RC:บทที่ 411 สอบถามข้อมูล
“ไม่ต้องกังวล เลือดกับกระดูกน่ะเก็บไปเกือบจะหมดแล้ว ถ้าเจ้าเปี๊ยกญี่ปุ่นนั่นไม่เข้ามาขัดล่ะก็ ป่านนี้คงได้มาพอแล้ว!” ชายหนุ่มพูด
หลินเฟิงเอาคำพูดของชายคนนี้กลับมาพูดอีกครั้ง แต่กระนั้นเขาก็ไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับหัวใจหลักของงานวิจัยแม้แต่นิดเดียว
“เจ้าเปี๊ยกญี่ปุ่นนี่น่ะสมควรตายอยู่แล้ว อย่าลืมสิว่าเป้าหมายของพวกเราคืออะไร? แล้วตอนนี้เรามีอะไรที่สำเร็จไปแล้วบ้าง!” หลินเฟิงถามอย่างรอบคอบ เขาเองก็กลัวว่าชายคนนี้จะตื่นตัวเกินไปและแสดงท่าทีอะไรออกมา
“เป้าหมายของพวกเราก็คือ มีกระดูกโลหิตระดับ SS 100 ตน และตอนนี้ที่สำเร็จแล้วจริงๆมีน้อยกว่า 10 ตนเสียด้วยซ้ำ เมื่อทุกอย่างมันสำเร็จ ตราบใดก็ตามที่เรามีกองทัพกระดูกโลหิตพวกนี้ พวกเราก็จะกลายเป็นผู้ที่มีความแข็งแกร่งระดับ SS ที่ทรงพลังที่สุดในทันที ยิ่งใหญ่ดีใช่ไหมล่ะ! เพราะงั้นต่อให้ต้องรอก็คุ้มค่าแล้วล่ะ!” ชายหนุ่มพูดด้วยความตื่นเต้นมากขึ้นไปอีก
ได้ยินดังนั้น หลินเฟิงก็ตกใจและอึ้งไปพร้อมๆกัน เขานั้นไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน มันใช้เวลาพักใหญ่ๆเลยกว่าจะระงับอาการตกตะลึงของตัวเองได้ จากนั้นเขาก็พูดขึ้นทันที “ยังไงก็ตาม พี่ชาย ทำไมพวกญี่ปุ่นพวกนั้นต้องเขามาสู้กับเราเพื่อเลือดแล้วก็กระดูกด้วยล่ะ?”
หลินเฟิงคิดเรื่องนี้ขึ้นมาได้จึงรีบถามออกไปทันที
“อืม เท่าที่ได้ยินมาจากเบื้องบนนะ คนพวกนั้นต้องการที่จะคืนชีพสัตว์วิญญาณโบราณที่แข็งแกร่งของพวกนั้น ดูเหมือนว่ามันจะเรียกว่า งูยักษ์ปาจิ หรืออะไรเนี่ยแหละ ฉันเองก็ไม่รู้เรื่องนี้มากนักหรอก อีกอย่างนะ เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่พวกเราต้องรู้ด้วย เลิกถามได้แล้ว!” เขาพูด
“อ่ะ โอเคๆ ฉันก็แค่สงสัย แล้วก็ฉันไม่ชอบเลยที่พวกนั้นจ้องจะมาขโมยเลือดและกระดูกจากเรา!” หลินเฟิงกลับไปให้ความสนใจกับพวกคนญี่ปุ่นพวกนั้นต่อ
ในตอนนั้น หลินเฟิงรู้แล้วว่าเป้าหมายของการสร้างกองทัพกระดูกโลหิตและพวกชาวญี่ปุ่นนี่คืออะไร
เขาส่งข่าวทุกอย่างไปยัง 3 คนที่เหลือ ด้วยสถานการณ์ตอนนี้ มันทำให้เขาสามารถหาข้อมูลได้อย่างมากมายเลยทีเดียว หลังจากที่ที่สื่อสารกับคนอื่นๆแล้ว พวกเขาต่างก็เข้าใจถึงเหตุผลของกันและกัน
หากจะสรุปก็คือ พวกญี่ปุ่นพวกนี้ ไม่เพียงแค่ร่วมมือกับทางญี่ปุ่น แต่ยังมีส่วนเกี่ยวข้องกับองกรณ์กระดูกโลหิตเหล่านี้ด้วย
ทั้งสองฝั่งนั้นเก็บรวมรวบกระดูกและเลือด ทางฝั่งญี่ปุ่นนั้นทำเพื่อคืนชีพงูยักษ์ปาจิ ส่วนทางองค์กรต้องการที่จะสร้างกองทัพกระดูกโลหิต
สำหรับคนจากประเทศอื่นๆนั้น พวกเขาต่างก็มีจุดประสงค์ของพวกเขาเอง แต่แน่นอนว่ามันต่างกับจุดประสงค์ขององค์กรกระดูกโลหิตและญี่ปุ่นแน่ๆ
ทั้ง 4 ไม่นานก็ได้พบเจอซึ่งกันและกัน แต่กระนั้นพวกเขาก็ยังไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไรต่อไปดี
“ก่อนอื่นเลยนะ พวกคุณได้เจอพวกคนที่แข็งแกร่งท่ามกลางคนพวกนี้บ้างหรือเปล่า?” หลินเฟิงพูด
ทั้งสามที่ได้ยินคำถามที่จู่ๆก็เอ่ยขึ้นมาก็ตอบออกไป “เจอ แต่ไม่ใช่ที่นี่ อยู่ลึกกว่านี้”
“ลึกกว่านี้?” ได้ยินดังนั้นหลินเฟิงก็เกิดสงสัยขึ้นมาแล้วก็รีบซักถามให้รู้เรื่องราวมากกว่านี้
ทันใดนั้นหลินเฟิงก็ได้รับรู้ว่า นอกจากพื้นที่ 6 ส่วนตรงนี้ มันยังมีหลุมขนาดใหญ่อยู่เบื้องหลังพวกเขาอีก ดูเหมือนว่าถ้ำนั้นจะนำทางไปยังจุดที่อยู่ลึกกว่านี้อีก
กลิ่นอายของความแข็งแกร่งและกลิ่นคาวเลือดนั้นหลั่งไหลออกมาจากภายในนั้น ดูเหมือนว่าที่นี่จะมีคนที่ทำหน้าที่เป็นยามอยู่ด้วย
“แผนคืออะไร? จะได้รีบๆนัดแนะกันก่อนที่จะไปสำรวจต่อ” หลินเฟิงถาม
ในตอนนี้ หลินเฟิงนั้นเกิดกลัวขึ้นมานิดหน่อย นั่นก็เพราะว่าอีกฟากหนึ่งของถ้ำที่ดูลึกสุดๆนี่ ต้องมีอะไรที่แข็งแกร่งอยู่แน่ๆ ไม่ว่าด้านในนั้นจะเป็นหน่วยงานหรือผู้ที่มีระดับ SSS แต่ความแข็งแกร่งนั้นมีมากพอระดับ SSS 6 คนเลย นอกจากนั้น ด้านนอกนี่ยังมีคนอยู่มากมายด้วย เพราะงั้นแล้วหลินเฟิงจึงไม่อยากที่จะเป็นศัตรูกับใครในตอนนี้ซักเท่าไหร่
แต่อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้หลินเฟิงก็พบว่ามีกลุ่มคนเข้ามาจากด้านนอก ถึงจะไม่เยอะมากแต่ก็มีมากกว่า 20 คน
ทั้งๆที่ควรจะไม่มีอะไรแท้ๆ แต่นั่นกลับทำให้หลินเฟิงต้องตกใจยิ่งกว่า เพราะเขาดันเจอ “คนรู้จัก” ภายในคนกลุ่มนี้เสียได้
นั่นคือชายลึกลับที่มาพร้อมหน้ากาก หลินเฟิงเคยเจอเขาเมื่อนานมาแล้ว ใช่แล้ว คนๆนี้คือคนที่ฆ่าราชาทมิฬ และเป็นสาเหตุที่ทำให้ราชาทมิฬต้องแบ่งเลือดออกเป็น 10 ส่วน
กลิ่นอายแบบนี้ มันย้ำเตือนความทรงจำเขาได้ดีจนไม่อาจจะลืมลง และเช่นเดียวกับหลินเฟิง ราชาทมิฬที่อยู่ในมิติเองก็กู่ร้องขึ้นมาด้วย แน่นอนว่าเขาโกรธสุดๆเลย
ในตอนนั้นเอง จู่ๆชายลึกลับในหน้ากากที่กำลังเดินมากับคนกลุ่มนั้นก็รับรู้ได้ถึงอะไรนิดหน่อย เขาหันมาทางหลินเฟิลซึ่งเมื่อเห็นดังนั้นหลินเฟิงก็ก้มหน้าและซ่อนกลิ่นอายของตัวเองทันที
ชายคนนั้นไม่เจออะไร เขาจึงปล่อยวางและเดินต่อไปยังถ้ำนั้น
หลินเฟิงเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง ซึ่งในตอนนั้นเสียงของราชาทมิฬก็เอ่ยขึ้นด้วยความตื่นเต้น “นายท่าน! นายท่าน! ข้ารู้สึกถึงมัน!”
ฟังราชาทมิฬพูดอย่างตื่นเต้นแล้วหลินเฟิงก็สงสัย “รู้สึกอะไร?”
“ข้ารู้สึกถึงเลือดส่วนอื่นๆของข้า! มันต้องมีอย่างน้อยๆ 2 ส่วนอยู่กับคนพวกนั้น ที่ตามหลังชายลึกลับตอนนี้!” ยิ่งราชาทมิฬพูด เขาก็ยิ่งตื่นเต้นมากขึ้นเรื่อยๆ
“กับพวกนั้นเหรอ?” หลินเฟิงถาม
“ใช่แล้วขอรับ! อยู่กับพวกนั้น ใช่แล้ว!” เขานั้นไม่สามารถควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้เลย และตอนนี้เขาก็กำลังสั่นไม่หยุดอยู่ในมิตินั้นๆ
หลินเฟิงดูเฉยๆอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูด “อย่าเพิ่งกระวนกระวายไป คนๆนั้นแข็งแกร่งเกินไป เขาเป็นระดับท็อปของบรรดา SSS เลยนะ พวกเราไม่ใช่คู่ต่อสู้หรอก เอาจริงๆต่อให้เป็นต่อให้เป็นบรรพบุรุษของไค่ซือทั้ง 3 เองก็เอาไม่อยู่!”
“ยิ่งไปกว่านั้น หลังจากหลายปีผ่านมานี้ คนๆนั้นก็น่าจะแข็งแกร่งขึ้นอยู่แล้ว เพราะงั้นเราปล่อยเรื่องนี้ไว้ก่อน!” เขาทำได้แค่รอให้ตระกูลศักดิ์สิทธิ์ส่งคนที่แข็งแกร่งๆเข้ามาเท่านั้น ไม่งั้นถ้าพวกเขาเริ่มก่อน ก็ลืมเรื่องกลับไปแบบมีชีวิตได้เลย
“ขอรับนายท่าน!” ราชาทมิฬตอบกลับ
ในตอนนี้ ภายในถ้ำที่อันตรายนั้น มันมีคนอยู่มากมาย แถมยังมีกลิ่นอายที่ทรงพลังมากมายอยู่ภายในถ้ำที่ลึกๆนั่นด้วย เขานั้นยังคงรับรู้ได้ว่าชายลึกลับที่สวมหน้ากากนั้นอยู่ระดับท็อปของ SSS เมื่อไหร่ที่พวกเขาเริ่มก่อน นั่นหมายถึงพวกเขาแพ้แน่ๆ
“สถานการณ์ในตอนนี้มันอยู่นอกเหนือความคาดหมายแล้ว กลับกันก่อน! รายงานสถานการณ์ให้เบื้องบนจากนั้นค่อยวางแผนกันใหม่!” หลินเฟิงคิดและพูด
“ใช่แล้ว ชีวิตนั้นสำคัญกว่า! กลับกันก่อนเถอะ!” ไค่ซือเองก็พูดกับทั้ง 2 จากนั้นพวกเขาก็พยักหน้าและออกไป
“โอ้! โอ้! โอ้!”
ทันใดนั้น เสียงเชียร์ก็ดังขึ้น และในตอนนั้นก็มีคน 2 คนเด่นชัดขึ้นท่ามกลางถ้ำนั้น ในขณะที่คนอื่นก็เริ่มตะโกนเสียงดัง
“เกิดอะไรขึ้นน่ะ?” ได้ยินเสียงที่ดังขึ้น หลินเฟิงก็รีบหันกลับไปดูทันที
0 ความคิดเห็น