RC:บทที่ 346 สิ่งล่อใจในปราสาท

นิยายลงทุกวัน เวลา 6.00 น. ส่วนเรื่องไหน จำนวนกี่ตอนนั้น สามารถดูได้ ที่นี่

RC:บทที่ 346 สิ่งล่อใจในปราสาท


ขณะที่ลวดลายทั้งสี่ปรากฏขึ้น ผนึกพยัคฆ์ขาวบนมือของหลินเฟิงก็สั่นไหวอย่างรุนแรงราวกับมันอยากจะบินหนีไป


ในเวลาเดียวกันนั้น อีกสามทิศที่เหลือ ผนึกมังกรเขียวในมือของหลงจี้เทียนในตระกูลหลงแห่งทิศตะวันออกก็สั่นอย่างรุนแรงเช่นกัน และผนึกสีดำในมือของชายชุดดำผู้สวมหน้ากากที่อยู่ทางทิศเหนือก็สั่นไหวอย่างน่ากลัวเช่นกัน


นอกจากนี้ ที่กลางอากาศ ผนึกในอุ้งมือของหญิงคนหนึ่งดูเมือนกำลังถูกอัญเชิญ ตัวของเธอสั่นไหวอย่างแรงจนแทบอยากจะตัดมือตัวเองทิ้ง


ขณะนั้นที่เหนือท้องฟ้าสูงขึ้นไป 100 เมตร ร่างๆหนึ่งและเงาเสมือนทั้งสี่ก็ปรากฏขึ้นทีละร่าง เห็นได้ว่าชายคนนั้นมีดาบสีทองขนาดใหญ่อยู่ในมือ


อย่างไรก็ตาม เพราะร่างนั้นสูงมากเกินไปและมันก็เอ่อล้นไปด้วยแสงสีทอง ผู้คนด้านล่างจึงไม่ทันสังเกตเห็นว่ายังมีคนอยู่ที่นั่นด้วย


ที่ทิศตะวันออกเฉียงใต้, ตะวันตกเฉียงเหนือและอีกสี่ทิศของคนดังกล่าวมีสัตว์วิญญาณคอยปกป้องอยู่ หนึ่งคนกับอีกสี่สัตว์วิญญาณอยู่อย่างเงียบเชียบในลำแสงที่สูงตระหง่านฉายแสงออกมาอย่างสว่างไสว


ทันใดนั้น ร่างนั้นก็ลอยไปในท้องฟ้าอย่างเงียบเชียบแล้วทำท่านั่ง ปิดตาเล็กน้อยและกอดดาบสีทองขนาดใหญ่เอาไว้ เงาเสมือนทั้งสี่อยู่รอบร่างที่กำลังลอยอยู่นั้นอย่างเงียบๆ


ในทิศตะวันออก มีเงาสีเขียวราวกับงูตัวหนึ่งที่มีเกล็ด, เขาคู่หนึ่งและมีสี่เท้า มันคือมังกรเขียวแห่งทิศตะวันออก


ในทิศตะวันตก มีร่างสีดำขาวและมีปีกอยู่บนหลัง มันขาวเป็นอย่างมาก ทั่วทั้งร่างเป็นสีขาวเกือบทั้งหมด และมีริ้วสีดำพาดผ่านตลอดทั้งตัวและขาทั้งสี่ มันคือพยัคฆ์ขาวแห่งทิศตะวันตก!


ในทิศเหนือ ร่างสีดำที่ดูเหมือนเต่าแต่มีงูยาวตัวหนึ่งพันอยู่รอบๆ พลังของมันช่างเข้มข้น นี่ก็คือเต่าทมิฬแห่งทิศเหนือ


ทางทิศใต้ มีร่างสีชาดราวกับนกตัวหนึ่งที่กำลังมีเปลวเพลิงลุกไหม้ไปทั่วทั้งตัวจนส่งความร้อนออกมา นี่คือหงส์เพลิงแห่งทิศใต้


ทันใดนั้น ร่างบนท้องฟ้าก็เบิกตาขึ้น แรงพลังของเขาแผ่ไปเป็นวงกว้าง เขาเอ่ยขึ้นมา : "มันมาอยู่ที่นี่ทั้งหมดแล้ว เริ่มได้!"


ขณะที่เสียงพูดจบไป เงาเสมือนขนาดใหญ่ทั้งสี่ที่อยู่รอบตัวเขาก็กู่ร้อง ภายใต้ลำแสงสีฟ้าผู้คนต่างพากันตกใจ พวกเขาได้ยินเสียงของนก, มังกร, เสือ และเต่า


ในเวลาเดียวกันนั้น โลกก็สั่นไหวขึ้นอีกครั้ง หลินเฟิงและคนอื่นๆที่มีผนึกสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ทั้งสี่ลอยตรงไปยังประตูโครงกระดูกทั้งสี่ด้านอย่างไม่สามารถควบคุมได้


การเปลี่ยนแปลงอย่างกระทันหันนั้นทำให้คนทั้งสี่หน้าซีด ยังไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าพวกเขาเข้ามาในประตูตั้งแต่เมื่อไหร่ พวกเขาพบว่ามันมีช่องอยู่ช่องหนึ่งบนประตูซึ่งมีขนาดเดียวกันกับวัตถุในมือของพวกเขา


และวัตถุในมือพวกเขาก็ดูเหมือนจะถูกดึงดูดโดยพลังที่แข็งแกร่งให้ตรงเข้าไปในช่องนั้น ครู่ถัดมาประตูทั้งสี่ก็เปล่งแสงสีขาวออกมาอย่างรุนแรง ห่อหุ้มร่างของคนทั้งสี่และจากนั้นก็หายไป


เหตุการณ์นี้ต่างก็ทำให้ผู้คนทั้งหมดที่เห็นหวาดกลัวแต่ในวินาทีถัดมา ประตูโครงกระดูกขนาดใหญ่ก็เปิดออก มันทั้งมืดหม่นและน่ากลัว


"เจ้าบ้า!" ตู๋กังประหลาดใจแต่ยังไม่ทันได้ทำอะไร หลินเฟิงก็หายตัวไปตรงหน้าประตูแล้ว


ในตอนนั้น อีกสามกลุ่มก็พบว่าคนที่ถือผนึกสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ทั้งสี่ได้หายตัวไปอย่างว่องไว ดังนั้นเมื่อพวกเขาเห็นประตูโครงกระดูกได้เปิดออก พวกเขาจึงมองเข้าไปด้านใน


แต่ก็ไม่รู้ว่าทำไมจึงรู้สึกหวาดกลัวที่ได้เห็นว่าหลังประตูโครงกระดูกนั้นเต็มไปด้วยทองคำ, เงิน, เพชรพลอย, หินวิญญาณ หรือแม้กระทั่งยาเม็ดกลมๆ


ภาพนี้ทำให้คนหลายร้อยที่เห็นตกตะลึง จากนั้นพวกเขาก็ถูกบรรดาสิ่งของตรงหน้าล่อลวงอย่างหนัก ชั่วครู่ทั่วทั้งสถานที่ต่างก็เงียบงั้นและน่าหวาดกลัว


สายตาของแต่ละคนเปล่งปลายด้วยทองคำและบางคนก็เริ่มตัวสั่น แม้ในนั้นจะมีบรรยากาศที่ทั้งมืดหม่นและน่ากลัว สายตาของพวกเขาในตอนนี้กลับไร้ซึ่งความกลัวใดๆเลย พวกเขาถูกเติมเต็มไปด้วยข้าวของหลายหมื่นอย่าง อย่างเช่นทรัพย์สมบัติ, สิ่งประดิษฐ์, หินและอื่นๆอีกมากมาย


"อ้า สมบัติมากมาย!" ทันใดนั้นก็ไม่รู้ว่าเป็นใครที่ตะโกนออกมา และจากนั้นฝูงชนก็พุ่งเข้าในประตูโครงกระดูกทั้งสี่


เมื่อคนหนึ่งเริ่มวิ่งตามอีกคน ไม่นานคนทั้งหมดตรงนี้ก็วิ่งตามกันไป เมื่อคนอื่นๆ เห็นเป็นอย่างนี้ พวกเขาก็เลยรีบวิ่งตามไปอีก


ก็ไม่รู้ว่าทำไมในตอนนั้น จิตใจของพวกเขาถึงแสดงความโลภออกมาเป็นอย่างมากจนอยากจะเอาทุกอย่างด้านในมาเป็นของตัวเอง


ทันใดนั้น คนนับร้อยต่างก็เกิดบ้าคลั่งขึ้นมาทันที มีเพียงผู้ที่มีตบะแข็งแกร่งและจิตใจมั่นคงเท่านั้นที่ไม่ได้มีอาการแบบนั้น


แต่ก็ยังมีคนที่ตบะแข็งแกร่งและจิตใจมั่นคงอีกไม่กี่คน แม้แต่คนอย่างตู๋กังและปาเต๋าที่ถูกล่อลวงเป็นอย่างมาก และพวกเขาก็พยายามเป็นอย่างมากในการตัดอารมณ์สุดท้ายนี้ไป


ทั้งสองก้าวไปที่ประตูโครงกระดูกทีละก้าวแต่ก็เดินไปอย่างช้าๆ ราวกับดิ้นรนเพื่อฝืนมันอยู่


ทันใดนั้น!!!


ตอนนั้น เขาได้มองไปที่ประตูและทันใดนั้นก็เห็นพระพุทธรูปนิกายเซนสีทองตั้งอยู่บนพื้นตรงหน้าเขา


"อา! มิต! ตา! พุทธ! สรรพสิ่งทั้งหลายจะถูกพิชิต, และวิญญาณชั่วร้ายทั้งหมดจะกระจายหายไป! "


เสียงอันนุ่มนวลแห่งเซนและรูปพระพุทธเจ้าทองคำที่ปรากฏขึ้นรอบสาวกของพุทธศาสนาราวกับแสงสว่างในความมืด ได้ลอยเข้ามาใส่ตู๋กังและปาเต๋าอย่างรวดเร็วและทำให้พวกเข้าทั้งคู่กลับมามีสติได้ในทันที


เมื่อพวกเขารู้สึกตัวก็ตกตะลึง เมื่อกี้พวกเขาถูกภาพตรงหน้าทำให้ติดใจจนสูญเสียสติและจิตใจ ช่างน่ากลัวซะจริง ๆ


ตอนนี้คนส่วนใหญ่ต่างก็วิ่งเข้าไปในประตูโครงกระดูกแล้ว พวกเขาคว้าหยิบทองคำ, เงิน, เพชรนิลจินดา, เครื่องมือวิญญาณ, หินวิญญาณ และสิ่งของอื่น ๆ


คนกลุ่มหนึ่งเลยไร้ซึ่งความสงสัยใด ๆ แล้วก็ตามเข้าไปและพยายามเสาะหา ไร้กังวลพาตู๋กังและปาเต๋าเข้าไปข้างใน


ในเวลาสั้นๆ ทุกคนที่เข้าไปในประตูโครงกระดูกทั้งสี่ ต่างก็ถูกผนังที่สร้างจากโครงกระดูกที่น่ากลัวเป็นอย่างมากล้อมรอบ


แต่ผู้คนที่จิตใจไม่แข็งแกร่งและตบะอ่อนแอก็เป็นเหมือนราวกับคนตาบอดมองไม่เห็นโครงกระดูกพวกนั้น และเห็นแค่เพียงเพชรนิลจินดาและหินวิญญาในสายตาของพวกเขา


ทันใดนั้น ทองคำ, เครื่องเงินและเพชรพลอยก็สั่นไหว จากนั้นก็มีกระดูกมือสีขาวโผล่ออกมาจากเพชรพลอยพวกนั้นและคว้าจับหนึ่งในนั้นเอาไว้


จากนั้นก็มีหัว, ตัว ออกมาจากเพชรพลอยทีละนิดๆ ดวงตาทั้งสองข้างเปล่งแสงสีเขียวออกมาอย่างสม่ำเสมอและมีรอยยิ้มที่ดุร้ายที่จะลากคนพวกนั้นลงมา


"พระเจ้า นี่ นี่อะไรน่ะ?" ขณะที่พวกเขากำลังจะหนี ทันใดนั้นก็มีมือกระดูกออกมาจากอุ้งมือและลากคนพวกนั้นลงไปใต้พื้นโลก


คนหลายสิบถูกลากลงไปลึกใต้ดินในคราวเดียว ไม่ทันที่จะได้กรีดร้องออกมา พวกเขาก็หายไปซะแล้ว


ครู่ถัดมา ที่พื้นดินก็มีเลือดไหลออกมาอย่างช้าๆ จนย้อมเหล่าเครื่องประดับเงินและทองคำ, หินวิญญาณ และสิ่งของอื่นๆ 


เมื่อผู้คนรู้ตัว คนจำนวนมากก็รีบวิ่งตรงไปที่ทางออกอย่างหวาดกลัว และทันใดนั้นประตูโครงกระดูกขนาดใหญ่ก็ปิดลง


จากนั้นเสียงหัวเราะที่ดุร้ายก็ดังกึกก้องอยู่ในนั้น


แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น