Rc:บทที่ 377 การแข่งขันพลังแห่งศาสตร์

นิยายลงทุกวัน เวลา 6.00 น. ส่วนเรื่องไหน จำนวนกี่ตอนนั้น สามารถดูได้ ที่นี่

Rc:บทที่ 377 การแข่งขันพลังแห่งศาสตร์


ในตอนนี้ คนใส่หน้ากากหมีก็ยังไม่ได้สติเลย ผู้คนบางส่วนถึงกับตัวสั่นเทา ก่อนจะนิ่งงันไปด้วยแสงที่สะท้อนออกมา ก่อนจะหดลงเป็นก้อนลงพื้น


บนลานประลองนั้น หลิน เฟิงผู้ร่วมรางกับสิงโตกำลังยืนอยู่ พลางเดินไปข้างหน้าพร้อมกับมีแสงสีทองสะท้อนไปมาทั่วร่าง ก่อนที่จะปล่อยแสงสีทองออกมาอีกราวกับเป็นเทพเจ้าที่รัศมีทองอร่ามไปทั่วร่างที่ยืนอยู่บนนั้น


ในขณะเดียวกันนั้นเอง ทุกคนก็ได้ยืนขึ้นก่อนจะมองไปที่หลิน เฟิงกับคนใส่หน้ากากหมีด้วยอาการตกตะลึง พวกเขาดูชะงักงันไปครู่ใหญ่ และเมื่อได้สติ พวกเขาต่างก็ตะโกนลั่นว่าเป็นไปไม่ได้


สิ่งที่น่ากลัวอย่างหนึ่งก็คือผู้ใส่หน้ากากหมีจอมดุดันตัวนี้ที่รู้จักกันว่าเป็นม้ามืดนั้นจะถูกชกโดยชายร่างผอมจนตกเวทีไปแบบนั้น พร้อมทั้งสูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปเลย


“สมแล้วที่เป็นสัตว์ประหลาดจากนอกโลก ถึงแม้จะยังไม่ถึงระดับ A แต่ความสามารถพิเศษหลังจากเปลี่ยนเป็นสัตว์ป่านี่เกือบจะเท่าๆกับระดับ A ขั้นสุดยอดเลย ” หลิน เฟิงแอบตกใจอยู่ไม่น้อย


นี่เป็นครั้งแรกที่หลิน เฟิงได้รวมร่างกับสัตว์ที่มีร่างเป็นสิงโตสายฟ้าสีทอง และผลที่ตามมาคือความแข็งแกร่งที่น่าตกใจยิ่งกว่า มันแข็งแกร่งกว่าที่หลิน เฟิงคาดเล็กน้อย และเพราะมีสัตว์นี้เอง หมัดทุกหมัดที่ใช้โจมตีจึงเต็มไปด้วยแสงประกายสีทองที่แข็งแกร่งซึ่งน่ากลัวเอามากๆ


เลือดของสัตว์โบราณตัวนี้ช่างแข็งแกร่งเสียจริง หลิน เฟิงเองก็ยังแอบตกใจเลย


เมื่อหลิน เฟิงกลับมาอยู่ในร่างแบบเทพเจ้า ร่างของเขาก็ไม่ดูเหมือนสัตว์อีกต่อไปแล้ว แล้วทันใดนั้นเอง เขาก็ได้เห็นว่าคนทั้งหมดที่ดูอยู่ข้างนอกต่างยืนขึ้นทีละคนผลุบๆโผล่ๆเหมือนผี


ใครจะไปเชื่อว่าหมีจอมดุนั่นที่ชนะรวดไปในสามเกมแรกและได้รับการขนามนามว่าเป็นม้ามืดด้วยจะพ่ายแพ้จากการโดนคู่แข่งต่อยกลิ้งหลุนๆไปแบบนั้น ตอนนี้กลับพ่ายแพ้ให้กับหลิน เฟิงไปโดยสิ้นเชิง


เพียงหมัดเดียวเท่านั้นเอง ร่างเขาก็กระเด็นเสียแล้ว คนทั้งสองคนต่างเข้าต่อยกันด้วยหมัดเดียว และผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นก็ทำเอาทุกคนตกใจไปตามๆกัน 


ส่วนในตอนนี้ ลานประลองแห่งนั้น กรรมการเองก็ทำอะไรไม่ถูกบนเหมือนกัน เพราะเขาคาดว่าหลิน เฟิงจะต้องถูกคนใส่หน้ากากหมีนั่นคว่ำแน่ๆ ยิ่งไปกว่านั้น ผลจากการต่อสู้ทั้งสามครั้งก่อนที่ชายสวมหน้ากากหมีจะมาแข่งที่นี่ก็เหมือนกันหมด เพียงขยับตัวครั้งหรือสองครั้งก็จัดการศัตรูได้แล้ว


ในขณะเดียวกันนั้นเอง เขาเองก็จินตนาการไม่ออกเลยว่าหลิน เฟิงจะมีพลังได้มากถึงขนาดนี้ เขาจัดการล้มม้ามืดคนนั้นที่ในตอนนี้กลายเป็นม้าที่หายไปกับความมืดเสียแล้วด้วยหมัดๆเดียว ไม่มีอะไรน่าตกใจไปมากกว่านี้อีกแล้ว


ในตอนนี้เอง หลิน เฟิงก็ได้กลายเป็นม้ามืดของม้ามืดอีกที คนพวกนั้นต่างจ้องมาที่หลิน เฟิงก่อนจะมองมาที่หน้ากากหมาป่าของเขา อึ้งกันมากขึ้นกว่าเดิม


“ชายหน้ากากหมีหลุดออกจากสนามแข่งไปแล้วและไม่สามารถต่อสู้ได้อีก ถือว่าแพ้ไปนะครับ ยินดีด้วย ฉายาของคุณคืออะไรครับ” กรรมการถามขึ้น


“หมาป่ากระหายเลือด” หลิน เฟิงตอบเบาๆ


“หมาป่ากระหายเลือดชนะ โปรดจำชื่อนี้ไว้นะครับ นี่เป็นศึกแรกที่หมาป่ากระหายเลือดได้มาเยือน อีกทั้งยังเอาชนะหน้ากากหมีดุที่เป็นหนึ่งในม้ามืดได้อีกด้วย เพียงหมัดเดียว” กรรมการว่าเสียงลั่นด้วยความตื่นเต้น


“หมาป่ากระหายเลือดงั้นหรือ” เมื่อได้ยินฉายา ผู้คนต่างก็พูดระงมไปหมด 


หลังจากนั้น หลิน เฟิงก็เดินลงมาในทันที เพราะเขายังต้องไปแข่งต่ออีกซึ่งจะเป็นการแข่งโดยใช้สัตว์วิญญาณด้วย


แต่พอหลังจากหลิน เฟิงไปแล้ว คนพวกนั้นก็ดูไม่ได้สติกันไปครู่ใหญ่ เหตุเพราะการต่อสู้ของหลิน เฟิงที่พวกเขาได้เห็นเมื่อครู่นั้นทรงพลังมากที่เขาจัดการหน้ากากหมีม้ามืดนั้นได้ภายในหมัดเดียว


“ชายคนนี้แข็งแกร่งมากจริงๆที่ล้มหน้ากากหมีได้ภายในหมัดเดียว” ผู้ชมที่อยู่บนนั้น คนหลายคนที่อยู่รอบๆหยุน เชาพูดกันระงม


“แข็งแกร่งจริงๆ เดี๋ยวเรื่องหมาป่ากระหายเลือดน่ะไว้ทีหลัง และฉันเองก็ไม่รู้ว่าเขาจะชนะสิบเกมติดๆกันหรือเปล่า” จากนั้น หยุน เชาก็เดินออกมาพร้อมด้วยผู้คนที่อยู่ล้อมรอบ


แต่เมื่อมาถึงตรงประตู ทันใดนั้นเอง คนรับใช้ก็เดินมาหาเขาก่อนจะกระซิบบางอย่างที่หูของเขา


“ว่าไงนะ นี่เขายังต้องไปสู้ต่ออีกหรือ งั้นเราไปดูกันเถอะ” ไม่นาน คนหลายคนก็มุ่งหน้าไปที่สนามแข่งอีกแห่งหนึ่ง จำนวนคนในสนามแข่งแห่งนี้มีไม่มากเท่าก่อนหน้านี้เลย อาจจะเป็นเพราะคนที่สู้ด้วยไม่ใช่คนดังนั่นเอง


แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อบางคนได้ยินว่าหลิน เฟิงมีแข่งต่อ พวกเขาก็ถึงกับประหลาดใจก่อนจะกรูกันไป จนต่อมา สนามแข่งก็มีผู้คนอยู่เต็มไปหมด โดยมีมากกว่าสองเท่า


จำนวนคนนั้นมีเกินกว่าจำนวนคนที่แข่งในรอบแรกเสียอีก แม้แต่กรรมการและคนที่อยู่ก่อนหน้านี้ก็ถึงกับประหลาดใจและมึนงงไปตามๆกัน


คู่แข่งของหลิน เฟิงในการแข่งรอบสองนั้นดูน่าตกใจอยู่ไม่น้อย ใช่คนร่างใหญ่ๆที่กำลังเดินเข้ามาอยู่หรือเปล่านะ


แต่เมื่อชายคนนั้นหันไปมอง และห็นว่าคู่ต่อสู้ของเขาเพิ่งจะลงทะเบียนมาใหม่ เขาก็รู้สึกโล่งอก 


หลิน เฟิงเดินเข้าไปในลานประลองก่อนจะมองออกไป คู่ต่อสู้ของเขาเป็นชายคนหนึ่งที่มีใบหน้าสีดำ และฉายาของเขาก็คือนิโกร ที่พอจะมีชื่อเสียงอยู่บ้าง แต่ไม่เท่ากับหน้ากากหมีก่อนหน้านี้


จนเมื่อกรรมการประกาศว่าการแข่งกำลังจะเริ่มแล้ว ผู้คนต่างก็พนันกัน โดยคนส่วนใหญ่ที่อยู่ตรงหน้าพวกเขานั้นต่างพนันข้างคู่แข่งของหลิน เฟิงกันทั้งนั้น และก็มีไม่กี่คนที่พนันเข้าข้างเขา


แต่ทว่าคนที่มาทีหลังเกือบทุกคนจะพนันข้างหลิน เฟิงซึ่งทำเอาคนที่เหลืองุนงงกันมาก


เมื่อกรรมการประกาศว่าให้เริ่มต่อสู้ได้ พวกเขาทั้วคู่ก็ได้ปลดปล่อยสัตว์วิญญาณออกมา นี่คือการต่อสู้ร่วมกันระหว่างเจ้านายกับสัตว์วิญญาณนั่นเอง


ในตอนนี้  หลิน เฟิงก็ได้ปล่อยสิงโตทองออกมาซึ่งมีรูปร่าง พละกำลังที่โดดเด่น และหน้าตาที่ไม่เหมือนใคร 


ส่วนคนที่หลิน เฟิงแข่งด้วยนั้น สัตว์คู่ใจที่ออกมาเป็นสิ่งที่เป็นสีดำๆดูเหมือนเสือหรือไม่ก็เสือดาว แต่ก็ไม่ใช่ทั้งคู่ แต่เป็นสิ่งที่เรียกว่าสติกซ์สีดำ ซึ่งหาได้ยากมาก


เมื่อได้ตรวจสอบแล้วนั้น เสียงในใจของหลิน เฟิงก็ดังขึ้น เขาจึงได้ทราบข้อมูลของสัตว์วิญญาณในทันที : สัตว์นรกสีดำ คุณลักษณะความมืด ระดับ S ตำนานว่าไว้ว่าเป็นสัตว์อสูรจากนรก ระดับสูง เก่ง มีเวทย์มนต์ คำรามเหมือนสัตว์ปีศาจ ใช้ลูกบอลปีศาจเป็นอาวุธ


หลิน เฟิงสังเกตคู่ต่อสู้ของเขาอย่างพินิจ ตัวเขาไม่มีอะไรน่ากลัวเลยยกเว้นสัตว์วิญญาณของเขา


“เริ่มสู้ได้”


ทันทีที่กรรมการพูดจบ ทั้งคู่ก็เริ่มพุ่งตัวเข้าต่อสู้กัน สิงโตทองและสัตว์อสูรสีดำตัวนั้นต่างเข้าต่อสู้กันเหมือนกัน แม้ระดับของสัตว์วิญญาณสีดำนั้นจะมีมากกว่า แต่ทว่าระดับเลือดของสัตว์ประหลาดโบราณนั้นแข็งแกร่งจนสู้กับสัตว์อสูรดำนั้นได้อยู่ เพียงครู่เดียว กลับไม่มีใครเอาชนะใครได้เลย


ในส่วนของการต่อสู้ระหว่างหลิน เฟิงและชาย “นิโกร” คนนั้น พวกเขาทั้งคู่ต่างเหมือนกัน อีกทั้งยังอยู่ในระดับเดียวกันโดยไม่มีความสามารถพิเศษใดๆจนดูว่าเกือบจะเหมือนกัน ไม่มีใครแพ้หรือชนะเลย


“เคล็ดวิชาหมัดมืด”


เมื่อนิโกรกล่าวขึ้น การเคลื่อนไหวมือของเขาก็เปลี่ยนไป แล้วเงามือสีดำก็ปรากฏขึ้นโดยข้างหลังเขาคือพื้นหลังสีดำ


“พลังความมืดหรือเนี่ย” เมื่อหลิน เฟิงเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น เขาก็รู้สึกประหลาดใจว่าชายคนนั้นสามารถใช้หลักการพื้นฐานของด้านมืดได้ และเขาเองก็อดคิดไม่ได้ว่าเขาคนนี้อีกไม่นานก็จะก้าวข้ามจากระดับ A ไปยังระดับ S ได้


เมื่อหลิน เฟิงเห็นท่าทีที่ออกมาแบบนั้น ก็ได้ยินเขาเอ่ยขึ้น “ศาสตร์แห่งดิน หมัดสะเทือนขุนเขา”


ช่วงเวลาต่อมา ผืนดินก็ปรากฏขึ้นข้างหลังหลิน เฟิง เป็นรอยร้าวขึ้น ทั้งภูเขาและหินต่างสูงขึ้นเสียดฟ้าซึ่งค่อนข้างน่าตื่นตาตื่นใจและมหัศจรรย์ และทำให้ผู้คนถึงกับตกใจ


แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น