RC:บทที่ 371 ปลิดชีพตนเอง

นิยายลงทุกวัน เวลา 6.00 น. ส่วนเรื่องไหน จำนวนกี่ตอนนั้น สามารถดูได้ ที่นี่

RC:บทที่ 371 ปลิดชีพตนเอง


“อ๊าก”


ทันทีที่ร้องคำรามไปทั่วผืนฟ้า นินจาระดับ S ก็พุ่งเข้ามาหาหลิน เฟิง ก่อนจะแกว่งมีดคมปลาบนั่นไปมาไม่หยุด แสงจากมีดเล่มดังกล่าวสะท้อนไปมาอย่างต่อเนื่อง ก่อนจะฟันลงที่ร่างของเขา


เมื่อหลิน เฟิงเห็นดังนั้น เขาก็ตะโกนเสียงดังลั่น พร้อมกับลูกบอลไฟสองลูกก็ได้ปรากฏขึ้นในมือทั้งสองข้างของเขา และปรากฏบริเวณอกของเขาอีกด้วย


ทันทีที่ลูกบอลไฟทั้งสามลูกปรากฏขึ้น อุณหภูมิโดยรอบก็พุ่งสูงขึ้นทันทีราวกับอยู่ท่ามกลางแมกม่าที่กำลังเผาไหม้


“ลุยล่ะนะ” 


หลิน เฟิงตะโกนลั่น ก่อนที่ลูกบอลไฟทั้งสามลูกจะลอยออกมารวมกันเป็นก้อนใหญ่จนน่ากลัวจับใจ


ในขณะที่ลูกบอลไฟขนาดใหญ่ทั้งสามกำลังจะเข้าไปใกล้นินจาระดับ S พวกนั้น ลูกไฟเหล่านั้นก็ได้ปะทะเข้ากับแสงที่สะท้อนจากคมมีด แล้วทันใดนั้นเองลูกไฟทั้งสามก็เข้ามาจับกลุ่มกัน


ลูกบอลไฟดังกล่าวมีขนาดใหญ่ขึ้น พื้นที่รอบวงหนึ่งเมตรได้ เปลวไฟลุกโชนแผดเผาไปทั่วผืนดิน ไม่ว่าผ่านไปตรงไหน ตรงนั้นก็ถูกไหม้ไม่เหลือดี


บูม!!!


เสียงดังสนั่นหวั่นไหวจนพื้นดินเริ่มสั่นสะเทือน มีเพียงคลื่นพลังงานอันน่ากลัว


คลื่นพลังงานแสงนี้แผ่กระจายไปทั่วบริเวณ ทั้งหญ้าและต้นไม้ต่างสลายกลายเป็นผุยผง ทั้งหลิน เฟิงรวมถึงผู้ใช้พลังที่แข็งแกร่งระดับ S ต่างก็อึ้งไปกับคลื่นพลังงานแสงที่ทรงพลังอันนี้ไปเป็นเวลานานเลยทีเดียว


แต่ทว่าในตอนนี้ หลังจากที่หลิน เฟิงกลายร่างเป็นสัตว์ป่าแล้วนั้น ค่าความสามารถที่รับได้ก็เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล ซึ่งตรงข้ามกับนินจาชาวญี่ปุ่นคนนั้น ที่ร่างกายของเขาในตอนนี้ถูกแรงระเบิดจากพลังงานแสงกลืนกินเข้าไป ก่อนจะร้องลั่น


สัตว์วิญญาณทั้ง3ตัวและมังกรแสงที่กำลังสู้อยู่ในที่นั้นต่างก็ได้รับผลกระทบเพียงเล็กน้อย ไม่ได้รับบาดเจ็บหนักหรือบางส่วนก็ไม่ได้รับบาดเจ็บเลยด้วย


แต่ทว่า นินจาญี่ปุ่นระดับ S นั้นสะบักสะบอมไปหมด แถมสภาพก็ดูแย่เอามากๆ บอบช้ำไปทั้งตัว


ทั่วร่างของเขาในตอนนี้ กำลังมีไฟสีดำที่น่ากลัวลามเลียไปทั่ว ราวกับข้อเท้าซ้ำยังไม่สามารถดับได้ กำลังแผดเผาร่างของเขา พร้อมกับดิ้นพล่านไปมาบนพื้น


เมื่อหลิน เฟิงเห็นแบบนั้นเข้า เขาก็พุ่งไปจับตัวนินจาคนนั้นเอาไว้


พละกำลังของนินจาระดับ S คนดังกล่าวแข็งแรงมาก หมอนี่คงจะเป็นผู้นำกลุ่มนินจากลุ่มนี้หรือหรือกลุ่มอื่นๆ


และยังรู้อะไรมาเยอะอีกด้วย


แต่อย่างไรก็ตาม นินจาคนนั้น เมื่อเห็นหลิน เฟิงวิ่งเข้ามาอย่างเร็ว ก่อนที่จะมองเห็นว่านินจาทั้งสี่คนกำลังต่อสู้กันที่อีกฝั่งนั้น ร่างของพวกนั้นต่างล้มลงกับพื้นแล้วในเวลานี้ และอีกสองคนก็ไม่หายใจแล้วด้วย


เมื่อเห็นแบบนี้ก็ทำให้เขารู้สึกหมดหวังโดยสิ้นเชิง ก่อนที่ใบหน้าจะเปลี่ยนไปในเวลาต่อมา กลายเป็นใบหน้าที่เด็ดเดี่ยว


ในขณะที่หลิน เฟิงกำลังจะไปถึงเพื่อจับตัวนินจาคนนั้นนั่นเอง นินจาญี่ปุ่นระดับ S ก็ไม่ได้นึกสนใจเปลวไฟนรกสีดำบนร่างของตนอีกแล้ว ก่อนจะหยิบมีดเล่มยาวขึ้นมา แล้วแทงเข้าที่ท้องของตน


“จักรพรรดิจงเจริญ” เขาตะโกนลั่น


แต่ละคนเผยรอยยิ้มแห่งอิสรภาพ เลือดค่อยๆไหลรินจากปากจนเสื้อเปียก


ในขณะเดียวกันนั้นเอง นินจาระดับ A สองคนที่นอนอยู่นั้นก็ได้ตะโกนขึ้นมาในทันที “จักรพรรดิจงเจริญ”


ก่อนที่จะหยิบมีดเล่มยาวขึ้นมาแล้วแทงเข้าที่หน้าท้องของพวกตน เพื่อทำการฆ่าตัวตายด้วยความกล้าหาญ


เมื่อเห็นแบบนั้น หลิน เฟิงก็ไม่สามารถทนใจเย็นอยู่ได้เป็นเวลานาน คนพวกนี้ช่างมีจิตใจแนวแน่จริงๆ แม้จะทำงานล้มเหลว แต่พวกเขากลับเลือกที่จะจบชีวิตตัวเองด้วยความตาย ราวกับว่าชีวิตไม่ใช่ของพวกตน


ในที่สุด หลิน เฟิงก็ได้แต่ถอนหายใจ ก่อนจะเก็บกวาดข้าวของหลายอย่างของพวกนินจาพวกนั้น แล้วเอาของพวกนั้นมาได้อีกมากมาย รวมถึงอุปกรณ์ลึกลับอีกหลายอย่างด้วย


หลิน เฟิงเก็บของพวกนั้นเข้าแหวนโดยไม่ได้พูดอะไรออกมา


ในนั้นมีแต่ของดีๆทั้งนั้นเลย พลังวิญญาณของอุปกรณ์ชิ้นหนึ่งนั้นเทียบเท่ากับหินวิญญาณระดับสูงเลย แม้ว่าหลิน เฟิงจะไม่รู้วิธีใช้ แต่เดี๋ยวเขาจะนำมันไปให้เจ้าลิงวิจัย บางทีอาจจะเป็นของขึ้นชื่อที่นำมาซึ่งพลังที่ตามมาอันยิ่งใหญ่ก็ได้


หลังจากเก็บกวาดเสร็จเรียบร้อยแล้วนั้น หลิน เฟิงก็ได้หยิบมีดยาวจากในมือของคนพวกนั้นมา และยังเห็นด้วยว่ามีดยาวนั้นไม่ธรรมดาเลย ทั้งเฉียบคมและยังสามารถใช้ฉีดพลังวิญญาณได้ด้วย และยังต่างจากเครื่องมือวิญญาณทั่วไปอย่างเห็นได้ชัด


หลิน เฟิงไม่ได้ใส่ใจ เขาหยิบเอาบางอย่างขึ้นมาก่อนจะนำเข้าไปใส่ในแหวนอวกาศ


หลังจากนั้นเพียงครู่เดียว  หลังจากที่หลิน เฟิงทำความสะอาดสนามรบเรียบร้อยแล้วนั้น เขาจึงมาหาลู่ หยูและลั่ว เจียง


ในตอนนี้ พวกเขาต่างได้รับบาดเจ็บ เลือดไหลและไม่มีเรี่ยวแรงแม้แต่จะยืนเลยสักนิด ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขาสองคนสู้กับศัตรูสี่คน แล้วยังรอดมาได้ถือว่าปฏิหารย์แล้ว


ไม่นาน หลิน เฟิงก็เดินมาตรวจคนที่ได้รับบาดเจ็บสองคนในนั้น ก่อนที่จะใช้ยารักษาพวกเขาบางส่วน และหลังจากนั้น เขาก็ได้ขอสุนัขนรกเสี่ยว เฮยพาทั้งสามคนไปที่สมาคม


ครึ่งชั่วโมงต่อมา พวกเขาก็ได้ไปที่สมาคมป้องกันประเทศ ซึ่งมีคนมากมายอยู่ที่นั่น เมื่อพวกนั้นเห็นหลิน เฟิงที่แบกร่างของคนพวกนั้นมา พวกเขาก็ถึงกับอึ้งไปก่อนจะถามขึ้น


หลิน เฟิงมองสถานที่ตรงหน้า ภายนอกดูเหมือนโรงแรม แต่ข้างในกลับต่างกันโดยสิ้นเชิง ทุกคนล้วนเป็นผู้มีพลัง ที่อ่อนสุดคือพลังระดับ B ส่วนที่แกร่งสุดคือระดับ S ที่มีอยู่หลายคน


ในขณะที่คนกลุ่มนั้นเดินตรงเข้ามาช่วยพวกเขา หลิน เฟิงก็สัมผัสได้ถึงบรรยากาศของสมาคมป้องกันประเทศที่ดีเอามากๆ อย่างน้อย หลิน เฟิงก็ได้เปลี่ยนมุมมองต่อสมาคมดังกล่าวไปเยอะเลย


เพราะพวกนินจาญี่ปุ่นก่อนหน้านี้ หลิน เฟิงก็รู้สึกไม่พอใจกับสมาคมป้องกันระดับชาตินี้เลย และยังมีความเข้าใจผิดต่างๆอีก แต่ตอนนี้ทุกอย่างได้รับการแก้ไขหมดแล้ว


เมื่อพวกเขาพาลู่ หยูและลั่ว เจียงมารักษานั้น คนๆหนึ่งก็เดินมาหาหลิน เฟิง เธอเป็นผู้หญิงที่สวย ผมยาวและใส่แว่นสีทองกรอบโต


เธอเดินเข้ามาทักทายสวัสดีกับหลิน เฟิงก่อนจะกล่าวขึ้น “สวัสดีค่ะ  ดิฉันเป็นผู้จัดการในส่วนของสมาคมป้องกันราชอาณาจักร ชื่อว่าจิ่ว หยา แล้วคุณชื่ออะไรหรือคะ” 


หลิน เฟิงจ้องไปยังหญิงสาวที่มีผมดำขลับ สวมแว่นตากรอบทอง เธอจัดว่าเป็นคนสวยทีเดียว มีทรวดทรงองค์เอวทั้งด้านหน้าด้านหลัง และสูงเกินศีรษะของหลินเฟิงไปครึ่งหนึ่งอีกด้วย ในขณะที่หลิน เฟิงมองเธออยู่นั้น เธอก็เงยหน้าขึ้นมาเล็กน้อย เขาก็ได้แต่ถอนใจ ว่าเธอเองก็ไม่เลว ทั้งหน้าตา รูปร่างน่ามอง


หญิงสาวคนดังกล่าวจ้องไปที่หลิน เฟิง ก่อนจะกระแอมไอออกมาเล็กน้อย หลิน เฟิงถึงจะได้สติก่อนจะกล่าวว่า "อ้อ ผมชื่อหลิน เฟิงครับ"


“สวัสดีค่ะ คุณหลิน เฟิง ยินดีที่ได้พบนะคะ ขอบคุณจริงๆที่พาสมาชิกสองคนนี้กลับมา คุณช่วยเล่าเรื่องนี้ให้เราฟังอีกหน่อยได้ไหมคะ” จิ้วหยาถาม


"คือเรื่องนี้...." หลิน เฟิงด้วยคำพูดง่ายๆไม่กี่คำ พร้อมกับเล่ารายละเอียดของเรื่องที่เกิดในตอนนั้น แม้ที่เล่าจะเป็นเรื่องสั้นๆ แต่ทุกคำพูดล้วนกลั่นกรองมาอย่างดีแล้ว เมื่อหญิงสาวได้ยินแบบนั้นก็ถึงกับอึ้งไป ก่อนจะว่าขึ้น "มันเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ยังไงกัน นินจาญี่ปุ่นพวกนั้นปลอมตัวเข้ามาเป็นสมาชิกของทางสมาคมเรางั้นหรือนี่"


หลิน เฟิงมองร่างหญิงสาวตรงหน้า ก่อนจะพูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นตั้งแต่ต้นจนจบ


จิ้วหยายิ่งประหลาดใจขึ้นไปอีกเมื่อเธอได้ยินมาถึงตรงนี้ แต่สิ่งที่คาดไม่ถึงก็คือ พวกหลินเฟิงทั้งสามคนได้ลงมือสังหารนินจาญี่ปุ่นทั้งหกคนนั่นเองด้วย เรื่องนี้ทำเอาเธอตกใจสุดๆไปเลย


เพราะเธอรู้ว่าการเข้าไปยุ่งกับพวกนั้นจะกลายเป็นเรื่องยุ่งยากได้มากแค่ไหน แถมยังหาตัวจับยากเพราะพวกนั้นมักจะไม่ทิ้งร่องรอยใดๆอีกด้วย


แต่นี่พวกหลินเฟิงที่มีเพียงสามคนกลับลงมือฆ่านินจาหกคนนั่นลงได้เสียนี่


 


แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น