RC:ตอนที่ 375 หมาป่ากระหายเลือด
แต่ทว่าหลิน เฟิงไม่ต้องกล่าวถึงหินวิญญาณนี้เลย เพราะก่อนที่เขาจะได้พูด หวัง ฉีก็ได้ยื่นหินวิญญาณนี้ออกไปให้แล้ว
จากนั้น หญิงสาวคนดังกล่าวก็มองไปที่คนทั้งสอง ก่อนจะเอ่ยขึ้น “โปรดเลือกหน้ากากในนี้ไปหนึ่งอันค่ะ”
เพียงแวบเดียว หลิน เฟิงก็เห็นว่าที่ข้างหลังผู้หญิงคนนั้นมีหน้ากากแขวนอยู่สิบอัน โดยแต่ละอันจะมีรูปร่างที่ต่างกันออกไป มีทั้งรูปสัตว์ ผีและทุกอย่างเลย
หลิน เฟิงกับปาเต๋ายืนอยู่สักพัก หลิน เฟิงจึงเลือกหน้ากากกระต่ายขาวตัวน้อยและนั่นก็ทำเอาหญิงสาวถึงกับพูดไม่ออก
หลังจากดูอยู่สักพัก หลิน เฟิงก็รู้สึกว่าควรเปลี่ยนมาใช้หน้ากากหมาป่ากระหายเลือดแทนนั้น การใช้หน้ากากกระต่ายน้อยดูจะไม่เหมาะสักเท่าไหร่
ส่วนปาเต๋านั้น ดูจะไม่ได้คิดอะไรเลย เขาหยิบเอาหน้ากากกระทิงออกมาด้วยท่าทีปกติ ก่อนจะสวมลงบนหน้า นี่ไม่ต้องเอ่ยถึงแรงส่งที่แข็งแกร่งของเขาเลย
“หลังจากเลือกหน้ากากแล้ว ให้ตั้งฉายาให้ตัวเองด้วยค่ะ” หญิงสาวว่าอีกครั้ง
“ตั้งฉายาหรือครับ” หลิน เฟิงงุนงง ทีแรกก็ให้เลือกหน้ากาก แล้วตอนนี้ก็ให้มาตั้งฉายาอีก ซึ่งนั่นทำเอาหลิน เฟิงถึงกับงงงวย
และในตอนนั้นเอง หวัง ฉีก็ได้อธิบาย “เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวตนเปิดเผยหรือโดนแก้แค้นตอนกลับออกไป ก็เลยต้องเลือกหน้ากากใส่กับตั้งชื่อครับ เพื่อปกปิดตัวตนในระดับสูงสุด”
หลังจากได้ยินแบบนั้น หลิน เฟิงก็เข้าใจได้ในทันที ก่อนจะเอ่ยขึ้น “ก็ในเมื่อเลือกหน้ากากหมาป่ามาแล้ว งั้นผมขอตั้งชื่อตัวเองว่าหมาป่ากระหายเลือดก็แล้วกัน”
เมื่อหลิน เฟิงกล่าวออกมาแบบนั้น ในดวงตาของปาเต๋าก็ปรากฏคำขึ้นมาหนึ่งหรือสองคำทันที “งั้น ฉันขอตั้งชื่อว่าหน้าวัวก็แล้วกัน ฮ่าๆ”
หญิงสาวคนดังกล่าวจ้องไปที่ชายทั้งสองคนด้วยท่าทางที่ตกใจจนพูดอะไรไม่ออกมากขึ้นเรื่อยๆ แต่พอหลังจากได้ตรวจสอบแล้ว เธอก็เห็นว่าไม่มีชื่อไหนที่เหมือนกัน เธอจึงปล่อยพวกเขาไป
“การแข่งขันของระดับ A จะจัดขึ้นครั้งเดียวต่อวัน ส่วนของระดับ S จะจัดขึ้นเพียงหนึ่งครั้งต่อสัปดาห์ค่ะ โดนการต่อสู้จะแบ่งเป็นสามแบบ อย่างแรกคือการต่อสู้ด้วยมือเปล่า คุณสามารถใช้พลังวิญญาณและศิลปะการต่อสู้ได้ อย่างที่สองคือ ปล่อยสัตว์วิญญาณออกมาสู้ด้วย คือทั้งเจ้านายและสัตว์วิญญาณจะร่วมสู้ด้วยกัน ส่วนอย่างที่สาม คือการต่อสู้โดยไม่อิงเงื่อนไขใดๆ”
“แล้วคุณจะเลือกสู้แบบไหนคะ” หญิงสาวคนนั้นถามขึ้น
หลังจากคิดที่คิดถึงเรื่องนี้ หลิน เฟิงก็คิดว่าเขาน่าจะทำอะไรสักอย่าง แล้วจู่ๆ เขาก็คิดขึ้นมาได้ว่าอันที่สองดูเหมือนว่าจะเป็นอันที่เขาได้เปรียบที่สุด เพราะเขามีจำนวนสัตว์วิญญาณนับไม่ถ้วนอยู่หลายตัวเลยทีเดียว และถ้าปล่อยทุกตัวออกมา มันคงจัดการคู่แข่งของเขาถึงตายแน่
อย่างที่สอง วิธีต่อสู้วิธีแรกนั้นก็ยังดีกับตัวหลิน เฟิงด้วยเพราะเขาสามารถใช้สัตว์วิญญาณได้ โดยสามารถปล่อยออกมาได้เลย
นอกจากนี้ การต่อสู้ในแบบที่สาม สำหรับหลิน เฟิงแล้วดูเขาจะได้เปรียบมากสุดกับการต่อสู้โดยไม่อิงเงื่อนไขใดๆ
ในบรรดาคนที่อยู่ระดับเดียวกันนั้น หลิน เฟิงมีสัตว์วิญญาณมากสุดแล้ว อีกทั้งยังมีดาบทองคำขนาดใหญ่ที่จักรพรรดิโบราณอู๋ชางให้มาอีก พร้อมด้วยพลังมหาศาล นี่ไม่รู้เลยว่าจะมีอาวุธวิญยาณแบบไหนที่จะมาเทียบกับตัวนี้ได้อีกแล้ว
เมื่อคิดถึงตรงนี้ หลิน เฟิงก็คิดว่าแบบที่หนึ่งก็ดี ใครๆก็เข้าร่วมแข่งได้
หลิน เฟิงยังไม่ได้พูดอะไร แต่ปาเต๋ากลับตอบออกไปในทันที “ผมขอเลือกแบบแรก สู้ด้วยมือเปล่าครับ”
หลิน เฟิงจึงกลับมามีสติอีกครั้ง เพราะปาเต๋าเกิดมาพร้อมกับโครงสร้างด้านจิตวิญญาณแบบพิเศษ อีกทั้งยังไม่ได้ทำพันธสัญญากับสัตว์วิญญาณใดๆด้วย เดิมที หลินก็เคยช่วยตามหาสัตว์วิญญาณสักตัวมาทำพันธสัญญาด้วย แต่เขากลับต้องล้มเลิกความคิดไป
ตัวเขาชอบที่จะดูดซับพลังวิญญาณเพื่อพัฒนาตัวเองมากกว่า เพื่อให้พละกำลังของเขาจึงแข็งแกร่งอย่างเพียงพอ ดังนั้นหลิน เฟิงจึงไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้อีก
“แล้วคุณล่ะคะ” หญิงสาวคนั้นเอ่ยถามขึ้น
แล้วหลิน เฟิงก็เผลอพูดตามที่คิดขึ้นมา “แล้วถ้าจะร่วมทุกข้อเลยล่ะครับ”
“ได้สิคะ” หญิงสาวตอบ
“งั้นผมขอข้อหนึ่งกับข้อสองครับ” หลิน เฟิงว่า
“ค่ะ คุณต้องการเข้าร่วมการต่อสู้ทั้งสองอย่างภายในวันนี้สินะคะ” หญิงสาวถามขึ้นอีกครั้ง
“ครับ” หลิน เฟิงว่ากลับไป
“ได้ค่ะ” หญิงสาวกล่าวขึ้น ก่อนจะใส่ข้อมูลของหลิน เฟิงและปาเต๋าเข้าไปในคอมพิวเตอร์ แล้วหญิงสาวคนนั้นก็กล่าวว่า “เดี๋ยวคุณทั้งสองคนนำตรานี้ไปนะคะ นี่จะเป็นตราของนักสู้ที่จะบันทึกข้อมูลของพวกคุณไว้ เดี๋ยวฉันจะจัดการเรื่องการต่อสู้ให้ค่ะ”
เธอว่าไปพลางพิมพ์ข้อมูลลงคอมพิวเตอร์ไปด้วย ใช้เวลาไม่นาน เธอก็กล่าวกับหลิน เฟิง “สำหรับผู้ใช้พลังระดับ S เนื่องจากคุณคือผู้ใช้พลังระดับ S ที่แข็งแกร่ง การต่อสู้จะจัดขึ้นหนึ่งครั้งต่อสัปดาห์ แล้วนี่ก็เป็นวันหยุดด้วย วันนี้จะไม่มีการต่อสู้ค่ะ”
“ส่วนหมาป่ากระหายเลือดระดับ A การแข่งขันทั้งสองแบบจะเริ่มในหนึ่งชั่วโมงและสองชั่วโมงหลังจากนี้นะคะ เดี๋ยวเตรียมตัวไปรอได้เลยค่ะ” หญิงสาวว่าขึ้น
“โอเค” พวกเขาไม่ได้กล่าวอะไรต่อ หลังจากที่ทั้งสามคนลงชื่อแล้ว พวกเขาก็ได้ที่นั่งรอฆ่าเวลา
ในขณะที่ทั้งสามนั่งกันอยู่นั้น หลิน เฟิงก็กล่าวขึ้นกับหวัง ฉี “จำไว้นะว่าให้พนันฝ่ายฉันทั้งสองเกมเลย มีหินพนันให้พนันทั้งหมด นายก็จะได้กลับมาเยอะกว่าเดิมอีก”
“จริงหรือครับ” หวัง ฉีไม่อยากจะเชื่อ ถึงแม้เขาจะเคารพในตัวของผู้บริหารมาก แต่เขายังไม่รู้จักพละกำลังของหลิน เฟิงเลย
เพราะยังไงผู้ใช้พลังระดับ A ย่อมมีข้อแตกต่างด้านพลังกันเป็นธรรมดาอยู่แล้ว
“ไม่ต้องห่วง เขาชนะแน่ ในระดับนี้ไม่มีใครเอาชนะเขาได้อยู่แล้ว” ปาเต๋าว่าขึ้นก่อนจะหลับตาลง
ปาเต๋าเคยเห็นความสามารถของหลิน เฟิงมาก่อนแล้ว และถ้าหลิน เฟิงเอาจริงขึ้นมา ใช้พลังทั้งหมดออกมาล่ะก็ ระดับ SS คงจะต้านทานได้อยู่ ดังนั้นคนที่อยู่ระดับต่ำกว่า SS จะไม่มีใครเอาชนะเขาได้เลย
แน่นอนล่ะว่า พละกำลังของหลิน เฟิงนั้นได้มาหลังจากการรวมตัวกันกับมังกรดำ หรือถ้าจะให้พูดก็คือ หลิน เฟิงจะไม่ใช้พละกำลังตรงนี้แน่
“จริงๆหรือครับ” หวัง ฉีก็ยังดูจะเชื่ออยู่ เมื่อได้ยินในสิ่งที่ปาเต๋า ผู้ใช้พลังระดับ S เอ่ยออกมา
“หรือถ้าเรื่องไหนไม่จริง ผมจะบอกคุณเอง และถ้าเขาใช้พลังทั้งหมดที่เขามีล่ะก็ ผมเองยังไม่สามารถเอาเขาอยู่เลย” ปาเต๋าว่ากระซิบข้างหูของหวัง ฉี
ในที่สุด หวัง ฉีก็เชื่อแล้วว่าชายผู้แข็งแกร่งอย่างปา เต๋าเองยังเคารพในตัวหลิน เฟิงหมดใจ แม้จะเรียกหลิน เฟิงด้วยชื่อก็ตาม เขาเห็นว่าปาเต๋านั้นก็ยังมีความนับถือหลิน เฟิง เหมือนผู้อ่อนแอกว่าให้ความเคารพผู้ที่แข็งแกร่งกว่า
“ประกาศ คุณหมาป่ากระหายเลือด การแข่งของคุณกำลังจะเริ่มในสิบนาที โปรดมาที่สนามแข่งที่สี่ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้”
เมื่อได้ยินเสียงจากวิทยุประกาศ หลิน เฟิง ปา เต๋าและหวัง ฉีก็รีบเร่งไปยังสนามแข่งที่ 4 ในทันที
หลังจากนั้นเพียงครู่ พวกเขาก็มาถึงในที่สุด ปา เต๋า หวัง ฉีไปยังที่นั่งดู ในขณะที่หลิน เฟิงเดินไปที่แท่นการแข่งขัน
ทันทีที่เขาไปถึงลานแข่ง เขาก็ได้เห็นศัตรูของเขาที่กำลังยืนอยู่อีกฝั่งหนึ่งเป็นเวลานานแล้ว พลางกอดอกและจ้องหลิน เฟิงด้วยสายตาดูถูก
เมื่อหลิน เฟิงเงยหน้าขึ้นมามอง เขาก็เห็นว่าคู่ที่เขาสู้ด้วยเป็นชายร่างสูง สวมหน้ากากหมียักษ์ ขนาดตัวของเขาก็เกือบจะ 200 จินเลยทีเดียว ซึ่งถือว่าเป็นคู่ที่ดูสมน้ำสมเนื้อกันดีเลยทีเดียว
หลิน เฟิงนั้นมีรูปร่างผอมบางเหมือนเด็กๆ แต่เขาก็ไม่นึกกลัวเกรงเลยสักนิด เพราะถึงแม้ว่าชายคนนี้จะดูตัวสูงมาก แต่กลับไม่ทำให้หลิน เฟิงรู้สึกกลัวเลยสักนิด
0 ความคิดเห็น