SC:บทที่ 37 พบกับ มู่ หยิงเสวี่ย อีกครั้ง

นิยายลงทุกวัน เวลา 6.00 น. ส่วนเรื่องไหน จำนวนกี่ตอนนั้น สามารถดูได้ ที่นี่

 SC:บทที่ 37 พบกับ มู่ หยิงเสวี่ย อีกครั้ง


 หลินเฉิง มีเหตุผลที่จะต้องรีบหลบหนีออกจากจุดนั้น แม้ว่าซอมบี้ตัวเดียวไม่ใช่ภัยคุกคามต่อ หลินเฉิง แต่ถ้าพวกมันรวมตัวกันเป็นฝูงเขาเองก็ยากที่จะหลบหนี


เมื่อหมอกเกิดขึ้นที่นี่ผู้คนที่อยู่ที่นี่จำนวนมากถูกขังอยู่ที่นี่และถูกทำให้กลายเป็นซอมบี้โดยตัวกินคน ดังนั้นนี่อาจเป็นครั้งแรกที่พวกซอมบี้ได้พบเห็นเหยื่อเข้ามาในอาณาเขตของมัน


สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือตัวกินคนที่กำลังหลบหนีด้านหน้าของ หลินเฉิง ในตอนนี้มันแตกต่างจากตัวกินคนที่พบมาก่อนหน้านี้อย่างสิ้นเชิง ความเร็วของมันเพิ่มขึ้น หาก หลินเฉิง ไม่ได้รับยาเสริมสร้างร่างกายก่อนหน้านี้เขาคงถูกสังหารในทันที


เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ หลินเฉิง เร่งความเร็วในการไล่ล่าขึ้นเรื่อยๆ เขาวิ่งตามคราบเลือดที่หยดบนพื้นไปยังถึง ประตูใหญ่ที่งดงามแห่งหนึ่ง


เมื่อมองไปยังประตูที่คุ้นเคยด้านหน้า หลินเฉิง ค่อนข้างตกใจ เขาวิ่งมาที่ประตูของมหาวิทยาลัยซงโจวโดยไม่รู้ตัว!


ดวงตาของ หลินเฉิง ส่องประกายถึงความสับสน ตัวกินคนตัวนี้แปลกมากมันพยายามที่จะพาเขามายังแหล่งที่ชุกชุม ซอมบี้  แต่เนื่องจากเขาได้ติดตามไล่ล่ามาเป็นเวลานานเขาไม่ต้องการที่จะปล่อยมันหนีไปดังนั้นเขาจึงตัดสินใจเข้าไปยังมหาวิทยาลัยซงโจวโดยตรง!


ทันทีที่เขาเข้ารั้วของมหาวิทยาลัยเข้ามาซอมบี้จำนวนมากปรากฏตัวต่อหน้า หลินเฉิง  ซอมบี้ เหล่านั้นแรกเริ่มเดินอย่างเชื่องช้าแต่เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าของ หลินเฉิง พวกมันกระตือรือร้นทันที!


เมื่อมองเห็นกรงเล็บและร่างกายที่ส่งกลิ่นเหม็นเน่าของซอมบี้เหล่านั้น หลินเฉิง รู้สึกชาถึงหนังหัว เขายกมีดขึ้นและเตรียมพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับฝูงซอมบี้


ในเวลานี้เขาไม่สามารถติดตามตัวกินคนได้อีกต่อไปแต่เขาต้องเผชิญหน้ากับฝูงซอมบี้ที่กำลังวิ่งเข้ามาทีละตัว เขาเพิ่งจะจัดการตัวด้านหน้าเสร็จซอมบี้ด้านหลังก็โจมตีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง


ในขณะที่ หลินเฉิง กำลังต่อสู้กับฝูงซอมบี้อยู่นั้น  โคล่า ยื่นหัวออกมาจากอกของ หลินเฉิง และเห่าไปยังทิศทางหนึ่ง  หลินเฉิง ต้องการที่จะหยุดไม่ให้มันเห่า แต่ทันใดนั้นเขาก็นึกอะไรได้บางอย่าง เขามองไปยังทิศทางที่โคล่าเห่าและพบว่าตัวกินคนที่แขนขาดก่อนหน้านี้กำลังจ้องมองตัวเองอยู่ใต้ต้นมะเดื่อราวกับว่ากำลังยืนหัวเราะเยาะเขา


เชี้ย!ไอ้บัดซบ!


 หลินเฉิง รู้สึกโมโหและพยายามสาปแช่งมัน ดวงตาของเขาส่องประกายอาฆาตแค้น เขารีบจัดการกับซอมบี้ที่เข้ามาอย่างรวดเร็วและตรงไปยังตัวกินคนที่ซ่อนอยู่ใต้ต้นมะเดื่อ


เมื่อตัวกินคนเห็นว่า หลินเฉิง สามารถฝ่าฝูงซอมบี้มาที่มันได้มันหันหลังกลับและพยายามวิ่งหนีอีกครั้ง   หลินเฉิง ติดตามอย่างใกล้ชิด หลังจากการไล่ล่าดุเดือดพวกเขาก็มาถึงโรงอาหารของมหาวิทยาลัย


 หลินเฉิง ทุบกระจกหน้าต่างและกระโดดเข้าไปตามหลังตัวกินคน เมื่อ หลินเฉิง กระโดดเข้ามาในโรงอาหารเขาพบว่าตัวกินคนที่กระโดดเข้ามาก่อนหน้านี้กระแทกกับมุมโต๊ะอย่างรุนแรงมันทำให้เขารู้สึกสาแก่ใจ


 หลินเฉิง รู้สึกยินดีเป็นอย่างมากที่เห็นมันจนมุมแบบนี้ เขารีบวิ่งไปด้านหน้าและเหยียบหน้าอกของมันจากนั้นยกมีดขึ้นวางที่คอและเชือดอย่างรวดเร็ว มันดิ้นรนด้วยความเจ็บปวดและสุดท้ายลมหายใจของมันก็หมดลงภายใต้ใบมีดของ หลินเฉิง


 เมื่อ หลินเฉิง เห็นว่าตัวกินคนตายแล้วเขาหยุดพักหายใจ และสังเกตเห็นว่าฝูงซอมบี้ที่อยู่ด้านนอกรวมตัวกันใกล้หน้าต่างและพยายามที่จะบุกเข้ามายังโรงอาหารแห่งนี้ ดังนั้นเขาจึงตัดหัวของตัวกินคนและรีบวิ่งไปยังห้องเก็บของของโรงอาหาร เขาเปิดประตูและปิดมันอย่างรวดเร็ว จากนั้นขยับตู้ 2- 3 ครั้งเพื่อป้องกันซอมบี้เข้ามา


“หยุด...วางมีดลง!”


 หลินเฉิง ยังไม่ทันฟื้นตัวจากความตื่นเต้นก่อนหน้านี้ ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียง “คลิก”ของปืนพกที่จอรออยู่ด้านหลังของเขา จากนั้นเขาก็ได้ยินใครบางคนตะโกนใส่หน้า


เมื่อปืนชี้ที่หลังศีรษะของ หลินเฉิง ใบหน้าของเขาเปลี่ยนไปทันที  หลินเฉิง หันหัวมาอย่างช้าๆและเขาเห็นคนที่ชี้ปืนที่หัวของเขาคือคนที่เขารู้จัก เขาคือหัวหน้าห้อง เต๋าไค่!


เมื่อ เต๋าไค่ เห็น หลินเฉิง เขาเองก็ประหลาดใจเช่นกันเขารีบลดปืนลงและถามด้วยความประหลาดใจว่า


“ หลินเฉิง?! นี่นายเองหรอ?!”


 หลินเฉิง เองก็รู้สึกประหลาดใจเช่นกัน


เขารีบเข้ามายังห้องเก็บของนี้โดยไม่คาดคิดว่าจะได้พบคนรู้จักที่นี่


“ เต๋าไค่ ไม่ได้พบกันซะนาน!”


เมื่อเห็นการแสดงออกของ หลินเฉิง  เต๋าไค่ รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย แต่ยังคงมีหยดเหงื่อบนหน้าผากของ เต๋าไค่


“ ฉันไม่คิดว่าใครจะสงบนิ่งได้ในเวลาแบบนี้!”


หลังจากนั้น หลินเฉิง ก็เห็นผู้คนที่ยืนอยู่ด้านหลัง เต๋าไค่  คนเหล่านั้นเป็นเพื่อนร่วมชั้นของเขา หลังจากเหลือบมองเล็กน้อยไปที่ เต๋าไค่  ทันใดนั้น หลินเฉิง ก็ถามขึ้นว่า


“นายเอาปืนมาจากไหน?”


เมื่อได้ยิน หลินเฉิง ถามที่มาของปืนพก เต๋าไค่ รู้สึกสับสนเล็กน้อยแต่ เมื่อได้ยินน้ำเสียงของ หลินเฉิง ที่ถามอย่างเย็นชาอีกครั้ง


“ฉันถามว่านายเอาปืนพกนี้มาจากไหน?”


“นี่..นี่คือของฉี..”


ด้วยความกดดันของ หลินเฉิง เต๋าไค่ พยายามที่จะตอบ จู่ๆก็มีเสียงผู้หญิงลุกลนมาจากด้านหลัง


“มันเป็นของฉัน! ฉันเป็นคนให้ เต๋าไค่ เอง!”


เมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นเคย หลินเฉิง มองข้ามไหล่ของ เต๋าไค่ ไปและพบเจอ ฉีรุย อยู่ในฝูงชนกำลังวิ่งเข้ามาหาเขา


“ฉัน..ฉันไม่ค่อยถนัดใช้ปืน แต่หัวหน้า เต๋าไค่ เขาเป็นผู้ที่เคยใช้ปืนมาก่อนดังนั้นฉันจึงมอบมันให้กับเขา  หลินเฉิง อย่าเข้าใจผิดนะ!”


หลังจากที่ ฉีรุย วิ่งมาหา หลินเฉิง เธอพยายามอธิบายให้เขาฟัง


เมื่อมองเห็น ฉีรุย ที่กำลังพยายามอธิบายอยู่นั้น หลินเฉิง ขมวดคิ้วและถามว่า


“ ทำไมเธอถึงอยู่ที่นี่?แล้ว มู่ หยิงเสวี่ยล่ะ?”


 เมื่อได้ยิน หลินเฉิง ถามถึง มู่ หยิงเสวี่ย ฉีรุย รีบอธิบายอย่างรวดเร็ว


“ในตอนแรกพวกเรารอที่ซุปเปอร์มาเก็ตเพื่อให้ มู่ หยิงเสวี่ย หายจากอาการป่วย จากนั้นพวกเราคิดว่าควรทำตามคำพูดของนายโดยการไปยังสถานีตำรวจบนถนนเทียนหมิง แต่ข้างนอกมีศพเดินได้มากมายพวกเรากลัวมาก พวกเราวิ่งไปรอบๆและโชคดีเจอกับหัวหน้าห้อง เต๋าไค่ ซึ่งเป็นผู้นำทีมทำความกวาดล้างอยู่แถวนั้น ไม่เช่นนั้นพวกเราอาจจะ…..”


“...ต่อมาพวกเราพบว่ามีเพื่อนร่วมชั้นที่รอดชีวิตหลายคนอยู่ที่นี่ แต่เราไม่มีอาหารจำนวนมากนัก เสี่ยวเสวี่ย จึงจัดกลุ่มนักศึกษาไปยัง ซุปเปอร์มาเก็ต เพื่อนำอาหารกลับมา เธอออกไปในตอนเช้าอีกไม่นานเธอก็คงกลับมา”


 ฉีรุย เล่าถึงประสบการณ์ 2 วันที่ผ่านมาให้ หลินเฉิง ฟังจากนั้นก็มีเสียงเคาะจากประตูหลังห้องเก็บของ เมื่อเธอได้ยินเสียงเคาะ เต๋าไค่ รีบไปเปิดประตูทันที และพบว่ามีนักศึกษาหลายคนเดินเข้ามาอย่างเร่งรีบพร้อมกับถุงที่อยู่บนหลัง


เมื่อมองเห็น มู่ หยิงเสวี่ย เข้ามายังห้องเก็บของเป็นคนสุดท้ายดวงตาของ หลินเฉิง แสดงออกถึงความครุ่นคิดอยู่สักพัก  และทันทีที่ หลินเฉิง ได้พบหน้ากับ มู่ หยิงเสวี่ย มันทำให้เขาหยุดคิด


“ หลินเฉิง! ทำไมคุณถึงอยู่ที่นี่คุณไม่ได้บอกแล้วว่ากำลังจะออกจากซงโจว?”


หลินเฉิง ได้ยินคำถามของ มู่ หยิงเสวี่ย เขาส่ายหัวแล้วพูดว่า


“อืม….ดีใจด้วยนะที่หายไข้แล้ว พอดีมีเรื่องบางอย่างทำให้แผนเดิมล่าช้า!”


ไม่ได้ยินว่า หลินเฉิง แสดงถึงความห่วงใย  มู่ หยิงเสวี่ย รู้สึกอายแล้วพูดว่า


“ขอบคุณนะที่ช่วยฉัน ถ้าไม่ได้นายฉันคงจะตายไปแล้ว…”


 หลินเฉิง สายหัวและพูดว่า


“หากเธอไม่ได้ปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะมีชีวิตอยู่คงไม่หายเร็วขนาดนี้ เหมือนเธอจะกล้าหาญที่จะเผชิญหน้ากับการเปลี่ยนแปลงของโลก ดังนั้นเธอคงไม่จำเป็นต้องฆ่าตัวตายอีกต่อไปแล้ว..”


 หลินเฉิง พยายามพูดเรื่องตลก จากนั้นเขาพูดว่า


“ผมได้ไล่ล่าตัวกินคนมาที่นี่ และตอนนี้ผมได้ฆ่ามันไปแล้วดังนั้นจึงไม่จำเป็นอยู่ที่นี่อีกต่อไป ผมหวังว่าคุณจะมีชีวิตที่ดี ลาก่อน!”


หลังจากที่ หลินเฉิง พูดจบเขาหันไปเปิดประตูเตรียมที่จะกลับออกไป


-------------------------------------


แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น