RC:บทที่ 418 การทำงานของชิป

นิยายลงทุกวัน เวลา 6.00 น. ส่วนเรื่องไหน จำนวนกี่ตอนนั้น สามารถดูได้ ที่นี่

RC:บทที่ 418 การทำงานของชิป 


“ที่เจ้านั่นฉีดไปน่าจะเป็นสารจำพวกเร่งศักยภาพแน่ๆขอรับ! ไม่งั้นมันคงเป็นไปไม่ได้ที่จะแข็งแกร่งได้ขนาดนี้ ข้ารู้สึกได้ว่า ถ้าหากผ่านช่วงนี้ไปได้ ความสามารถนั่นก็จะลดลงไปเอง” มังกรทมิฬอธิบาย 


หลังจากได้ยินดังนั้นแล้วหลินเฟิงก็โล่งใจ แต่ถึงยังไง พวกเขาก็ไม่สามารถชักช้าไปมากกว่านี้ได้อีกแล้ว นั่นเพราะว่าพรรคพวกของเขาหลายต่อหลายคนนั้นอาจจะไม่สามารถเอาชนะในศึกครั้งนี้ได้ มีเพียงเหล่า SS บางคนอย่างหลินเฟิง แล้วก็พวก SSS ที่เหลือเท่านั้นที่จะสามารถอยู่ต่อไปได้ 


ท้ายสุดแล้ว หลังจากผ่านมาพักหนึ่ง มังกรทมิฬก็ยืนประจันหน้ากับอีกฝ่ายที่ซึ่งตอนนี้พลังเริ่มกลับมาอยู่ในระดับที่เท่ากันแล้ว และในวินาทีต่อมา หลินเฟิงก็รู้สึกได้ความพลังของอีกฝ่ายลดลงไปอย่างรวดเร็วจริงๆ 


“ดูเหมือนว่าเวลาจะหมดแล้วนะ พลังของเจ้านั่นเริ่มอ่อนลงแล้ว!” หลินเฟิงและมังกรทมิฬรู้สึกดีใจมากๆ จากนั้นก็เริ่มโจมตีอย่างเกรี้ยวกราดทันที


หลังจากที่ผลของยาเร่งนั้นลดลง ความสามารถในการฟื้นฟูก็ลดลงไปด้วย และเมื่อเจ้าตัวพบว่าพลังของเขานั้นอ่อนลงไปแล้ว เขาก็เริ่มจะหวาดกลัวขึ้นมา 


หลังจากสู้กันหลายรอบ ในที่สุดชายคนนั้นก็เป็นฝ่ายเพี่ยงพล้ำ เขาเริ่มเปลี่ยนไปเป็นหลบหลีกและพยายามที่จะไม่สู้กับมังกรทมิฬแทน 


เมื่อมังกรทมิฬเห็นสถานการณ์เป็นแบบนี้ เขาก็รีบใช้โอกาสรุกไล่และโจมตีอย่างหนักหน่วงและทำให้คนๆนั้นมีแผลฉกรรจ์เกิดขึ้น 


ทันทีที่เขาได้รับบาดแผล เขาก็รีบหนีไปทางที่ๆคนอื่นๆกำลังสู้กันอยู่เพื่อจะหลบซ่อน หากแต่มังกรทมิฬก็ไม่ให้โอกาสนั้นแก่เขา มันคำรามออกมาจากนั้นก็เกิดลำแสงสีดำที่ดูน่ากลัวพุ่งเข้าโจมตีอีกฝ่ายโดยตรงจนอีกฝ่ายนั้นได้รับบาดเจ็บสาหัสกว่าเดิม 


การโจมตีที่รุนแรงนั้นเจาะทะลุเสื้อผ้าของอีกฝ่ายจนถึงกระดูก เขาล้มลงไปกับพื้นช้าๆในขณะที่มังกรทมิฬนั้นพุ่งตรงเข้าไปยังร่างของเขาทันที วินาทีต่อมา มันก็ร้องเสียงดังและดึงเอาหยาดเลือดลอยสูงขึ้นและเข้ามายังหว่างคิ้วของหลินเฟิง


ความแข็งแกร่งของหลินเฟิงเพิ่มขึ้นอย่างมากอีกครั้ง และมันยังเพิ่มขึ้นเร็วมากๆจนเหมือนกับเขาพร้อมจะระเบิดพลังออกมาตลอด 


เห็นดังนั้น มังกรทมิฬก็รีบกลับไปยังมิติสัตว์เลี้ยงเหมือนเดิม และนั่นทำให้เกล็ดสีดำบนตัวหลินเฟิงหดหายกลับไปอย่างรวดเร็วไปด้วย 


“นายท่าน ข้ากำลังจะเข้าสู่ระดับ SSS แต่การฝึกตนของท่านยังไม่พอที่จะแบกรับพลังนี้ไว้ เพราะงั้นข้าจำเป็นต้องมาอยู่ที่มิตินี้ก่อน!” เสียงของมังกรทมิฬดังขึ้นภายในจิตใจของหลินเฟิง


“เข้าใจละ! นายเลื่อนขั้นไปก่อนเลย!” หลินเฟิงตอบ 


หลังจากที่มังกรทมิฬกลับไปยังมิติสัตว์เลี้ยงแล้ว หลินเฟิงก็กลับไประดับ A อีกครั้ง 


ในเวลาอันรวดเร็ว หลินเฟิงก็รู้สึกว่าตัวเองนั้นอ่อนแอมากๆท่ามกลางคนเหล่านี้ในทันที เนื่องมาจากพวกเขาแต่ละคนนั้น ต่างก็มีความแข็งแกร่งเริ่มต้นกันที่ SS ดังนั้นแล้วตอนนี้หลินเฟิงเองก็ไม่ต่างจากมดเสียเท่าไหร่ 


“มังกรแสง!” หลินเฟิงรีบเพิ่มพลังของตนเอง และในตอนนี้ร่างกายของเขาก็ปกคลุมไปด้วยเกล็ดสีขาวแทน 


จากนั้นปีกสีเงินก็ปรากฏขึ้นบนหลังของหลินเฟิง อย่างไรก็ตามปีกนั้นก็ถูกปกคลุมด้วยเกล็ดสีเงินเช่นกัน หลินเฟิงกลับมาเป็นระดับ S อีกครั้ง แต่กระนั้นก็ยังไม่ต่างจากมดอยู่ดี 


ยามเมื่อโดนคนพวกนั้นเข้ามาโจมตี เขาเองก็ไม่สามารถหยุดพวกนั้นไว้ได้และจำเป็นต้องหนีออกมาก่อน และในจังหวะนั้นเอง เขาก็นึกขึ้นได้ถึงสิ่งที่เจ้าลิงส่งต่อมาให้เขา 


หลินเฟิงนรีบหยิบเอาอุปกรณ์ชิ้นเล็กๆหลายชิ้นออกมา เขาเลือก 1 ในชิปพวกนั้นและวางมันลงไปที่ระหว่างคิ้ว ซึ่งชิปที่เขาเลือกมาใช้ในครั้งนี้ก็คือแมวเงา ครู่ต่อมาเขาก็รู้สึกได้เลยว่าร่างกายของเขานั้นมันเบาขึ้นมากๆ 


ถึงแม้ว่าความแข็งแกร่งของเขาจะไม่ได้เพิ่มขึ้น หากแต่ความเร็วนั้นเพิ่มขึ้นชนิดที่ว่าเหล่า SS ตามกันไม่ทันเลยทีเดียว 


แต่ข้อจำกัดของมันนั้นก็คือ ทุกๆครั้งที่เขาใช้พลังนี้ มันจะอยู่ได้แค่ 10 วินาทีท่านั้น หลังจากนั้นเขาต้องหยุดใช้มันไปอีก 1 นาทีก่อนจะใช้ได้อีกครั้ง 


เหล่าคนที่โจมตีหลินเฟิงนั้นมีพลังที่แข็งแกร่งและรุนแรงจริงๆ พวก SS คนอื่นๆเองที่เห็นหลินเฟิงโดนไล่ล่าอยู่ พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะละจากการต่อสู้ตรงหน้าและเข้าร่วมการไล่ล่า่หลินเฟิงนี้ด้วย นั่นก็เพราะว่า พวกเขานั้นไม่สามารถที่จะรับมือกับพวกผู้มีฝีมือของทางหลินเฟิงได้ แต่สำหรับหลินเฟิงที่ซึ่งอยู่แค่ระดับ S ในตอนนี้แล้วนั้น มันไม่ได้ยากเย็นอะไรนัก


เมื่อผ่านมา 10 วินาที ความเร็วของหลินเฟิงก็ลดลง และตัวเขาเองก็รู้สึกได้เลยว่าความเร็วของตัวเองนั้นไม่ต่างกับเต่าเลย


รู้สึกได้ดังนั้น หลินเฟิงก็รีบเปลี่ยนชิปที่หว่างคิ้วทันที เขานำชิปแมวเงาออกและสวมชิปอสรพิษปีกยาวเข้าไปแทน 


ปีกขนาดใหญ่สีฟ้างอกเพิ่มขึ้นมาที่กลางหลังของหลินเฟิง จากนั้นความเร็วของหลินเฟิงก็เพิ่มขึ้นอีกครั้งและทำให้เขาสามารถหนีรอดออกจากพวกที่ไล่ตามเขาอยู่ได้ในที่สุด 


อย่างไรก็ตาม พลังของชิปนั้นไม่ยั่งยืน ดังนั้นแล้วหลินเฟิงจึงรีบเปลี่ยนชิปก่อนที่พลังนั้นจะหมดลง เขาหยิบเอาชิปอาชาสวรรค์ขึ้นมาใช้ จากนั้นปีกสีฟ้าที่เป็นพลังของอสรพิษปีกยาวก็หายไป กลับกลายเป็นปีกสีขาวแทนและนั่นทำให้ความเร็วในการหนีของหลินเฟิงนั้นยังคงไม่ลดลง


เขายังคงหลบหลีกอยู่ในขณะที่พรรคพวกฝั่งเขาก็ล้มหายตายจากไปเรื่อยๆและเหล่า SSS ของพวกเขาเองก็ต่างได้รับบาดเจ็บสาหัสกับการสู้กับชายลึกลับนั้น


ในตอนนั้นเอง SSS ระดับสูงทั้ง 3 ก็หันกลับไปมองชายชุดดำในขณะที่ไคซือและ SSS คนอื่นต่างก็ถอยกลับไปหันหลังชนกัน พวกเขาโดนเหล่าศัตรูล้อมเสียแล้ว


พวกเขาเหลือระดับ SS อยู่เพียง 4-5 คนเท่านั้น ดังนั้นตอนนี้พวกเขาเหลือ SS กันอยู่แค่ 7 คนแล้ว 


ขณะที่โดนห้อมล้อมนั้น สีหน้าของพวกเขาก็หน้าถอดสี แต่จู่ๆก็พบว่ามันยังมี SS อีกหลายคนที่กำลังไล่ล่าร่างๆหนึ่งซึ่งเร็วมากๆอยู่ในถ้ำ 


เมื่อไคซือมองว่ามันเกิดอะไรขึ้น เขาก็ต้องตกใจเพราะว่าร่างนั้นคือหลินเฟิง ซึ่งก่อนหน้านี้เขาคิดว่าหลินเฟิงบาดเจ็บและตายมานานแล้วโดยตลอด เขาไม่คิดเลยว่าหลินเฟิงจะยังคงมีชีวิตรอดอยู่ได้มาถึงตอนนี้ 


และสิ่งทำให้เขาแทบไม่เชื่อสายตามากกว่านั่นก็คือ กลิ่นอายของหลินเฟิงนั้นอยู่แค่ระดับ S เท่านั้น หากแต่ความเร็วที่เขาใช้หนีกลับเร็วเทียบเท่า SS จนพวกที่ตามไม่สามารถตามได้ทันเลย 


หลินเฟิงวิ่งออกมาและมองไปยังพวกเขา เมื่อเขาพบไคซือและคนอื่นๆกำลังถูกล้อมไว้ เขาก็โกรธขึ้นมาสุดๆ นั่นเพราะว่า หากพวกเขาพลาดขึ้นมา นั่นก็หมายถึงตาย 


ชายลึกลับในชุดดำหันไปมองทาง SS 4-5 คนที่ซึ่งไล่ตามหลินเฟิงอยู่และจับตัวหลินเฟิงไม่ได้ จากนั้นเขาก็พูดกับผีดูดเลือดที่อยู่ในระดับ SS ในทันทีว่า “ไปจับหมอนั่นซะ!”


“ครับ!” จากนั้นชายชาวฝรั่งเศสก็เปลี่ยนร่างเป็นค้างคาวดูดเลือดและบินไปอย่างรวดเร็ว ความเร็วของมันนั้นนับว่าน่ากลัว เพราะเพียงครู่เดียวมันก็จะถึงตัวหลินเฟิงอยู่แล้ว 


มันมีคลื่นเสียงออกมาจากปาก และนั่นคืออัลตร้าซาวด์ ซึ่งช่วยให้มันหาตำแหน่งของเหยื่อได้ดีมากขึ้นภายในสถานที่เช่นนี้ 


ด้วยเวลาไม่นาน ค้างคาวดูดเลือดนั้นก็เข้ามาใกล้หลินเฟิงมากขึ้นเรื่อยๆแล้ว เพียงอีกไม่ไกล มันก็จะถึงตัวหลินเฟิง


“มังกรทมิฬ ยังไม่เสร็จอีกเหรอ! ฉันจะรับมือไม่ไหวแล้วนะ!” หลินเฟิงรีบบินหนีอย่างเร่งรีบขณะที่เร่งมังกรทมิฬไม่ต่างกับที่เร่งบินหนีไปด้วย 


“อีกซักครู่ขอรับ นายท่าน! ช่วยต้านเอาไว้ก่อน!” มังกรทมิฬพูด 


ในตอนนั้น มังกรทมิฬกำลังดูดซับพลังวิญญาณของหิน 7 สีระดับเทพเจ้าอยู่ภายในมิติสัตว์เลี้ยงท่มกลางหว่างคิ้วของหลินเฟิง และหลินเฟิงเองก็ยังคงดูดซับและเสริมพลังวิญญาณอยู่ตลอดเวลาที่อีกฝ่ายกำลังดูดซับมันไปด้วย 


เขาเปลี่ยนชิปอีกครั้ง นอกจากนั้นภายในมิติของหลินเฟิงนั้นยังมีอุปกรณ์แจกจ่ายพลังวิญญาณระดับพระเจ้าอย่างหินวิญญาณอยู่ด้วย ครู่หนึ่งต่อจากนั้นความเร็วของหลินเฟิงก็ยังคงไม่ลดลง และมันทำให้ค้างคาวดูดเลือดไม่สามารถไล่ตามเขาได้ทัน 


“หือ? เสียเวลาจริงๆ นี่ตั้งนานแล้วยังจับเจ้านั่นไม่ได้อีกเหรอ?” ชายลึกลับในชุดสีดำเริ่มโมโหเมื่อเห็นว่าหลินเฟิงยังไม่โดนจับได้มาจะครึ่งวันแล้ว 


เมื่อค้างคาวดูดเลือดได้ยินดังนั้นมันก็หนักอกหนักใจมากๆ ดังนั้นมันจึงเพิ่มความเร็วเข้าไปอีกจนถึงระดับสุดและไล่หลินเฟิงแบบเต็มที่  


แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น