SC:บทที่ 49 การโจมตีรถบัส

นิยายลงทุกวัน เวลา 6.00 น. ส่วนเรื่องไหน จำนวนกี่ตอนนั้น สามารถดูได้ ที่นี่

SC:บทที่ 49 การโจมตีรถบัส


“เมื่อหลายพันปีก่อนอากาศนั้นหนาวถึงขีดสุดงั้นหรอ!”


เมื่อได้ยินเรื่องนี้ หลินเฉิง ขมวดคิ้ว


“เมื่อหลายพันปีก่อน มนุษย์นั้นยังไม่มีการจดบันทึกเกี่ยวกับทางอุตุนิยมวิทยา มีเพียง 150 ปีก่อนที่มีการอธิบายถึงกรมอุตุวิทยา พวกเขาบรรยายถึงความน่ากลัวของสภาพอากาศที่หนาวจัด..”


เมื่อเห็นข้อสงสัยของ หลินเฉิง ชายชราหงจึงอธิบายว่า


“ในตอนนั้นควรจะเรียกว่ายุคน้ำแข็งขนาดเล็ก ความหมายตามชื่อของมันคือสภาพอากาศที่ค่อนข้างหนาวเย็นเป็นอย่างมาก ยุคน้ำแข็งขนาดใหญ่จะทำลายชีวิตสัตว์และพืชจำนวนมาก แต่ยุคน้ำแข็งขนาดเล็กจะเป็นการลดลงของอุณหภูมิและส่งผลต่อการผลิตอาหารต่างๆและอาจเกิดผลการก่อความไม่สงบทางสังคมและการลดลงของประชากรอย่างต่อเนื่อง….แน่นอนว่าตอนนี้เราไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับความไม่สงบทางสังคม แต่ผลกระทบของสภาพอากาศที่หนาวจัดมีผลต่อการรอดชีวิตของมนุษย์เป็นอย่างมาก ฉันขอถามว่าตั้งแต่นายเด็กจนโตมานี้เคยเห็นหิมะตกครั้งใหญ่เหมือนครั้งนี้ไหม?”


 หลินเฉิง นึกในใจอย่างรอบคอบในที่สุดเขาก็ส่ายหัวออกมา


เมื่อเห็นว่า หลินเฉิง สายหัวชายชราหง หัวเราะและพูดว่า


“ถูกต้องแล้วนี่คือเหตุผลว่าทำไมฉันถึงคาดเดาในเรื่องนี้ เราควรที่จะป้องกันไว้ก่อนจุดจบของโลกไม่เพียงแต่นำซอมบี้และสัตว์ประหลาดมากมายมารวมกันแต่ยังหมายถึงการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่เกิดขึ้น…”


“เราจะเข้าสู่ฤดูหนาวแบบนี้ตลอดไปหรือเปล่า?”


“ไม่หรอก สภาพอากาศในอนาคตอาจจะยังมีฤดูใบไม้ผลิ ฤดูร้อน ฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาว แต่อุณหภูมิโดยรวมแล้วมีแนวโน้มที่จะหนาวขึ้นเรื่อยๆ!”


เมื่อฟังเรื่องของชายชราหงเกี่ยวกับยุคน้ำแข็ง หลินเฉิง ขมวดคิ้วเขารู้สึกอึดอัดหัวใจ ผลที่ตามมาของสภาพอากาศที่หนาวเย็นนั้น เพียงเขาคนเดียวคงจะไม่มีปัญหาเนื่องจากเขามีระบบแคปซูล


แต่ตอนนี้มันคือจุดจบของโลกอารยธรรมทั้งหมดถูกทำลายและเป็นเรื่องยากมากที่จะสร้างที่อยู่อาศัยใหม่นอกจากนี้ถ้าอากาศยังคงหนาวเย็นขึ้นเรื่อยๆอาจมีอันตรายต่อชีวิตของผู้รอดชีวิตคนอื่นๆ นอกจากนี้ยังเต็มไปด้วยฝูงซอมบี้และตัวกินคน มนุษย์อาจกำลังสูญพันธุ์!….


เมื่อ หลินเฉิง คิดถึงเรื่องนี้เขาไม่อยากจะยอมรับมัน เขาส่ายหัวและไม่ต้องการคิดอีกต่อไป เขาหันหน้าไปมองชายชราที่ยังคงสูบบุหรี่ ดวงตาของเขาซับซ้อนขึ้นเรื่อยๆและถามขึ้นว่า


“เราควรจะปฏิบัติตัวอย่างไรเมื่อยุคน้ำแข็งเกิดขึ้น?”


เมื่อได้ยินคำถามของ หลินเฉิง  ชายชราหงส่ายหัวแล้วพูดว่า


“เป็นไปไม่ได้ที่มนุษย์จะสามารถต้านทานการเปลี่ยนแปลงของธรรมชาติ นอกจากนี้ยังมีชาวเอสกิโมที่สามารถอาศัยอยู่ในยุคน้ำแข็ง มนุษย์เองก็มีสัญชาตญาณในการเอาชีวิตรอดในทุกสภาวะอากาศ”


เมื่อได้ยินคำพูดของชายชรา หลินเฉิง พยักหน้าเห็นด้วย แม้ว่ายุคน้ำแข็งจะเกิดขึ้นแต่ด้วยความตั้งใจแน่วแน่ของมนุษย์พวกเขาจะหาวิธีในการอยู่รอดในยุคภัยพิบัติที่หนาวเย็นนี้ได้


……


“ขอบตานายคล้ำมาก...นายไม่ได้นอนเลยเมื่อคืนนี้นายควรที่จะนอนหลับในช่วงกลางวัน!”


เช้าวันรุ่งขึ้นขบวนผู้รอดชีวิตกำลังเคลื่อนที่มู่ หยิงเสวี่ยนั่งอยู่ข้างคนขับและกำลังมองหน้า หลินเฉิง ที่กำลังหาวออกมาด้วยความทุกข์ใจ


 หลินเฉิง ได้ยินคำพูดนี้เขาจึงพูดว่า


“ไม่เป็นไร ผมเพียงแค่มีอะไรต้องคิดมากนิดหน่อยเมื่อคืน ต่อไปผมจะไม่ทำแบบนี้อีก”


 มู่ หยิงเสวี่ย รู้สึกลังเล


“ แม้ว่านายไม่ต้องการแบบนั้นแต่สภาพนายตอนนี้ไม่สามารถขับรถได้ตลอดเวลายังไงก็ตามเมื่อหยุดพักคืนนี้ฉันจะเป็นคนอยู่เฝ้ายามในตอนกลางคืนเอง นายไม่ต้องเป็นห่วง ฉันสามารถอยู่กับโคล่าได้”


เมื่อพูดถึงโคล่า มู่ หยิงเสวี่ย หุ้มโคล่าจากเบาะหลังเอาไว้ในอ้อมแขนของเธอและลูบหัวของมันเบาๆ


สุนัขสีโคล่านี้ แสดงออกอย่างมีความสุข เมื่อเห็นท่าทีของโคล่า หลินเฉิง ได้แต่ส่ายหัวอย่างไร้ประโยชน์และไม่ต้องการโต้เถียงกับ มู่ หยิงเสวี่ย อีกต่อไป เขาพยักหน้าเห็นด้วย ท้ายที่สุดแล้วเขาต้องแบกรับเรื่องความปลอดภัยมากยิ่งขึ้นการเหน็ดเหนื่อยเกินไปนั้นไม่ใช่เรื่องดี


แม้ว่าหิมะที่ตกหนักจะหยุดลง แต่ยังคงเกิดน้ำแข็งบนถนนทำให้ขบวนรถเดินทางช้าลง บางครั้งมีการลื่นไถลชนกันเล็กน้อย โชคดีที่ขบวนรถนี้เป็นเพียงขบวนเดียวที่อยู่บนถนนไม่อย่างนั้นแล้วคงเกิดอุบัติเหตุร้ายแรง


ประสิทธิภาพของรถ G65 ของ หลินเฉิง นั้นแสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพอย่างชัดเจนแม้ว่าถนนจะลื่นและเต็มไปด้วยหิมะแต่รถสามารถเคลื่อนที่ได้อย่างมั่นคง ส่วนรถคันอื่นๆไม่สามารถที่จะปีนบนหิมะได้พวกเขาได้แต่อิจฉา หลินเฉิง  เมื่อพวกเขาไม่สามารถพารถของตัวเองผ่านกองหิมะได้พวกเขาได้แต่ทิ้งรถและพยายามแทรกตัวเองเข้าไปยังรถบัสที่อยู่ด้านหน้า


ขบวนรถทั้งหมดยังคงเคลื่อนที่ไปอย่างช้าๆ ในขณะนั้นเองก็มีเสียงร้องขอความช่วยเหลือที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวมาจากด้านหน้า


รถบัสที่อยู่ด้านหน้าดูเหมือนจะเจอกับอะไรบางอย่าง!


เมื่อคิดได้ดังนั้น หลินเฉิง รีบเปิดประตูและวิ่งออกไปแม้ว่าเขาไม่ได้กังวลใจเกี่ยวกับชีวิตของคนอื่น แต่เสียงคำรามที่เขาได้ยินนั้นเป็นเสียงของตัวกินคน และนั่นคือสิ่งที่เขาสนใจ!


ทันทีที่ หลินเฉิง ลงมาจากรถ หลินเฉิง ได้เตือน มู่ หยิงเสวี่ย อย่างเคร่งครัด


“เธอห้ามออกมาจากรถเด็ดขาด!โคล่านายคอยเฝ้าดูเธอ หากฉันกลับมาแล้วเห็นว่าเธอไม่อยู่ที่นี่นายโดนตุ๋นแน่!”


หลังจากนั้น หลินเฉิง นำมีดออกมาและพุ่งไปยังทิศทางของเสียงกรีดร้อง  ทันทีที่เขามาถึงรถบัส หลินเฉิง ก็ได้ยินเสียงที่คุ้นเคยจากตำแหน่งนั้น


“โฮก”


เมื่อได้ยินเสียงคำรามนี้ หลินเฉิง รู้สึกดีใจและวิ่งตรงไปยังรถบัสซึ่งเป็นทิศทางที่สวนกับผู้หลบหนีคนอื่นๆ รถบัสที่เคยเต็มไปด้วยผู้รอดชีวิตจำนวนมากตอนนี้กลายเป็นนรกที่เต็มไปด้วยเลือด หัวใจและลำไส้อวัยวะภายในทั้งหลายแหล่ถูกโยนออกมาเต็มคันรถ รถบัสย้อมไปด้วยสีแดงเลือด มีตัวกินคน 3 ตัวยืนอยู่บนรถบัส พวกมันกำลังแย่งกันฉีกทึ้งผู้รอดชีวิตคนอื่นๆ!


ตัวกินคนตัวหนึ่งเงยหน้าขึ้นและเห็นว่ามีใครบางคนกำลังมุ่งหน้ามาหามัน ดังนั้นมันจึงพุ่งตรงมาหา หลินเฉิง อย่างรวดเร็วแต่มันไม่สามารถสัมผัสได้แม้แต่ชายเสื้อของ หลินเฉิง  ชีวิตของมันก็ดับลง


เมื่อตัวกินคนอีก 2 ตัวเห็นว่าเพื่อนของมันถูกดับชีวิตลงพวกมันหยุดที่จะฉีกถึงผู้รอดชีวิตคนอื่นๆและมอง หลินเฉิง อย่างระมัดระวังดูเหมือนว่าพวกมันกำลังวางแผนอย่างอื่น คราวนี้ หลินเฉิง ไม่ปล่อยให้พวกมันได้มีเวลาคิดเขาถือมีดและรีบตรงไปยังพวกมันทันที


ตัวกินคนที่อยู่ทางด้านซ้ายถูกสับจนขาดครึ่ง หลังจากนั้นเหลือเพียงตัวกินคนแค่ตัวเดียว หลินเฉิง กำลังพิจารณาอย่างระมัดระวังเขากำลังคิดว่าเขาอาจเจอตัวกินคนกลายพันธุ์อีกครั้ง เนื่องจากในตอนที่เขากำลังพุ่งเข้าโจมตีนั้นตัวกินคนตัวนี้สามารถหลบหนีไปด้านข้างท่ามกลางความสับสนอย่างรวดเร็ว


-----------------------------------


แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น