RC:ตอนที่ 374 ลงทะเบียนแข่ง
พื้นที่นั้นกว้างใหญ่ กว้างยาวหลายร้อยเมตร พอที่จะจุคนได้เป็นพันๆเลยทีเดียว ถึงแม้จะเป็นแค่สนามรบ แต่เห็นเลยว่าพื้นที่การต่อสู้เถื่อนที่จัดขึ้นบริเวณใต้ดินนั้นใหญ่เพียงใด
การเข้ามาของหลิน เฟิงไม่ได้เป็นที่ดึงดูดสายตาคนมากนัก เพราะในตอนนี้ สายตาของผู้คนต่างจับจ้องไปที่คนสองคนที่อยู่บนเวที
เมื่อหาที่ดูได้แล้ว พวกเขาจึงมองไปที่คนทั้งสองคนที่อยู่ในลานประลอง
ทั้งสองคนนั้นเห็นหน้ากันได้ไม่ชัดนัก เพราะพวกนั้นต่างสวมหน้ากากเหล็กปิดบังใบหน้าเสียสนิท คนอื่นๆจึงมองเห็นได้ไม่ชัดนักและไม่รู้ด้วยว่าเป็นใคร
แต่อย่างไรก็ตาม พวกเขาต่างก็มีฉายาของตัวเอง ชายคนที่อยู่ซ้ายมือนั้นมีชื่อว่าชายผู้มีแผลเป็น เนื่องด้วยมีรอยแผลเป็นอยู่บนใบหน้าของเขาก็ได้ อันนี้หลิน เฟิงเองก็ไม่รู้ ส่วนคนที่อยู่ทางขวานั้นคือชายแขนเดียว แต่ก็ไม่ได้เชิงแขนเดียวจริงๆหรอก แต่เพราะเขาเรียกกันแบบนั้น
เขาเองคิดว่าแต่ละคนคงเป็นคนเลือกฉายาเองนั่นล่ะ
ไม่นาน พวกเขาก็ได้ทีนั่ง พลันเสียงวิทยุก็ดังขึ้น “ทุกคน ขอให้อยู่ในความสงบ เดี๋ยวการต่อสู้จะเริ่มแล้ว และเมื่อการต่อสู้เริ่มต้นขึ้น ท่านสามารถเลือกได้ว่าจะพนันฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งได้ภายในห้านาที แล้วถ้าฝั่งไหนชนะ ฝั่งที่ชนะก็จะได้หินวิญญาณในระดับของตัวเองไป แต่ถ้าแพ้ ก็ต้องเสียหินวิญญาณไปนะครับ”
หลายๆคนรู้เรื่องนี้แล้ว ดังนั้น ใครหลายๆคนจึงเตรียมพร้อมที่จะพนันกันแล้ว
“เริ่มได้”
เมื่อผ่านไปหนึ่งนาที หลังจากสิ้นเสียงวิทยุ ทุกคนจ้องไปที่คนสองคนบนลานประลอง
ทั้งสองอยู่ในสภาพเกรี้ยวกราด ต่างคนต่างพุ่งเข้าใส่กัน แรงส่งที่ทั้งคู่ปล่อยออกมานั้นมีปริมาณเท่ากัน ในตอนนี้ไม่สามารถเห็นได้ว่าใครแข็งแกร่งหรือใครอ่อนแอกว่า
ทั้งสองต่างพุ่งหมัดเข้าหากัน ถึงเนื้อถึงตัว ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเมื่อคนทั้งสองนั้นอยู่ในลานประลองทำเต็มที่แค่ไหน
สามนาทีผ่านไปไวเหมือนโกหก คนที่ดูทั้งสองต่อสู้กันต่างลุ้นไปตามๆกัน จนพวกเขาไม่รู้เลยว่าจะเลือกฝั่งใครดี
“หลิน เฟิง นายคิดว่าใครจะชนะ” ปาเต๋าเอ่ยถาม
“แล้วนายล่ะ คิดว่าใคร” หลิน เฟิงถามกลับไปแทนที่จะถาม
ปาเต๋าดึงหัวเขาเข้ามาก่อนจะเอ่ยขึ้น “ฉันก็ไม่รู้ แต่ฉันคิดว่าชายคนที่มีแผลเป็นน่าจะชนะนะ นายดูสิว่าเขาโคตรแกร่งเลย หมัดทุกหมัดดุดัน จนชายแขนเดียวนั่นถึงกับแทบหมดแรงเลย”
เมื่อได้ยินในสิ่งที่ปาเต๋าพูด หลิน เฟิงก็ยิ้มออกมาก่อนจะหันไปมองหวัง ฉีแล้วถามขึ้น “แล้วนายคิดว่าไง”
เมื่อหวัง ฉีได้ยินคำถามของหลิน เฟิงเข้า ก็ตอบขึ้นมาในทันที “ผมเองก็ไม่รู้ครับ แต่ที่ปาเต๋าบอกว่าชายที่มีแผลเป็นอาจจะชนะน่าจะมีเหตุผลอยู่นะครับ”
แต่อย่างไรก็ตาม ทันทีที่เขาพูดจบ หลิน เฟิงก็ส่ายหน้าก่อนจะเอ่ยขึ้น “ทายผิดหมดเลย แม้ชายแขนเดียวจะดูเหมือนพยายามสุดๆแล้ว ชายที่มีแผลเป็นก็ด้วย แถมการโจมตีของเขาก็ยังดุดัน แต่ว่าชายแขนเดียวคนนั้นก็ดูจะรับมือยากไม่ใช่น้อยเหมือนกัน”
“หรือถ้าจะให้พูดก็คือ ตรงนี้แสดงให้ว่าการโจมตีของชายผู้มีแผลเป็นอาจจะรุนแรงก็ได้ แต่จริงๆแล้วยังไม่ทรงพลังนัก หรือชายแขนเดียวคงอ่อนแรง แต่อาจจะไม่ใช่แบบนั้นก็ได้ แต่แกล้งทำเป็นแบบนั้น ฉะนั้น ผู้ชนะในครั้งนี้ก็น่าจะเป็นชายแขนเดียวนี่ล่ะ” หลิน เฟิงว่าขึ้นด้วยความมั่นใจ
เมื่อตู๋ กังกับหวัง ฉีได้ฟังแบบนั้น ก็ถึงกับสะเทือนความรู้สึกเลยทีเดียว
หลิน เฟิงเอ่ยขึ้นกับหวัง ฉี “นายอยากจะพนันหน่อยไหมล่ะ ถ้าอยาก นายก็ควรเลือกฝั่งชายแขนเดียวนะ ไม่งั้นล่ะก็ได้หมดตัวแน่”
“ จริงหรือครับ” หวัง ฉีถามขึ้น
“แน่ล่ะสิ ฉันจะโกหกนายทำไม” หลิน เฟิงกล่าว
หวัง ฉีมองอยู่เป็นเวลานาน และเมื่อเห็นว่าใกล้จะห้านาทีแล้ว เขาก็เอ่ยขึ้นในทันที “ไหนๆก็ไหนๆ ผมขอลองสักหมื่นนึงแล้วกัน”
หลังจากที่ตัดสินใจแล้ว หวัง ฉีจึงพนันข้างชายแขนเดียวด้วยหินวิญญาณระดับต่ำเป็นจำนวนหมื่นชิ้น
ในตอนนั้นเอง คนส่วนใหญ่ที่ลงขันพนันการแพ้ชนะครั้งนี้นับว่าเป็นสัดส่วนสามต่อหนึ่งเลยทีเดียว เพียงชั่วพริบตาเดียว การต่อสู้ก็ร้อนระอุขึ้นมา และดูเหมือนว่าทั้งสองคนจะใช้พลังทางกายและวิญญาณที่ตนมีไปเกือบจะหมดแล้วด้วย
แต่อย่างไรก็ตาม ในขณะที่ผู้คนต่างคิดว่าชายที่มีรอยแผลเป็นคนดังกล่าวกำลังจะชนะ แต่ทว่าจู่ๆ มือของของชายผู้มีแขนข้างเดียวก็ได้ใหญ่ขึ้นจนเสื้อฉีกขาดหมด และนั่นก็ทำให้ได้เห็นกล้ามเนื้อที่แข็งแกร่งเป็นอย่างมากจนเห็นเส้นเลือดขอด
เขาสวนหมัดอันทรงพลังออกมา ก่อนจะต่อยตรงไปที่ร่างของชายผู้มีแผลเป็นจนกระเด็นออกนอกที่แข่งขันภายในหมัดเดียว
คนที่อยู่ในนั้นล้วนแต่อึ้งไปกับภาพที่เห็น นี่ชายแขนเดียวคนนี้มีทักษะประหลาดเช่นนี้อยู่หรอกหรือนี่
ในขณะที่ทุกคนอึ้ง จากนั้นสีหน้าก็เปลี่ยนไป ทั้งหลิน เฟิงและพวกที่เหลือ โดยเฉพาะหวัง ฉีนั้นยิ้มแทบไม่หุบเลยทีเดียว เพราะเป็นอัตราสามต่อหนึ่ง เขาก็จะได้หินวิญญาณระดับต่ำมาเลยถึง 20000 ชิ้นและนี่ก็ทำเอาดีใจแทบกระโดดตัวลอยเลยทีเดียว
พลัน เขาก็มองไปที่หลิน เฟิงด้วยสายตาที่ตกใจมากขึ้นกว่าเดิมอีก ทั้งเริ่มนับถือในตัวเขาและชื่นชมเอามากๆด้วย นี่ที่เขาคิดไว้มันถูกต้องจนคาดไม่ถึงเลยเชียวล่ะ
หลิน เฟิงจะเดาถูกหรือไม่ไม่สำคัญ แต่สิ่งที่สำคัญก็คือเขาได้หินวิญญาณมา 20000 ชิ้นแล้ว ชดเชยหินวิญญาณที่จ่ายเป็นค่าเข้าก่อนหน้านี้ได้ทั้งหมดเลย
“อืม พอเข้าใจบ้างแล้ว งั้นตอนนี้เราไปลงชื่อแข่งกันเถอะ นายสองคนเอาด้วยไหม” หลิน เฟิงถามขึ้นในทันที
ปาเต๋ากับหวัง ฉีอึ้งไป หวัง ฉีส่ายหัว แต่ปาเต๋ากลับพยักหน้าอย่างรวดเร็ว ท่าทีอันแสนตื่นเต้นไม่สามารถปกปิดไว้ได้ ราวกับว่าการได้ต่อสู้กันคือสิ่งที่ทำให้เจ้าตัวสุขใจ
ภายใต้การนำของหวัง ฉี พวกเขาก็ได้เดินออกมาก่อนจะไปที่สำนักงานใหญ่ในการแข่งขันการต่อสู้ใต้ดินแห่งนี้
ส่วนคนที่เป็นคนดำเนินการในขั้นตอนต่างๆนั้นเป็นหญิงสาวคนหนึ่ง เมื่อเธอเห็นหลิน เฟิงและอีกสามคนเดินเข้ามา เธอก็ดูเฉยๆ ก่อนจะเสมองเล็กน้อยพร้อมกับกล่าวว่า
“มีอะไรให้ช่วยไหมคะ”
หวัง ฉีเดินตรงไปก่อนจะเอ่ยขึ้น “มาลงทะเบียนสู้สองคนครับ”
หวีง ฉีว่าพลางชี้นิ้วไปที่หลิน เฟิงและปาเต๋า หญิงสาวมองไปที่คนพวกนั้นก่อนจะว่าขึ้น
“ระดับไหนคะ”
“ระดับ A ครับ” หลิน เฟิงพูดขึ้น
หญิงสาวคนดังกล่าวถึงกับประหลาดใจเมื่อได้ยินหลิน เฟิงพูดออกมา เพราะระดับ A นั้นแทบจะหาได้ยากเป็นอย่างยิ่ง ยิ่งไปกว่านั้น คนเก่งๆที่อยู่ในระดับนี้ก็แทบไม่มีจะมาแข่งการต่อสู้เถื่อนแบบนี้ด้วย เพราะไม่ว่าพลังของพวกเขาจะมีอยู่ในระดับไหน แต่คนระดับนี้ก็ล้วนแล้วแต่เป็นระดับกลางขึ้นไป สวัสดิการของพวกเขานั้นค่อนข้างทั่วถึง และมีแค่บางคนเท่านั้นที่จะได้หินวิญญาณจากการต่อสู้แบบเถื่อนนี้ไป
แต่ก่อนที่จะประหลาดใจไปมากกว่านี้ อีกเสียงหนึ่งที่ดังขึ้นมาก็ยิ่งทำให้หญิงสาวตกใจยิ่งกว่าเดิม
“ระดับ S ครับ” ปาเต๋าเอ่ย
“ระดับ S งั้นหรอ” หญิงสาวยิ่งตะลึงขึ้นไปอีก เพราะไม่ว่าคนระดับ S จะมีพลังแบบไหน แต่พวกเขาล้วนแล้วแต่เป็นสมาชิกระดับสูงที่ทรงพลังและน่าเคารพ ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่แล้วที่เธอได้เห็นคนระดับ S มาลงแข่งด้วย
ในตอนนั้นเอง ถึงจะตกใจที่ได้ยินว่าปาเต๋าอยู่ในระดับไหน แต่เธอก็ไม่ใช่คนที่อ่อนต่อโลก จึงสงบใจได้เร็วขึ้น
แล้วเธอก็หันมามองพวกเขาเหมือนเป็นมนุษย์คนหนึ่งอีกครั้ง “การดำเนินการระดับ A ใช้หินวิญญาณระดับต่ำ 3000 ชิ้น ส่วนระดับ S ค่าดำเนินการจะเป็นหินวิญญาณระดับต่ำจำนวน 5000 ชิ้นค่ะ”
เมื่อหลิน เฟิงได้ยินแบบนั้น เขาก็ถึงกับประหลาดใจ ก่อนจะเอ่ยขึ้น “แพงหูฉี่ไปเลยแฮะ”
0 ความคิดเห็น