RC:บทที่ 391 ชายหนุ่มผู้สง่า
หลังจากที่หลิน เฟิงเดินออกไป จู่ๆ คนรับใช้คนหนึ่งของหยุน เชาก็ปรากฏตัวขึ้นตรงพื้นที่รายงานตัว และเขาเองก็ไม่รู้ว่าหลิน เฟิงทิ้งอะไรไว้ให้กับพนักงาน เห็นแค่ว่าพนักงานคนดังกล่าวมอง แล้วสายตาก็เปลี่ยนไป
แล้วจากนั้นก็ลงมือทำงานอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์หน้าคนใช้คนดังกล่าว
ชายคนหนึ่งที่ยืนอยู่ไกลๆเมื่อเห็นแบบนั้นเข้า ก็ได้เดินเข้าไปหาชายหนุ่มที่กอดรัดกับสาวสวยคนหนึ่งอยู่ พลางเอ่ยขึ้น “นายน้อย ดูเหมือนว่าหยุน เชาจะเคลื่อนย้ายอะไรบางอย่างออกไปครับ”
“ไม่เป็นไร ปล่อยให้เขาทำไปเถอะ และถ้าคนๆนั้นผ่านตรงนี้ไปไม่ได้ ก็ถือว่าไม่ควรค่าที่เราจะไปเชิญมาด้วย”
ในขณะที่พวกเขานั่งชมการแข่งขันอยู่นั้นเอง ทันใดนั้นเอง ชายหนุ่มท่าทางสง่าผ่าเผยก็เดินมาที่พวกเขา
“สวัสดีครับ ตรงนี้มีใครนั่งหรือยังครับ ผมนั่งได้ไหม” ชายรูปร่างสง่าคนนั้นเอ่ยถามหลิน เฟิง
หลิน เฟิงจ้องไปที่ชายคนนั้นก่อนจะพูดขึ้น “อ๋อ นั่งได้เลย ไม่มีคนนั่งครับ”
หลังจากพูดจบ หลิน เฟิงจึงหันไปดูการแข่งต่อ
เมื่อได้ยินหลิน เฟิงพูดแบบนั้น ชายคนนั้นก็นั่งลงทันที โดยตำแหน่งที่เขานั่งนั้นก็ถัดจากหลิน เฟิงนั่นเอง เมื่อนั่งลงเขาจึงเอ่ยถามขึ้น “น้องชาย นายคิดว่าใครจะชนะ”
คิดเพียงไม่นาน หลิน เฟิงจึงชี้ไปที่ชายคนที่อยู่ด้านซ้าย
เมื่อชายคนนั้นได้ฟังคำตอบดังกล่าว แสงบริสุทธิ์ในดวงตานั้นก็วาววับขึ้นมาด้วยความชื่นชมก่อนจะพยักหน้า
“ทำไมล่ะครับ”
“แม้การเคลื่อนที่ของเขาจะดูงุ่มง่าม และการโจมตีจากอีกฝ่ายนั้นถึงจะดูเร็วมาก แต่คนๆนี้ใช้พลังไปไม่ถึง 30 % เลย ส่วนอีกฝ่ายกลับใช้พลังวิญญาณไปตั้งมากกว่าครึ่ง ก็ต้องเป็นเขานี่ล่ะที่จะชนะครับ” หลิน เฟิงว่าขึ้นขณะที่มองอยู่
“ตาแหลมไม่เบานี่ น้องชาย” ชายคนนั้นว่าขึ้นพลางยิ้มๆ
“ก็มากไปครับ” หลิน เฟิงว่า ก่อนจะมองไปที่ชายคนดังกล่าวอย่างพินิจ
หลังจากได้ดูโดยถ้วนถี่แล้ว เขาก็ได้เห็นว่าชายหนุ่มตรงหน้านี้ดูดีเหลือร้ายจริงๆ
“ข่าวใหญ่ข่าวดีของวันนี้ การต่อสู้ในนัดที่แสนอัศจรรย์จะเริ่มต้นขึ้น โดยทั้งสองฝ่ายยังเป็นพวกหน้าใหม่อีกด้วย คนหนึ่งเป็นหน้ากากหมาป่า ส่วนอีกฝ่ายเป็นผีสาวที่ไม่ได้ต่อสู้มาตั้งนานแล้ว”
ในตอนนี้ หลิน เฟิงที่นั่งอยู่ในสนามรบตอนนี้จู่ๆก็ได้ยินเสียงประกาศลั่น และไม่ใช่แค่เขาที่ได้ยิน แต่เป็นคนทั้งลานต่อสู้ใต้ดินทั้งหมดที่ได้ยินข่าวนี้ด้วย
“ว่าไงนะ ผีสาวนั่นอยากจะสู้งั้นหรือ คู่ต่อสู้เป็นหน้ากากหมาป่าอย่างงั้นหรือ”
“พระเจ้าช่วย นี่จะต้องเป็นการต่อสู้ที่น่าจับตามองที่สุดในรอบสองปีที่ผ่านมาเลยสินะเนี่ย แถมหน้ากากหมาป่านั่น นับตั้งแต่ที่ลงทะเบียนต่อสู้ ก็ไม่เคยแพ้เลย ส่วนผีสาวก็เหมือนกัน เพียงแค่ว่าเธอไม่ได้ต่อสู้มาตั้งนานแล้ว ฉันเองก็ไม่ได้หวังว่าเธอจะชนะหรอกวันนี้ แต่นั่นก็น่าตื่นตาตื่นใจดี”
“ไม่ต้องทะเลาะกันๆ เดี๋ยวพวกเราไปที่ลานประลองที่พวกเขาสองคนสู้กันจะดีกว่า แถมต้องรีบไปจองที่ด้วย ถ้าช้าเดี๋ยวไม่มีที่นั่งเอานะ”
“ใช่ๆ ถ้าครั้งไหนผีสาวลงแข่งล่ะก็ ที่นั่งเต็มทุกทีเลย ไม่เคยทันเล้ย แล้วก็ครั้งนี้ คู่แข่งของเธอก็เป็นหน้ากากหมาป่า เขาเป็นถึงราชาคนใหม่ แถมยังได้รับความนิยมสูงกว่าผู้ใช้พลังเก่งๆหลายคนด้วย”
“ฉันล่ะไม่อยากนึกเลยว่าจะมีคนมากแค่ไหนที่ไปดูพวกนั้นแข่งกันน่ะ”
“...”
ผ่านไปครู่หนึ่ง ทุกคนต่างก็ซุบซิบกัน หลิน เฟิงอึ้งไปเมื่อได้ยินข่าวนี้ แต่อย่างไรก็ตาม เขาเองก็ยังไม่เคยได้ยินชื่อของผีสาวคนนี้เลย และยังไม่รู้เลยว่าเธอเป็นคนแบบไหน
“น้องชาย นายรู้จักผีสาวกับหมาป่ากระหายเลือดไหม เล่าให้ฉันฟังบ้างสิ” ในขณะที่หลิน เฟิงกำลังตกใจอยู่นั่นเอง ชายผู้สง่าที่นั่งข้างๆก็ได้เอ่ยถามขึ้น
“อืม...ผมเองก็รู้จักหมาป่ากระหายเลือดอยู่ แต่กับผีสาวนี่ไม่เคยได้ยินเลยครับ อาจจะทำให้คุณไม่พอใจได้ เพราะผมเองก็ไม่ได้มาที่นี่นานแล้วด้วย” หลิน เฟิงกล่าว
ในตอนนี้ หลิน เฟิงไม่ได้สวมหน้ากากหมาป่ากระหายเลือดแล้ว แต่จงใจสวมหน้ากากอื่นแทน เขาจึงไม่กลัวว่าคนอื่นๆจะรู้ถึงตัวตนของเขา เขาก็เลยไม่คิดถึงเรื่องนั้นอีก ในขณะที่ชายรูปร่างสง่าที่นั่งอยู่ใกล้ๆกับเขานั้นรู้ตัวตนของเขาตั้งนานแล้ว
“คือว่าฉันน่ะรู้ข้อมูลของผีสาวตนนั้นมามากเลยล่ะ แต่เรื่องหมาป่ากระหายเลือดนี่ ไม่รู้เลย เราจะไปคุยเรื่องนี้กันหน่อยดีไหม” ชายคนดังกล่าวเอ่ยขึ้นด้วยเสียงอ่อนโยน
“ดีเลยครับ” หลิน เฟิงตอบตกลงอย่างไม่ลังเล ยิ่งไปกว่านั้น จะได้รู้เขารู้เราไปด้วย รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้งยังไงล่ะ
“แล้วก็ นายชื่ออะไรงั้นหรือ” ชายคนนั้นเอ่ยถามขึ้น
“อ๋อ ผมชื่อหลิน เฟิงครับ หรือจะเรียกว่าหลินก็ได้ถ้าเราอายุเท่ากันนะครับ” หลิน เฟิงเอ่ยขึ้น
ในขณะเดียวกันนั้นเอง หลิน เฟิงก็ได้มองไปที่ชายร่างสง่าตรงหน้า อีกทั้งยังไม่รู้สึกถึงพลังงานวิญญาณที่หลั่งไหลออกมาสักนิด
คนส่วนใหญ่ที่มาที่นี่ล้วนแต่เป็นผู้มีพลัง และยังมีพวกคนรวยที่มาพนันขันต่อกันที่นี่อีกด้วย แต่อย่างไรก็ตาม คนที่อยู่ตรงหน้าเขานี้ดูยังไงก็ไม่น่าใช่คนธรรมดาแน่ๆ
เพียงแค่หลิน เฟิงสัมผัสถึงพลังวิญญาณของเขาไม่ได้แค่นั้นเอง
สิ่งที่เกิดขึ้นนี้มีได้แค่สองกรณีเท่านั้น อย่างแรกคือความแข็งแกร่งของชายคนนี้นั้นมีล้นเหลือกว่าหลิน เฟิงจนเขาไม่สามารถสัมผัสได้ถึงพลังวิญญาณนั่นเอง
แต่อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ดูท่าจะไม่ได้เป็นแบบนั้นเลย ยิ่งไปกว่านั้น มังกรดำของหลิน เฟิงก็ไปถึงระดับ SS แล้วด้วย
แม้ระดับที่ลงทะเบียนไว้จะไม่ได้สูง แต่การจะไปถึงระดับ SS หรือเหนือกว่านั้นด้วยอายุเท่านี้นั้นเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว ฉะนั้น จึงมีความเป็นไปได้อยู่อย่างเดียวก็คือชายคนนี้จะต้องมีความสามารถในการซ่อนพลังของตัวเองได้ หรือไม่ก็คงมีอุปกรณ์วิญญาณที่ช่วยอำพรางพลังของเขาไว้ได้
จากมุมมองนี้ ประเด็นทั้งสองนี้นั้นต่างแสดงว่าชายหน้าตาดีตรงหน้านั้นไม่ใช่ธรรมดาเลย
หลิน เฟิงเองก็ไม่รู้ถึงวัตถุประสงค์ที่เข้ามาหาตนนั้นคือเรื่องอะไร แต่เขาก็ไม่ได้ดูเลวร้าย และยังเข้ามาคุยด้วยท่าทีที่บริสุทธิ์ใจอีกด้วย
ชายตรงหน้าคนนี้ชื่อว่าจิ้งเฟิง เขาพูดเรื่องผีสาวให้หลิน เฟิงฟังมากมาย รวมถึงคนที่เธอเอาชนะมาได้ ทักษะเฉพาะตัวต่างๆที่เธอใช้และอื่นๆ
เมื่อเขาพูด หลิน เฟิงจึงได้รู้เรื่องของผีสาวได้อย่างทะลุปรุโปร่ง และเข้าใจทุกๆรายละเอียดของเธอ และจับได้ถึงสายลมอ่อนๆนั้น หลิน เฟิงถึงกับอึ้งไป
ในตอนนี้นั้น ความรู้สึกของจิ้งเฟิงที่มีต่อหลิน เฟิงนั้นยิ่งซับซ้อนเข้าไปใหญ่ หลิน เฟิงอดที่จะถอนใจไม่ได้ว่านี่จิ้งเฟิงกำลังทำอะไรอยู่ เป็นเรื่องดีอยู่หรอกที่พละกำลัง การเคลื่อนไหว ศิลปะการต่อสู้และอื่นๆจากการต่อสู้เถื่อนที่ใต้ดินนั้นได้รับการอธิบายอย่างละเอียด
“อืม ฉันเองก็รู้อะไรมาเยอะ แล้วก็นี่ ฉันจะบอกอะไรนายให้อย่างหนึ่งนะ ตามความเข้าใจของฉันเรื่องผีสาวตนนี้ ดูแล้วเขาน่ะไม่ใช่คนจีนหรอก แต่เพราะต้องมาทำอะไรบางอย่างต่างหาก ฉันไปก่อนนะ ไว้เจอกันคราวหน้า” เมื่อกล่าวจบ ชายที่ดูดีคนนั้นก็จากไปอย่างเร่งรีบ
หลังจากนั้นเพียงครู่เดียว ชายคนดังกล่าวก็ได้มาปรากฏตัวบนแท่นสูงของการต่อสู้ใต้ดิน และถัดจากเขา ยังมีชายคนหนึ่งในชุดดำ สวมแว่นตากันแดด โดยหนึ่งในนั้นได้กล่าวขึ้นว่า “นายน้อย ท่านคิดว่าเขาจะเอาชนะผีสาวได้ไหมครับ”
0 ความคิดเห็น