RC:บทที่ 419 ชายลึกลับในชุดดำตกตะลึง

นิยายลงทุกวัน เวลา 6.00 น. ส่วนเรื่องไหน จำนวนกี่ตอนนั้น สามารถดูได้ ที่นี่

RC:บทที่ 419 ชายลึกลับในชุดดำตกตะลึง


ด้วยความเร็วอันน่าเหลือเชื่อของค้างคาวดูดเลือด ถึงแม้ว่าหลินเฟิงจะซึมซับพลังของหินวิญญาณ 7 สีระดับพระเจ้าภายในมิติสัตว์เลี้ยงไปแล้วรวมถึงเปลี่ยนชิปสัตว์วิญญาณอยู่เรื่อยๆมันก็ยังไม่มีประโยชน์อะไร 


ระยะห่างระหว่างทั้งสองมันลดลงมาอย่างรวดเร็ว หลินเฟิงนั้นวิตกมากๆและเริ่มมังกรทมิฬเพิ่มขึ้นอีก “มังกรทมิฬ ฉันรั้งมันไว้ไม่ได้แล้วนะ!”


หลินเฟิงนั้นถึงขีดจำกัดแล้ว เขาไม่สามารถหาลูกไม้อย่างอื่นมาต้านทานการไล่ล่าได้แล้ว ถึงเขาจะมีชิปของเหล่าสัตว์วิญญาณระดับ S และหิน 7 สีระดับพระเจ้าคอยสนับสนุน แต่ศัตรูนั้นมีระดับที่สูงเกินไป มันยากที่จะรับมือแบบสุดๆ


ค้างคาวดูดเลือดนั้นตาลีตาเหลือกด้วยพลังทั้งหมดและเขาเข้าใกล้หลินเฟิงมากขึ้นทุกทีๆ พอเห็นหลินเฟิงเริ่มหยุดลงมันก็พูดพร้อมหัวเราะเยาะ “หึๆๆ จะหนีไปไหนได้อีก!”


“นายท่าน ช่วยรั้งไว้อีกซักครู่หนึ่งเถิด อีกครู่เดียวเท่านั้น!” เสียงของมังกรทมิฬดังขึ้นภายในจิตใจของหลินเฟิง 


ในตอนนั้น หลินเฟิงไม่มีแม้แต่เวลาที่จะตอบกลับมังกรทมิฬ นั่นเพราะว่าค้างคาวดูดเลือดที่ตามหลังเขามาติดๆนั้นมันเตรียมจะกระโดดใส่เขาเข้าทุกทีแล้ว 


แต่แล้วจู่ๆหลินเฟิงก็มีความคิดดพีๆขึ้นมา ชิปพวกนี้...ใช้คู่กันได้มั้ยนะ? มันจะเร็วขึ้นหรือเปล่า?


อย่างไรก็ตาม หากเอาแต่คิดคงจะไม่รู้ ดังนั้นหลินเฟิงจึงไม่รอช้าที่จะหยิบเอาชิปแมวเงาขึ้นมาและแปะไปที่กลางหว่างคิ้ว จากนั้นก็ใช้อสรพิษปีกใหญ่และตามด้วยอาชาสวรรค์ ชิปทั้ง 3 ถูกแปะไปที่หว่างคิ้วของเขา แต่แล้วความหวังก็ต้องดับไปเมื่อท้ายสุดมันก็ทำงานทีละอันอยู่ดี 


ความเร็วของแมวเงานั้นเริ่มทำงานและทำให้ความเร็วของหลินเฟิงเพิ่มขึ้นในเวลา 10 วินาที ยามที่ชิปเริ่มทำงาน ความเร็วของหลินเฟิงก็เพิ่มขึ้นอีกครั้ง ซึ่งนั่นทำให้ค้างคาวดูดเลือดที่กำลังยื่นกรงเล็บออกมานั้นไม่สามารถจับหลินเฟิงได้อีกครั้ง 


ร่างของหลินเฟิงที่เพิ่มความเร็วด้วยชิบแมวเงานั้นตอบสนองอย่างรวดเร็วและหนีรอดกรงเล็บของค้างคาวดูดเลือดมาได้ 


การหลบหนีของหลินเฟิงนั้นทำให้ค้างคาวดูดเลือดจับเขาไม่ได้เป็นครั้งที่ 2 


แต่เมื่อครบ 10 วินาที ความเร็วของหลินเฟิงก็ลดลงมาอีกครั้ง 


ช่างเป็น 10 วินาทีที่ผ่านไปอย่างรวดเร็ว และในตอนนี้ ภายในตัวของหลินเฟิงก็เหลือพลังไม่มากแล้ว ถึงจะมีพลังวิญญาณจากหิน 7 สีแต่มันก็ไม่ต่างอะไรกับการเติมน้ำลงไปในเหยือกที่แตก ซึ่งท้ายสุดแล้วมันก็ไม่เหลืออะไรให้ดื่มกิน 


“ฉันไม่เหลือแรงที่จะวิ่งแล้วนะ!” ในตอนนั้นเอง ค้างคาวดูดเลือดก็พุ่งเข้ามาและเตรียมจับหลินเฟิงอีกครั้ง หลินเฟิงรู้ว่าถ้าถูกจับตัวได้ นั่นหมายถึงหายนะมาเยือนเขาแน่ๆ และมังกรทมิฬเองก็ยังไม่บรรลุระดับต่อไปเสียที ดูเหมือนว่าเขาจะยังคงต้องวิ่งไปจนกว่าจะหมดแรงไปเสียจริง 


เมื่อหลินเฟิงมองย้อนกลับไปด้านหลัง เขาก็เห็นกรงเล็บของค้างคาวดูดเลือดพุ่งเข้ามาใกล้เรื่อยๆราวกับเป็นภาพขยายที่ซึ่งใกล้ตาเขามาทีละนิดๆ 


แต่ทันใดนั้น โทรศัพท์ของเขาก็สั่นขึ้นมาซึ่งตัวหลินเฟิงเองก็รู้สึกเลยว่ามันไม่ได้สั่นแบบนี้มานานมากแล้ว 


นี่คือจุดเริ่มต้นทุกอย่างของหลินเฟิง เขาเกือบจะลืมไปแล้วว่าตลอดเดือนปีที่ผ่านมานั้น ทุกสิ่งทุกอย่างมาถึงจุดนี้ได้เพราะเกลียวน้ำวนสีดำลึกลับที่อยู่ภายในโทรศัพท์เครื่องนี้ทั้งนั้น 


เพราะหลินเฟิงนั้นแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆอยู่ตลอดเวลา เพราะงั้นมันเลยทำให้เขาให้ความสนใจกับโทรศัพท์มือถือน้อยลง กระทั่งตอนนี้ หลินเฟิงจำได้แค่ว่าเกลียวน้ำวนลึกลับนั้นเปรียบเสมือนบัตรขนาดใหญ่และเขาก็เมินมันไป 


ไม่คิดเลยว่าในเวลาฉุกเฉินเช่นนี้ มันจะสั่นขึ้นมาอีกครั้ง และเขาไม่รู้เลยว่าครั้งนี้มันจะนำพาอะไรมาให้หลินเฟิงอีก 


เขามองเห็นเกลียวน้ำวนสีดำในโทรศัพท์มือถือนั้นกำลังหมุนไปมาจากนั้นมันก็ค่อยๆสั่นขึ้น และในทันที ชิปที่หว่างคิ้วของเขาก็เริ่มท่ำงานขึ้นมาพร้อมๆกัน 


ครู่ต่อมา ความเร็วจากแมวเงานั้นก็เริ่มแสดงผล ดูเหมือนว่ามันจะทำงานได้เพิ่มเติมจาก 10 วินาทีแล้ว 


อย่างที่สอง ความเร็วจากอสรพิษและอาชาสวรรค์ต่างก็เพิ่มขึ้น ส่วนเพิ่มขึ้นระดับไหนนั้นแม้แต่ตัวหลินเฟิงเองก็ยังไม่รู้ได้ 


แต่ในตอนนี้ เขารู้เพียงว่าชิปทั้ง 3 สามารถทำงานร่วมกันได้แล้ว และมันทำให้ความเร็วของหลินเฟิงเพิ่มขึ้นในทันทีในขณะที่กรงเล็บแหลมของค้างคาวดูดเลือดเกือบจะถึงหน้าเขาแล้วเพียงอีกไม่กี่เซนติเมตร 


ทุกๆอย่างกลับดูช้าลงไปอย่างมากในทันที มันเหมือนจะหยุดลงไปแต่จริงๆยังคงขยับอยู่หากแต่ช้ามากๆเหมือนดูภาพสโลโมชั่นอยู่ 


อีกฝ่ายที่มองเห็นหลินเฟิงขยับนั้น ด้วยความเร็วในตอนนี้มันเหมือนว่าอีกฝ่ายเป็นเพียงเงาที่ขยับไปมา และพอรู้ตัวอีกที ร่างของหลินเฟิงก็อยู่ห่างจากค้างคาวดูดเลือดไปกว่า 10 เมตรแล้ว 


“หา?!” ค้างคาวดูดเลือดตกตะลึงไปกับภาพตรงหน้าจนต้องขยี้ตาใหม่ และเมื่อเห็นว่ามันไม่ใช่เรื่องโกหก มันก็เกิดงุนงงสุดๆขึ้นมาทันที 


อีกฟากหนึ่งทางด้านเหล่าผู้ที่กำลังห้อมล้อมไคซือและคนอื่นๆไว้ต่างก็ช็อก คนเหล่านั้นหันมามองหลินเฟิงแบบไม่วางตาและแม้แต่ชายลึกลับในชุดดำเองก็ยังต้องขมวดคิ้วมองด้วย สีหน้านั้นแสดงออกถึงความไม่เชื่อสายตาตัวเองแบบสุดๆ 


เขามองไปยังหลินเฟิงอยู่ครู่ใหญ่ๆก่อนที่ร่างของเขาจะหายไปจากจุดที่ยืนอยู่ 


ในตอนนั้น ดูเหมือนหลินเฟิงเองก็รับรู้ได้แล้ว ร่างของเขาหายวับไปอย่างรวดเร็วก่อนที่ร่างของชายลึกลับจะมาปรากฏแทนที่ๆเขายืนอยู่ก่อนหน้า และชายคนนั้นไม่รอช้าที่จะคว้ามือจับเข้าไปที่คอของหลินเฟิงทันที 


แต่เมื่อเขาจับเข้าไป มันก็กลับกลายเป็นว่าไม่มีอะไรอยู่บริเวณนั้น ร่างที่โดนจับไว้มันค่อยๆจางหายไปเอง


“หือ? เงางั้นเหรอ?” ชายลึกลับขมวดคิ้วก่อนจะหันไปพบว่า ไม่ไกลนักจากจุดที่เขายืนอยู่ หลินเฟิงปรากฏตัวอีกครั้งที่นั่นโดยที่ดูมีสีหน้าซีดเผือดพร้อมกับรู้สึกประหลาดใจไม่น้อย 


นั่นก็เพราะว่าแม้แต่ตัวหลินเฟิงเองยังไม่คิดเลยว่าตัวเองจะมาถึงระดับนี้ได้ มันเจ๋งสุดๆไปเลยที่มีความเร็วระดับนี้ได้ แต่เขาก็ยังพบอีกด้วยว่าร่างกายของเขาไม่สามารถรองรับการใช้พลังระดับนี้ได้นานนัก 


เพราะเพียงแค่ 2 ครั้ง พลังของหลินเฟิงก็แทบจะหมดแล้ว หากใช้อีกแม้แต่ครั้งเดียว เขามีหวังได้พลังหมดตัวแน่ๆ 


ก่อนที่หลินเฟิงจะได้คิดว่าควรจะทำยังไงต่อ ทันใดนั้นชายลึกลับก็ถอนหายใจและหายไปอีกครั้ง หลินเฟิงรู้สึกได้แค่เพียงกลิ่นอายที่อันตราย ดังนั้นแล้วเขาจึงต้องใช้ความเร็วระดับสูงของเขาอีกครั้ง 


ในครั้งนี้ แม้แต่ชายลึกลับเองก็ยังช็อกอยู่พร้อมกับพูดขึ้นมาด้วย “ดีมาก! ดีจริงๆ! ฉันเริ่มจะสงสัยแล้วว่า สมบัติชิ้นไหนที่สามารถเพิ่มความเร็วให้คนระดับ S เช่นนี้ได้ถึงเพียงนี้ นี่มันใกล้เคียงกับระดับสูงสุดของ SSS แล้วนะ!”


สายตาของเขานั้นเปี่ยมไปด้วยความโลภ ครั้งนี้หลินเฟิงเริ่มจะทรุดลงมาและหน้าซีดเพิ่มขึ้นอีก เขาแทบจะยืนไม่อยู่แล้ว 


“ไหน ดูซิว่าจะยังใช้ความเร็วนั่นได้อยู่ไหม?” พูดจบร่างของชายลึกลับก็หายไปอีกครั้ง และครั้งนี้เขาเร็วขึ้นกว่าเดิมจนเหลือเพียงเงาไว้ในจุดที่จากมาเท่านั้น


“ฉันทนไม่ไหวแล้วนะ…”


แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น