RC:บทที่ 378 นิโกรพ่าย
คนสองคน หนึ่งหมือ หนึ่งหมัดต่างพุ่งเข้าปะทะกันเข้าอย่างจัง จนต้องต่างคนต่างถอย แถมวิชาแห่งศาสตร์ที่อยู่เบื้องหลังของทั้งคู่ก็แตกสลายลง
แต่ทั้งคู่ต่างก็ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ ยกเว้นแต่ร่างกายที่สั่นไปมาอย่างห้ามไม่ได้
และทั้งสองคนต่างก็ประหลาดใจในพลังของศาสตร์ของแต่ละคนที่ปรากฏขึ้นมา หลิน เฟิงไม่ได้ปลดปล่อยพลังแบบนี้มานานแล้ว แถมคู่ต่อสู้ของเขาก็เพิ่งจะจับพลังศาสตร์ขั้นพื้นฐานได้เสียด้วยซึ่งทำให้ทั้งคู่เสมอกันนั่นเอง
แต่อย่างไรก็ตาม ในเวลาต่อมา หลิน เฟิงก็ยิ่งรู้สึกตื่นเต้นมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะดูเหมือนว่านี่เขาจะไม่ได้ต่อสู้มานานแล้ว รู้สึกฮึกเหิมขึ้นมาเลย
การโจมตีของคนทั้งสองนั้นเฉียบขาดเป็นอย่างมาก นิโกรถูกโจมตีจนมุม แต่การโจมตีที่เบาที่ก็ดูเหมือนจะไม่เป็นผล และพลังมืดก็ถูกรวบรวมมาอยู่ข้างหลังเขาอีกครั้ง ความมืดอันไม่มีที่สิ้นสุดดูจะมีอำนาจในการกลืนกินจิตใจของผู้คนได้นั้นหมุนวนไปมาทำเอาคนที่เห็นถึงกับสยดสยอง
แต่อย่างไรก็ตาม หลิน เฟิงยังไม่ใช้พลังแห่งศาสตร์ผืนดินขึ้นมาอีกครั้งในตอนนี้ เขาเห็นลูกไฟสีดำปรากฏขึ้นบนกำปั้นอีกทั้งทะเลไฟสีดำก็ได้ปรากฏขึ้นข้างหลังเขา โดยไม่มีแสงไฟใดๆและร้อนจัดมาก
“เรื่องศาสตร์ของพลังแห่งไฟนั้นยังเป็นศาสตร์พลังพิเศษของไฟอีกด้วย เจ้าหมาป่ากระหายเลือดตัวนี้ช่างเป็นอัจฉริยะจริงๆ ที่เข้าใจศาสตร์พลังทั้งสองเรื่องนี้” บนที่นั่งคนดู หยุน เชามองไปที่หลิน เฟิงที่อยู่บนลานประลอง ใบหน้าเต็มไปด้วยความชื่นชม
“เอาล่ะ”
หลิน เฟิงตะโกนลั่นก่อนจะพุ่งตัวเข้าใส่
“มาเลย หมัดแห่งความมืด” เมื่อนิโกรเห็นแบบนั้น เขาก็สวนหมัดออกไป แล้วทันใดนั้นเอง ทุกๆคนก็ได้เห็นผลของศาสตร์แห่งพลังที่ทั้งสองคนใช้ออกมา พลังตรงหน้าทำเอาพื้นที่โดยรอบสะเทือนไหว ราวกับเกิดแผ่นดินไหวเล็กๆขึ้นมา
พลังของลูกไฟสีดำและพลังแห่งความมืดต่างกลืนกินซึ่งกันและกันและในขณะเดียวกันก็ทำลายล้างกันด้วย หมัดของพวกเขาที่ปะทะกันกลางอากาศก็หยุดชะงักไปในทันที
ในตอนนั้นเอง พละกำลังของทั้งคู่ถูกรีดเร้นมาจนสุด ไม่มีใครยอมใคร เพราะไม่งั้นแสงสว่างจะทำให้บาดเจ็บสาหัสได้ ความหนักของหมัดนั้นเป็นอันตรายถึงชีวิตได้เลย
และในขณะเดียวกันนั้นเอง นิโกรคนดังกล่าวก็ตะโกนขึ้นกับสัตว์คู่ใจของเขา “สัตว์อสูรมืด”
“โฮก”
ทั้งเสียงร้องคำรามและกรงเล็บสิงโตทองต่างเข้าปะทะกันจนกระเด็นออกไป แล้วจากนั้นลูกบอลไฟสีดำขนาดใหญ่ก็ถูกพ่นออกมาจากปากที่กว้างใหญ่นั้นก่อนจะกระเด็นไปถูกกับพลังมืดที่อยู่ข้างหลังสัตว์อสูรมืดนั่น
ในตอนนั้นเอง โดยไม่มีการเตือนจากหลิน เฟิง สิงโตทองหันไปมารอบๆด้วยอาการเร่งรีบ พร้อมกับสายฟ้าที่โผล่ขึ้นมาตรงกลางคิ้วแวบหนึ่ง จนต่อมา ประกายแสงบนร่างของมันก็ได้ก่อตัวรวมกันเป็นลูกบอลระเบิดสายฟ้าที่ทรงพลัง ก่อนจะพุ่งตรงไปยังพลังมืดของอสูรดำนั่น
“ฮ่าๆ ไร้ประโยชน์น่า พลังมืดของอสูรมืดตัวนี้กับของฉัน เราต่างเติมเต็มซึ่งกันและกัน พลังนั้นจะเพิ่มขึ้นเป็นหลายเท่าตัวภายใต้ร่างที่ทับซ้อนกันอยู่นี้ ตายซะเถอะ” พลังด้านมืดที่อยู่ด้านหลังนิโกรเริ่มแผ่ขยายต่อไป จนกระทั่งต่อมาลูกไฟของหลิน เฟิงก็ได้ขยายใหญ่มากขึ้นกว่าเดิมเป็นสองเท่า
และในที่สุด ลูกบอลสายฟ้าก็พุ่งเข้าโจมตีศาสตร์พลังแห่งความมืดอันนั้น ก่อนที่ต่อมาจะปะทุขึ้นด้วยพลังมหาศาลที่น่ากลัว
ตูม!!!
ทันทีที่เกิดเสียงดังขึ้น พลังมืดนั้นก็ระเบิดจนเกิดเป็นช่องโหว่เท่าถ้ำขนาดใหญ่ ร่างของนิโกรเองก็กระเด็นปลิวไปจากลานแข่งด้วยแรงระเบิดนั้น
“นี่มัน เป็นไปได้ยังไงน่ะ” ร่างของนิโกรที่ตอนนี้ตกลงไปยังใต้แท่นประลองแล้วนั้น กระอักเลือดออกมา และแทบจะเป็นลมเมื่อพูดจบ
เมื่อคนอื่นๆเห็นแบบนั้นเข้า พวกเขาก็ยืนขึ้นก่อนจะมองไปที่หลิน เฟิง ด้วยสายตาที่ไม่อยากเชื่อ
ในตอนนั้นเอง ผู้คนนั้นก็ไม่มีใครคิดว่านิโกรจะชนะได้ แต่ก็ไม่มีใครคาดคิดว่าสัตว์วิญญาณของหลิน เฟิงจะปล่อยพลังโจมตีที่ทรงพลังแบบนั้นที่เล่นฉีกกระชากพลังมืดของนิโกรไปเลย และผลจากแรงระเบิดในชุดหลังก็ทำเอาร่างของเขากระเด็นออกมาจากลานประลองในทันที
คนพวกนั้นยังจำภาพที่หลิน เฟิงเอาชนะนิโกรคนนั้นได้ จนสุดท้าย สายตาของพวกเขาก็ได้จับจ้องไปที่สิงโตทองตัวดังกล่าว เพราะนี่เป็นสัตว์วิญญาณที่ถือว่าเป็นกุญแจสำคัญที่นำไปสู้ชัยชนะของหลิน เฟิงนั่นเอง
“ไปตรวจสอบข้อมูลของสัตว์วิญญาณข้างๆเจ้านั่นทีซิ มันเป็นสัตว์วิญญาณประเภทไหนกัน เป็นระดับ B ขั้นสูงสุดที่ทรงพลังมากเสียจนโดนพลังระดับ A ขั้นสูงสุดแล้วไม่เป็นอะไรเลย มันเหนือกว่าระดับธรรมดาๆไปแล้ว” ตรงที่นั่งคนดูนั้นเอง หยุน เชาก็ได้มองไปที่สิงโตทองที่ยืนอยู่ข้างๆหลิน เฟิงก่อนจะว่าขึ้น
“ได้ครับ” ทันทีที่พูดจบ คนรับใช้ที่อยู่รอบๆก็หายไป
หลังจากที่หลิน เฟิงได้รับชัยชนะ เขาก็รู้ฮึกเหิมขึ้นมาในทันที เพราะแทบไม่ได้สู้แบบนี้เลย แล้วการต่อสู้ลักษณะนี้ก็เป็นแรงบันดาลใจให้กับศักยภาพของเขาด้วย อีกทั้งยังทำให้ได้เข้าใจศาสตร์แห่งพลังอื่นๆก่อนหน้านี้ด้วย ก่อนที่จะก้าวเข้าสู่ระดับ S ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
มาถึงตรงนี้ ถ้าต้องการไปถึงระดับ S สิ่งที่หลิน เฟิงจำเป็นต้องทำก็คือการทำพันธสัญญาสัตว์วิญญาณที่มีคุณลักษณะสองอย่างก็คือลมกับน้ำแข็ง
หนึ่งในเรื่องนี้ได้รับการแก้ไขจากหลิน เฟิงแล้ว ในช่องเก็บสัตว์วิญญาณของเขานั้น มีเลือดของสัตว์ศักดิ์สิทธิ์อยู่สี่อย่าง และทันทีที่เจอสัตว์วิญญาณที่เหมาะสมเพื่อจะฉีดและรับเลือดพวกนั้น พอถึงตอนนั้นจึงสามารถทำพันธสัญญาได้
ในส่วนของคุณลักษณะน้ำแข็ง หลิน เฟิงยังไม่ได้ตัดสินใจ เพราะยังไม่มีสัตว์วิญญาณตัวไหนที่มีคุณสมบัติเข้าตาตามที่เขาต้องการเลย
แต่อย่างไรก็ตาม หลิน เฟิงเพียงต้องการที่จะเข้าใจถึงศาสตร์พลังทั้งหมดของสัตว์วิญญาณทั้งเจ็ดที่ทำพันธสัญญาไปก่อนหน้านี้เท่านั้นเอง เพราะเขายังไม่รู้อีกมาก และเขาก็รู้สึกว่ามันเป็นเรื่องยากที่จะเข้าใจคุณลักษณะของศาสตร์พลังทั้งหมดในเวลาเดียวกัน
แม้แต่หลิน เฟิงเองที่ไม่เคยเอาสามัญสำนึกมาเกี่ยวก็เข้าใจหลายสิ่งหลายอย่าง รวมถึงพลังของศาสตร์พลังแห่งผืนดินของคุณลักษณะแห่งดินและไฟ ส่วนอย่างอื่นก็พอเข้าใจบ้าง เพียงแต่ยังไม่ได้ก่อตัวขึ้นมา
เห็นได้ชัดว่าหลิน เฟิงตั้งใจจะทำความเข้าใจว่าการเข้าใจเรื่องสัตว์วิญญาณทั้งเก้าชนิดนั้นเป็นเรื่องที่ยากแค่ไหน แต่นับตั้งแต่ที่เขาได้ตัดสินใจไป เขาก็จะจดจ่ออยู่แบบนั้นจนกระทั่งจบ
ไม่นาน หลิน เฟิงกับพวกเขาที่เหลือก็ออกไปจากที่นี่ ในขณะที่หวัง ฉีและปาเต๋าทำเงินได้มาก ก่อนจะเดินออกไปจากโถงลานประลอง
หลังจากที่หลิน เฟิงกับพวกที่เหลือเดินออกไป คนรับใช้ของหยุนเชาก็ปรากฏตัวข้างๆหยุนเชาอีกครั้ง พลางเอ่ยด้วยเสียงนุ่มนวล “ท่านหยุน เชา ผมรู้ข้อมูลของสัตว์วิญญาณแล้ว และถ้าเดาไม่ผิด มันน่าจะเป็นตำนานโบราณของสายพันธุ์สิงโตทองที่แตกต่างไป มีคนบอกว่าสิงโตทองที่ทรงพลังนั้นจะมีหัวงอกออกมามากกว่าหนึ่งหัว และทรงพลังที่สุดจนมีถึงเก้าหัว มีชื่อว่าสิงโตทองเก้าหัวครับ”
“สิงโตทองโบราณงั้นหรือ” เมื่อชายคนดังกล่าวได้ยินแบบนั้น เขาก็ถึงกับตะลึง
ในยุคโบราณนั้น ผู้คนไม่จำเป็นต้องรู้ว่าสัตว์วิญญาณเป็นสัตว์ประเภทไหน เพราะเป็นเรื่องลี้ลับและมีพลัง และไม่มีใครคาดคิดว่าจะมีใครบางคนมีสัตว์แบบนี้ได้ด้วย
แล้วนี่ไม่ใช่ว่าสิงโตทองนี่จะสูญพันธุ์ไปแล้วหรอกงั้นหรือ ทำไมมันถึงยังอยู่ที่นี่ เรื่องนี้ทำให้หยุน เชางุนงง ในเวลาเดียวกันนั้นเอง เขาก็ชักอยากได้สิงโตทองของหลิน เฟิงตัวนั้นขึ้นมาเป็นกำลัง
0 ความคิดเห็น