RC:บทที่ 417 เลือดส่วนอื่น
ไม่เคยมีครั้งไหนที่ชิงฉานจะแสดงอาการหวาดกลัวแบบนี้ออกมา เขามองไปยังอีกฝ่ายและตะโกนขึ้นมา “แก...ระดับสุดยอดของ SSS งั้นเหรอ!?”
“เพิ่งจะรู้ตัวเหรอ? ช้าไปแล้ว!” ชายลึกลับปรบมือขึ้นหนือหัวและทันใดนั้นพลังที่ซึ่งไม่สามารถอธิบายได้ก็เข้าโจมตีชิงฉานทันที
เห็นดังนั้น ชิงฉานก็รีบรวบรวมพลังวิญญาณจากทั่วทั้งร่างเขาอีกครั้งไว้ใน 1 หมัด แต่เขานั้นไม่คาดคิดเลยว่าพลังที่สามารถถล่มสวรรค์ทลายโลกาได้ของเขานั้น เมื่อเทียบกับพลังของคนตรงหน้ามันแทบไม่ต่างอะไรจากโยนไข่ใส่หินเลย แรงต้านมันเยอะเสียจนเขานั้นเป็นฝ่ายพ่ายแทน
ท้ายสุดแล้วพลังของอีกฝ่ายก็ปะทะเข้ากับอกของชิงฉานรุนแรงจนเขากระอักเลือดออกมาพร้อมกับกระเด็นเข้าไปในถ้ำด้วย
ในตอนนั้นเชียนยี่และหยางชิว ผู้แข็งแกร่งทั้ง 2 ก็ได้เห็นภาพนั้นกับตาด้วย พวกเขารีบโยนศัตรูที่กำลังสู้อยู่ออกพร้อมกับพากันพุ่งเข้าไปช่วยชิงฉานด้วย ทั้ง 2 สู้กับชายลึกลับด้วยกัน
การร่วมมือกันของทั้ง 2 คนนั้นนับว่าเป็นอะไรที่ร้ายกาจมากๆ และเมื่อชิงฉานลุกขึ้นมา ก็กลายเป็นว่าทั้ง 3 คนนั้นได้กลายเป็นศัตรูที่น่ากลัวไม่น้อยสำหร้บชายลึกลับชุดดำไปแล้ว การต่อสู้นี้คนอื่นทำได้แค่ดูด้วยความหนักใจ นั่นเพราะว่าทั้ง 3 คนนี้นับเป็นระดับสุดยอดของพวกเขาแล้ว
ระหว่างที่ทั้ง 3 ของฝั่งหลินเฟิงกำลังเข้าปะทะกับชายลึกลับ มันทำให้พวกเขาไม่เหลือ SSS ขั้นสูงที่เอาไว้รับมือกับ SSS 4 คนของอีกฝ่าย ด้วยเหตุนี้มันทำให้หลินเฟิงเริ่มเห็นแววที่จะแพ้แล้ว
หลินเฟิงที่สู้และฆ่าชายคนหนึ่งที่ครอบครองเลือดของมังกรดำส่วนหนึ่งได้แล้ว ในตอนนี้ที่เลือดนั้นฟื้นฟู ความแข็งแกร่งของหลินเฟิงก็เพิ่มขึ้นด้วย และในตอนนี้เขาอยู่ในระดับ SS ช่วงท้ายแล้วจากตอนแรกอยู่แค่ SS ขั้นกลาง
ถ้าพวกเขาสามารถฟื้นฟูเลือดได้อีกส่วนหนึ่ง มังกรทมิฬก็น่าจะทะลุระดับ SSS ได้
ดังนั้นแล้วระหว่างที่ต่อสู้ หลินเฟิงก็มองหาชายที่ครอบครองเลือดของมังกรดำอีกส่วนหนึ่งไปด้วย ตราบใดก็ตามที่เขาสามารถฆ่าคนๆนั้นและเอาเลือดนั่นมา เขาก็จะยิ่งแข็งแกร่งขึ้นอีก
ภาพตรงหน้านั้นวุ่นวายเอาเสียมากๆ หลังจากที่หลินเฟิงมองหาอยู่พักใหญ่ เขาก็ยังไม่เจอชายผู้ที่ถือครองเลือดมังกรทมิฬอีกส่วนหนึ่งเสียที และยิ่งเวลาผ่านมานานขึ้น สถานการณ์ทางฝั่งเขามันก็แย่ลงๆเรื่อยๆ ถ้าฝ่ายเขายังเป็นฝ่ายถูกฆ่าอยู่แบบนี้ อีกไม่นานเขาเองคงได้ตายที่นี่ไปอีกศพ
แต่ทันใดนั้น หลินเฟิงก็เจอชายผู้หนึ่ง และร่างของชายคนนั้นมีเกล็ดสีดำปกคลุมอยู่ รวมถึงพลังของคนๆนั้นก็อยู่ในระดับ SS ด้วย
คนๆนี้แข็งแกร่งกว่าชายคนก่อนที่มีเลือดมังกรทมิฬอยู่นิดหน่อย แต่มันก็มากพอที่จะทำให้เหล่า SS ฝั่งเขานั้นไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาเลย
เมื่อมองดีๆแล้ว ตัวหลินเฟิงเองก็มีเกล็ดมังกรสีดำขึ้นมาอยู่เหมือนกัน เหมือนๆกับพวกที่เจอก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ตาม หลังจากที่หลินเฟิงมีเกล็ดพวกนี้ขึ้นมาแล้ว เขาก็เปี่ยมไปด้วยพลังงานแห่งความมืดพร้อมกับความรู้สึกที่เปี่ยมด้วยความรุนแรงและชั่วร้าย ราวกับสัญชาติญาณแห่งการฆ่าแบบไร้เหตุผลมันถูกปลุกให้ตื่นขึ้นมาด้วย
หลินเฟิงเริ่มไล่ล่าและเข้าโจมตีชายคนนั้นทันที
ในขณะที่เหล่าบรรดา SS ที่กำลังกลัวชายคึนนี้ที่ซึ่งมีเกล็ดมังกรอยู่ตามตัว กรงเล็บของเขานั้นมีฤทธิ์ร้ายกาจมากๆ ผู้โชคร้ายอ้าปากร้องสุดเสียง และเมื่อเขาเตรียมที่จะโจมตีปิดท้าย หลินเฟิงก็เข้ามาถึง
กรร!!
เสียงมังกรคำรามดังออกมาจากปากของหลินเฟิง มันเป็น 1 ในความสามารถของมังกรทมิฬ และมันนับเป็นพลังในการก่อกวนที่แข็งแกร่งระดับหนึ่งเลย
ยามเมื่อชายคนนั้นได้ยินเสียง พลังของเขาก็ชะงักไปในทันที และมือที่เตรียมจะบีบคออีกฝ่ายก็ต้องยกขึ้นมาป้องหูไว้ก่อน และทันใดนั้น ร่างกายของเขามันก็ควบคุมไม่ได้ขึ้นมา
ภายหลังจากที่เสียงคำรามของมังกรเงียบลง เกล็ดบนร่างกายของชายคนนั้นก็รีบหดหายไปทีละนิดๆ มันดูเหมือนถูกเรียกกลับโดยแกนหลัก เลือดบริสุทธิ์ของมังกรทมิฬในร่างของชายคนนั้นเริ่มต่อต้านและพร้อมจะแยกออกจากร่างของเขาแล้ว
“พ-พลังของฉัน!? กำลังลดลง...” เกล็ดของมังกรหายไปหมดแล้ว และมันเผยให้เห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวและความไม่เต็มใจ
“หยุด! หยุดนะ!” ทันใดนั้น เขาก็หยิบเอาเข็มฉีดยาปริศนาขึ้นมา จากนั้นก็ปักมันลงไปบนเส้นเลือดที่แขน ของเหลวบางอย่างถูกฉีดเพิ่มลงไปในร่างกายของเขา
จังหวะต่อมา เกล็ดที่กำลังหดกลับนั้นมันก็กลับงอกขึ้นมาใหม่ สีของมันดูมันเงามากขึ้น และหนาขึ้นด้วย รวมไปถึงความแข็งแกร่งของเขาก็เพิ่มขึ้นด้วย
แต่เดิมแล้วคนๆนั้นมีความแข็งแกร่งอยู่ที่ SS ระดับกลางๆเท่านั้น และในตอนนี้มันกลายเป็น SS ระดับสูงเสียแล้ว
เมื่อหลินเฟิงเห็นดังนั้น เขาก็รีบเข้าไปหาอีกฝ่าย จากนั้นก็ใช้กรงเล็บมังกรทะลวงหลังของอีกฝ่ายในทันที กรงเล็บนั้นสร้างบาดแผลขนาดใหญ่ไว้ถึง 3 แผลที่กลางหลังคนๆนั้น และนั่นทำให้เลือดจำนวนมากไหลพรากออกมา
แต่แล้วเขาก็ต้องตกใจกับสิ่งที่เห็น เพราะแผลนั้นถูกรักษาต่อหน้าต่อตาด้วยความเร็วที่เยอะมากๆ ที่แขนของอีกฝ่ายเริ่มมีหนามแหลมงอกขึ้นมาพร้อมๆกับที่หัวก็มีเขามังกรเล็กๆงอกขึ้นมาด้วย
“เกิดอะไรขึ้นน่ะมังกรทมิฬ?” หลินเฟิงช็อกกับภาพที่เห็นไปเลย
อย่าว่าแต่หลินเฟิง เพราะแม้แต่ตัวมังกรทมิฬเองก็ยังช็อกก่อนจะพูดขึ้นในจิตใจของหลินเฟิง “นายท่าน ข้าเองก็ไม่รู้แน่ชัดนักหรอกขอรับ ไม่รู้ว่าหมอนี่มันฉีดอะไรเข้าไป แต่มันช่วยขับพลังของเลือดภายในร่างของเขาได้”
หลังจากที่ได้ยินมังกรทมิฬพูด หลินเฟิงก็พบว่าพลังของเขานั้นเพิ่มจากระดับสูงของ SS เป็นระดับสุดยอดของ SS แล้ว ช่างเป็นพลังที่น่ากลัวจริงๆ
“นายท่าน ข้าขอควบคุมร่างด้วยตัวเอง ข้ามั่นใจว่าข้าสามารถฆ่าและเก็บเลือดบริสุทธิ์มาได้!” มังกรทมิฬเอ่ย
“ดีล่ะ!” หลินเฟิงเองก็ตอบรับ
จากนั้นนัยน์ตาของหลินเฟิงก็เปลี่ยนไป จากเดิมมันเป็นสีดำ ตอนนี้มันเป็นสีทองที่เปล่งออร่าสวยงามออกมาเสียแล้ว
กรร!
เสียงคำรามดังมาจากปากของหลินเฟิง จากนั้นร่างของเขาเองก็เปลี่ยนไป เกล็ดสีดำตามตัวนั้นหนาและแน่นขึ้น ดวงตาก็คมและงดงามมากขึ้น พวกมันดูน่ากลัวเมื่อมองควบคู่กับหนามที่แหลมคมที่งอกขึ้นมาจากแขนและหลังเหมือนใบดาบ
ในตอนนี้ ต่างฝ่ายต่างกลายเป็นกึ่งมังกรไปแล้วทั้งคู่ ทั้งสองนั้นมีรูปร่างเหมือนกันมากๆราวกับว่าต่างฝ่ายต่างเป็นเงาของกันและกันเลย
กรร! กรร!!
ทั้งสองขู่กันด้วยเสียงคำราม จากนั้นก็พุ่งเข้าใส่กัน พลังอันมหาศาลนั้นถูกปลดปล่อยออกมาเพื่อข่มขู่ใส่กัน ลูกหลงจากการที่ทั้งสองเริ่มต่อสู้กันนั้นทำเอาระดับ SS คนอื่นต้องถอยหนีก่อนเลย
การต่อสู้ของทั้งสองนั้นเกือบเทียบเท่าพลังของพวก SSS ขั้นต้นแล้ว และนั่นมันเรียกให้ผู้ทีแข็งแกร่งคนอื่นๆต้องหันมามอง ยิ่งสู้ก็ยิ่งดุร้ายและรุนแรงมากขึ้นและยังเร็วขึ้นด้วย จนตอนนี้ไม่มีใครมองออกแล้วว่าใครคือมิตร และใครคือศัตรู
พวกเขาต่อสู้กันอย่างยาวนาน แต่ถึงอย่างงั้นมันก็ยังไม่มีใครเป็นผู้ชนะเสียที ในตอนนั้น มังกรทมิฬที่ควบคุมร่างของหลินเฟิงอยู่ โดยที่มีหลินเฟิงเป็นฝ่ายเฝ้าดูอยู่ในห้วงจิตแทนก็เกิดประหลาดใจแบบสุดๆ
หลินเฟิงได้เป็นผู้ชมแบบใกล้ชิดที่สุดไม่ว่าพวกเขาจะไปสู้กันที่ไหน และมันทำให้เขารู้สึกเลยว่าชายคนนี้นั้นเหมือนคนที่มาจากสงครามเลย
“ทำไมคนที่แข็งแกร่งขนาดนี้ถึงมาอยู่ที่นี่นะ?” หลินเฟิงถาม
0 ความคิดเห็น