดภัยเหลียนเฉิง
เขตเหลียนเฉิงตั้งอยู่ทางตอนใต้ของจังหวัด เป็นสถานที่ที่รู้จักกันดีในชื่อ “เมืองยาสูบ”นอกจากนี้ยังมีประวัติศาสตร์อันยาวนานและเป็นเมืองโบราณทางประวัติศาสตร์ที่มีชื่อเสียง
บ่ายวันถัดมา เขตเหลียนเฉิง
หลังจากการโจมตีเมื่อวาน ขบวนผู้รอดชีวิตเดินทางต่อไปได้อย่างค่อนข้างสงบสุข ในที่สุดเวลา 13:00 นพวกเขาก็มาถึงเขตเหลียนเฉิง เมื่อพวกเขามาถึงพวกเขาเห็นทหารที่เป็นกลุ่มเล็กๆอยู่บนถนนมากขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากขบวนผู้รอดชีวิตของ หลินเฉิง นั้นไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นดังนั้นพวกเขาจึงค่อนข้างเป็นขบวนใหญ่
หลังจากที่เข้าสู่เหลียนเฉิง แม้ว่าขบวนผู้รอดชีวิตของพวกเขาจะถูกโจมตีโดยฝูงซอมบี้เป็นบางครั้ง แต่เนื่องจากมีขบวนผู้รอดชีวิตจากทิศทางอีกมากมายดังนั้น พวกเขาจึงสามารถเคลียร์พื้นที่และเดินทางอย่างช้าๆ พวกเขาใช้เวลา 2 ชั่วโมงก่อนเดินทางมาถึงเขตทหารเหลียนเฉิง
เขตทหารเหลียนเฉิง ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของภูเขาจื่อหยุน เป็นสถานที่ที่เงียบสงบแต่ตอนนี้กลายเป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยความพลุกพล่าน
หลินเฉิง นั่งอยู่ในรถและมองไปยังเขตทหารที่ปรากฏอยู่ด้านหน้า หลินเฉิง สงสัยว่าทำไมทันทีที่เขาเห็นสถานที่แห่งนี้เขารู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย
ในเวลานี้เขตทหาร ไม่ได้อยู่ในแบบดั้งเดิมของเขตทหารอีกต่อไป แต่เดิมมีเพียงกำแพงสูงเพียง 4-5 เมตรเท่านั้นแต่ตอนนี้กำแพงของเขตทหารสูงเกือบ 20 เมตรและมีความหนาอย่างน้อย 3 เมตร หลินเฉิง มองเห็นเจ้าหน้าที่เดินอยู่ด้านบน
ดูเหมือนกำแพงถูกทำขึ้นอย่างเร่งด่วนสามารถมองเห็นผิวของปูนซีเมนต์หยาบกร้าน ถูกเสริมด้วยแท่งเหล็กขนาดใหญ่ซึ่งไม่เห็นปลายทั้งสองข้าง
บนกำแพงมีทหารมากกว่า 1 โหลที่มีปืนกลอยู่ในมือพวกเขาลาดตระเวนไปมาและไม่สนใจซอมบี้ที่หลงทางอยู่ใต้กำแพง นับตั้งแต่ที่ได้เห็นคนพวกนี้ หลินเฉิง มองออกว่าคนที่อยู่บนกำแพงนั้นควรเป็นทหารเนื่องจากพวกเขามีระเบียบวินัยที่แท้จริงไม่สามารถเปรียบเทียบได้กับผู้รอดชีวิตที่เอาแต่ถือปืน
ได้ที่สุดกระบวนผู้รอดชีวิตก็ค่อยๆเคลื่อนที่ไปยังประตูด้านหน้า เมื่อมองไปที่ประตูเหล็กสูงเกือบ 10 เมตร อีกทั้งยังมีเสียงร้องไชโยต่อเนื่องในขบวนผู้รอดชีวิต จากนั้นไม่นานก็มีเสียง “เอี้ยด”ที่คมชัดเกิดขึ้นประตูเหล็กขนาดเล็กที่อยู่ใต้ประตูใหญ่กำลังเปิดออกอย่างช้าๆ
ทันใดนั้นทหารที่โผล่ออกมาจากประตูเล็กเล็งปืนมาที่ขบวนผู้รอดชีวิต ผู้รอดชีวิตที่ส่งเสียงไชโยก่อนหน้านี้เงียบเสียงลงทันที จากนั้นมีนายทหารวัยกลางคนเดินออกมาจากด้านหลังของทหาร เขายิ้มและเปิดลำโพงที่อยู่ในมือจากนั้นตะโกนว่า
“สวัสดีผู้รอดชีวิตทุกคน!ยินดีต้อนรับสู่เขตปลอดภัยเหลียนเฉิง!ผมคือ ซุนเซียน เป็นหัวหน้าในเขตกักกันด่านแรกของเขตปลอดภัย โปรดอย่าตกใจเพราะมีผู้รอดชีวิตจำนวนมากเกินไปในครั้งนี้ ทหารเหล่านี้จึงปฏิบัติหน้าที่เพื่อป้องกันการเกิดจลาจล สุดท้ายแล้วทุกคนจะได้เข้าไปยังเขตปลอดภัยดังนั้นเพื่อความปลอดภัยของพวกคุณกรุณาลงจากรถก่อน หลังจากที่เข้าตรวจสอบด่านกักกันคุณจะสามารถเข้าไปยังเขตปลอดภัยได้!ส่วนรถของคุณนั้นไม่สามารถนำเข้าไปได้ มันจะแออัดเกินไป!”
หลังจากเสร็จสิ้นการทักทายในรอบแรกกลุ่มผู้รอดชีวิตไม่กล้าที่จะส่งเสียงดัง พวกเขารู้สึกแปลกๆในใจเขตความปลอดภัยเหลียนเฉิงดูเหมือนจะไม่เป็นอย่างที่พวกเขาคาดคิดเอาไว้ก่อนหน้านี้
อะไรก็ตาม ซุนเซียนไม่ต้องการสนใจกับความรู้สึกของผู้รอดชีวิตเหล่านี้ เหล่าทหารยกโต๊ะออกมาที่หน้าประตูเหล็กและนั่งลงจับปากกาและกระดาษรอผู้รอดชีวิตคนแรกที่ผ่านจากเขตกักกันมาลงทะเบียน
พวกเขาต่างมองหน้ากันไปมา พวกเขามีความลังเลอยู่บ้างแต่ไม่มีทางเลือกอื่นในที่สุดชายชราคนหนึ่งก็กัดฟันและเป็นคนแรกในการเข้ารับการตรวจสอบ
เมื่อเห็นชายชราเดินเข้ามาทหาร 2 คนเดินเข้ามาด้านหน้าและพาเขาไปหา ซุนเซียน หลังจากผ่านการสอบปากคำจากซุนเซียน จะมีทหารอีก 2 คนออกมาพร้อมกับเครื่องสแกนแบบถือ หลังจากนั้นพวกเขาจะตรวจสอบหลายครั้งเพื่อระบุว่าชายชราไม่ได้ติดเชื้อไวรัส จากนั้นเขาพยักหน้าให้กับซุนเซียน
ซุนเซียนยืนขึ้น และยิ้มให้กับชายชราจากนั้นยื่นมือมาให้กับเขาแล้วพูดว่า
“ผู้เฒ่าหลังจากที่ผ่านด่านกักกันในครั้งนี้คุณมีคุณสมบัติที่จะเข้าร่วมกับเขตความปลอดภัยเหลียนเฉิง ผมในนามทหารเหลียนเฉิง ยินดีต้อนรับ! หลังจากเข้าไปยังเขตด้านในแล้วโปรดสังเกตกฏ สิ่งไหนควรทำและสิ่งไหนไม่ควรทำ ขอบคุณในความร่วมมือครับ!”
หลังจากนั้นซุนเซียนก็ปล่อยมือของชายชราและบอกว่าเขาสามารถเข้าไปด้านในได้ ชายชราหันกลับมามองฝูงชนที่อยู่ด้านหลังและเดินเข้าไปในประตูเหล็กด้วยใบหน้าที่ไม่สบายใจ
เมื่อทุกคนเห็นว่าชายชราสามารถเข้าไปด้านในอย่างง่ายดายพวกเขาไม่ลังเลที่จะเป็นคนต่อไปเพื่อตรวจสอบร่างกาย ต่อมาเนื่องจากมีคนจำนวนมากเข้ารับการตรวจสอบดังนั้นจึงมีทหารจำนวนมากออกมาตรวจสอบผู้รอดชีวิตคนอื่น อาวุธของผู้รอดชีวิตทุกชนิดถูกยึดโดยตรง อาหารที่ติดตัวของพวกเขาไม่ได้ถูกยึดและเจ้าหน้าที่เหล่านั้นถามทุกคนที่ผ่านการตรวจสอบว่าพวกเขาได้ปลุกความสามารถของตัวเองขึ้นหรือไม่
เมื่อได้ยินเงื่อนไขพิเศษในการล่อลวง ทำให้หลายคนตะโกนขึ้นมาว่าพวกเขาเป็นผู้ที่ปลุกความสามารถขึ้นมาได้ แต่เมื่อพวกเขาถูกนำตัวไปตรวจสอบเรื่องแท้จริงก็ปรากฏขึ้น โชคดีที่ทหารเหล่านี้ดูเหมือนว่าจะเข้าใจในความโลภของมนุษย์เขาทำเพียงแค่โบกมือและไล่คนหลอกลวงเหล่านั้นออกไป
อย่างไรก็ตามภายใต้คำหลอกลวงนั้นมีค่าดั่งทองคำ มีคนไม่กี่คนก่อนหน้านี้พยายามที่จะปกปิดความสามารถของตัวเองแต่เมื่อพวกเขาเปิดเผยตัวพวกเขาต่างได้รับการต้อนรับจากซุนเซียนอย่างน่าตื่นเต้นและถูกแยกออกไปยังทิศทางหนึ่ง
เมื่อมองไปยังผู้รอดชีวิตที่ผ่านเข้าไปยังเขตความปลอดภัยด้านหน้า หลินเฉิง ขมวดคิ้วและพูดกับ มู่หยิงเสวี่ย ว่า
“พวกคุณลงจากรถไปก่อน ผมจะไปหาสถานที่ซ่อนรถเอาไว้ พวกคุณจะเข้าไปด้านในพร้อมกับผม เข้าใจไหม!”
หลังจากเห็นว่า มู่หยิงเสวี่ย พยักหน้า หลินเฉิง ก็ให้พวกเธอลงจากรถจากนั้นเขาขับจี 65 ไปรอบๆบริเวณใกล้เคียงในที่สุดเขาก็เจอมุมด้านหนึ่งในอาคารเล็กๆ จากนั้นเก็บมันลงไปในแคปซูลและวิ่งกลับมาหา มู่หยิงเสวี่ย เพื่อรวมตัวกับพวกเธอ
เดิมที หลินเฉิง ตั้งใจที่จะพาพวกเธอเข้าไปยังจุดแรกของด่านกักกันโรค แต่ใบหน้าของ มู่หยิงเสวี่ย ดูเหมือนจะผิดปกติ เธอทำได้เพียงแต่ดึงแขนเสื้อของ หลินเฉิง เอาไว้..
0 ความคิดเห็น