RC:บทที่ 283 เสียงเพรียกของมังกรและเกล็ด

นิยายลงทุกวัน เวลา 6.00 น. ส่วนเรื่องไหน จำนวนกี่ตอนนั้น สามารถดูได้ ที่นี่

RC:บทที่ 283 เสียงเพรียกของมังกรและเกล็ด


 


เสียงคำรามของมังกรที่ยิ่งใหญ่และเป็นตำนานนี้ราวกับว่ามันข้ามผ่านห้วงกาลเวลามาและโผล่ ณ ตอนนี้เลย แม้เวลาจะผ่านมาเนิ่นนานเท่าไหร่ แต่มันก็ยังคงสั่นคลอนหัวใจทุกๆคนตราบจนทุกวันนี้ 


 


“นี่คือเกล็ดของราชาทมิฬงั้นเหรอ? ขนาดแค่เกล็ดชิ้นเดียว ยังทรงพลังได้ขนาดนี้!” ชายผู้อยู่ด้านล่างเวทีมองไปยังเกล็ดขนาดใหญ่ด้านบนที่ซึ่งเปล่งแสงสีดำออกมาเรื่อยๆ 


 


“ราชาทมิฬนั้นถูกยกให้เป็น 1 ใน 10 ราชาแห่งสัตว์วิญญาณเลยนะ แม้จะเป็นแค่เกล็ดเพียงชิ้นเดียว มันก็ยังคงปล่อยพลังที่น่ากลัวออกมาได้อยู่ดีนั่นแหละ!”


 


ในตอนที่ผ้าแดงถูกยกออก คนอื่นๆที่อยู่ใกล้เวทีนั้นต่างก็สั่นกันขึ้นมาทันที โดยเฉพาะเมื่อได้ยินเสียงคำราม พวกเขาราวกับกำลังยืนอยู่หน้ามังกรโบราณเลย 


 


และยิ่งตอนที่เกล็ดสีดำนั้นเปล่งแสงสีดำเช่นเดียวกับสีของมันออกมาอย่างรวดเร็ว นั่นยิ่งทำให้ทุกๆคนกลัวมันเข้าไปอีก ความไม่แน่นอนของมันนั้นทำให้ทุกคนรู้สึกว่า เกล็ดสีดำนี้ไม่ใช่สิ่งที่ตายไปแล้ว มันเหมือนกับว่าตัวมันเองยังคงมีชีวิตอยู่มากกว่า


 


กรรรร!


 


ในตอนนั้น จู่ๆมังกรดำที่อยู่ในมิติของหลินเฟิงก็เกิดคลั่งขึ้นมาอีกครั้ง นัยน์ตาของมันเปลี่ยนเป็นสีแดงชาด และแสงสีแดงที่เปล่งออกมานั้นก็เหมือนจะกลืนกินทุกอย่างที่มันได้เห็นเลย


 


มังกรดำนั้นดิ้นรนอย่างรุนแรงและโจมตีมั่วซั่วอยู่ภายในมิติสัตว์วิญญาณนั้น หลินเฟิงเองก็ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจนเลือดออกปากเหมือนกัน เขานั่งคุกเข่าลงไปบนพื้นทันที


 


“เสี่ยวเฟิง! เป็นอะไรไปน่ะ เสี่ยวเฟิง!” หวังฮ่าวหมิงและเติ้งเทียนฟูเห็นดังนั้นพวกเขาก็รีบเข้ามาด้วยความเอะอะเลย


 


“หลินเฟิง! หลินเฟิง!” ในขณะเดียวกันนั้นเองมู่หรงหลานก็รีบเข้ามาพร้อมกับพูดเอ่ยเข้าไปในมิติที่อยู่ด้านหลังเธอด้วย “คุณย่า ช่วยเขาด้วยเถอะค่ะ!”


 


ในทันทีที่เสียงของมู่หรงหลานเงียบลง มิติของเธอก็สั่นคลอนและร่างของหญิงชราก็ปรากฏขึ้นจากในอากาศ ชั่วพริบตาเดียว เธอก็มายืนอยู่ตรงหน้าหลินเฟิงแล้วพร้อกับยื่นมือไปแตะเหนือคิ้วเขาเบาๆ 


 


มิติแห่งการต่อสู้:


 


“หยุดเจ้านี่ซะ! อย่าให้เขาหลุดออกไปได้!” สติของหลินเฟิงนั้นจมดิ่งอยู่ภายในมิติแห่งการต่อสู้นี้ ที่ซึ่งมีมังกรแห่งแสง สุนัขนรก และต้นไม้ปีศาจอยู่ภายในนี้ด้วย 


 


บอลแสงจากมังกรแสงถูกพ่นออกมาและเข้าโจมตีมังกรดำในทันที พร้อมๆกับเสี่ยวเฮ่ยเองก็โจมตีเข้าไปแบบไร้ปราณีด้วย ลูกบอลไฟสีดำถูกสร้างขึ้นและปล่อยเข้าใจตีมังกรดำต่อแบบไม่หยุดยั้ง 


 


สิ่งที่สำคัญที่สุดนั้นเห็นจะเป็นว่าหลินเฟิงและต้นไม้ปีศาจนั้นพยายามที่จะกดเจ้ามังกรดำลงอีกครั้ง เนื่องจากในฐานะเจ้านาย คำสั่งของหลินเฟิงนั้นมีกำลังในการกดมังกรดำลงมากที่สุด แต่สำหรับมังกรดำในตอนนี้ที่ซึ่งขาดสติไปแล้วนั้น แม้แต่เจ้าตัวเองยังคุมตัวเองไม่ได้เลย 


 


ในกรณีนี้ ต้นไม้ปีศาจที่มีกำลังสูงสุดรองจากหลินเฟิงก็ได้ใช้แส้ทองคำที่ซึ่งมีหนามแหลมยืดออกไป ภายในหนามเหล่านั้นมีพิษที่ทำให้ร่างกายค่อยๆหยุดเคลื่อนไหวอยู่ และมันเข้าโจมตีร่างของมังกรดำในทันที 


 


แม้จะให้สัตว์วิญญาณทั้ง 3 ตนรุมโจมตีใส่มังกรดำแล้ว แต่กระนั้นเขาก็ยังคงไม่สามารถควบคุมตัวเองได้อยู่พักใหญ่ๆ ตัวมังกรดำนั้นหมดหวังที่จะบินออกไปจากมิติสัตว์วิญญาณนี้แล้ว และเขาทำได้เพียงมองเกล็ดสีดำอย่างเดียวเท่านั้น 


 


ในการที่จะสยบมังกรดำนั้น ทั้งมังกรแสงและเสี่ยวเฮ่ยต่างก็ทุ่มกันสุดตัว ตัวหลินเฟิงเองก็ได้รับลูกหลงไปด้วย แม้แต่ต้นไม้ปีศาจที่แข็งแกร่งที่สุดในตอนนี้ยังอยู่ในสภาพที่มีแสดยืดไปยืดมาระโยงระยางเต็มไปหมด


 


กรร!!


 


ในท้ายสุด พวกเขาเองก็หยุดมังกรดำไว้ไม่ได้ แรงฮึดสุดท้ายทำให้มันหลุดออกจากการรัดกุมและพุ่งออกไปหมายจะหลุดออกจากมิติแห่งการต่อสู้ของหลินเฟิง แต่ทันใดนั้น หลินเฟิงก็รู้สึกเย็นที่เหนือคิ้ว และจู่ๆก็ปรากฏเป็นมือของคนชราขนาดใหญ่ โผล่ขึ้นมาภายในมิติแห่งนี้ซึ่งตัวมือนั้นถูกสร้างขึ้นด้วยพลังเวทย์มนต์ มือขนาดใหญ่นั้นจับมังกรดำไว้ ซึ่งนั่นทำให้มันไม่สามารถขยับไปไหนได้ 


 


“มือนี่สามารถเข้ามาในมิติแห่งการต่อสู้ของคนอื่นได้ด้วยงั้นเหรอ!?” หลินเฟิงช็อกไปเลย


 


มังกรดำที่โดนจับตัวไว้นั้นโกรธมากๆ แต่เพราะร่างกายของเองก็เริ่มที่จะไร้เรี่ยวแรงแล้วเพราะพิษที่มาจากแส้ของต้นไม้ปีศาจ ถึงแม้ว่าดวงตาจะยังคงแดงก่ำ แต่ตัวเขาเองก็ไม่สามารถทำอะไรได้อีกแล้ว 


 


ไม่มีใครรับรู้ได้ว่าเมื่อครั้นตอนมังกรดำคำราม เกล็ดสีดำที่อยู่บนเวทีมันก็สั่นขึ้นมาเหมือนตอบรับด้วย มันมีคลื่นการสั่นแบบเดียวกับมังกรดำ ราวกับมันตอบสนองซึ่งกันและกัน 


 


เกล็ดสีดำนี่ยังคงเปล่งแสงสีดำออกมาเรื่อยๆพร้อมๆกับเสียงร้องของมังกร ซึ่งนี่มันทำให้เหล่าแขกในงานอยู่ไม่เป็นสุขกันเสียเท่าไหร่ เพราะใจหนึ่งเขาก็กลัวว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น 


 


ทันใดนั้น จู่ๆเกล็ดสีดำก็ลอยขึ้นมาและพุ่งตรงเข้าไปหาหลินเฟิงในทันที ทุกๆคนที่เห็นต่างพากันงุนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้น รวมไปถึงมู่หรงหลานที่อยู่กับหลินเฟิงและหญิงชราภายในห้องส่วนตัวนั้นด้วย 


 


“หือ ใช่แน่ๆ!” แต่ในทันทีที่เกล็ดสีดำพุ่งออกมา มันก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้น 


 


จากนั้นร่างๆหนึ่งก็ค่อยๆปรากฏขึ้นข้างๆเกล็ดนั้น ร่างที่สวมผ้าคลุมสีขาวและขมวดคิ้วนั้นเกิดความงงงวยมากๆกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น 


 


แต่อย่างไรก็ตาม หลังจากที่มังกรดำสงบลงแล้ว เกล็ดสีดำนั้นก็ไม่ได้ทำปฏิกริยาอะไรขึ้นมาอีกพร้อมกับค่อยๆหยุดปล่อยแสงสีดำออกมาช้าๆ 


 


“เริ่มการประมูลต่อไป!” ชายที่ดูแข็งแกร่งเพ่งมองหลินเฟิงอยู่ครู่หนึ่ง หลังจากที่หาคำตอบอะไรไม่ได้ เขาก็ประกาศให้เริ่มการประมูลต่อไป 


 


เมื่อมังกรดำสงบลงแล้ว และหลินเฟิงเองก็มีอาการดีขึ้นแล้วเช่นกัน หญิงชราก็ค่อยๆเก็บมือกลับไปและหายตัวไปต่อหน้าต่อตาทุกคนเลย 


 


“ยายเฒ่าเมื่อครู่ทำอะไรลงไปน่ะ?” หวังฮ่าวหมิงและเติ้งเทียนฟูมองหญิงชราที่จู่ๆก็โผล่ขึ้นมาโดยที่เขาคาดไม่ถึง และพวกเขาก็เอ่ยถามหลังจากที่เธอหายตัวไป


 


“พวกนายไม่ต้องเป็นห่วง คนๆนั้นเป็น 1 ในคนที่แข็งแกร่งประจำตระกูลมู่หรงในตอนนี้น่ะ!” มู่หรงหลานพูดคร่าวๆ เธอนั้นไม่ตั้งใจที่จะลงรายละเอียดนัก 


 


“โอ่!” หวังฮ่าวหมิงและเติ้งเทียนฟูนั้นฉลาดพอ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ถามต่อ 


 


“หลินเฟิงเป็นยังไงบ้างคะ คุณย่า?” มู่หรงหลานเอ่ยถามด้วยความกังวล เธอใช้กระแสจิตพูดคุย ดังนั้นแล้วหวังฮ่าวหมิงและเติ้งเทียนฟูจึงไม่ได้ยิน 


 


“ยังไม่ค่อยดีนัก แต่ก็ไม่ได้หนักหนาอะไรแล้วล่ะ แต่อย่างไรก็ตาม เพื่อนของเธอนั้นคงยังไม่ชินที่จะต้องเผชิญหน้ากับสัตว์วิญญาณหลายๆตัวพร้อมกัน ตัวหนึ่งในนั้นจัดว่าดีมากๆ อีกตัวก็มีศักยภาพที่นับว่าสุดยอด แต่มังกรดำเหมือนจะคุ้มคลั่งอยู่และเจ้านี่แหละที่เป็นต้นเหตุให้เขาอาการทรุดลง!”


 


“แต่ย่าก็หยุดมังกรดำไว้ให้แล้วล่ะ ความเสียหายที่เกิดขึ้นก็ไม่ได้มีอะไรมากด้วย แต่มีบางอย่างที่ย่าสงสัย เกี่ยวกับมังกรดำนั่น ลมหายใจของเจ้ามังกรดำกับราชาทมิฬนั้นมีกลิ่นอายเดียวกัน ไม่ว่าจะมองยังไงเจ้านี่ก็น่าจะเป็นทายาท หรือไม่ก็อาจจะมีความเกี่ยวข้องอะไรกันบางอย่างกับราชาทมิฬอยู่ก็ได้นะ?” หญิงชราที่ลอยอยู่ในอากาศบอกกับมู่หรงหลาน 


 


“ทายาทของราชาทมิฬงั้นเหรอ?” มู่หรงหลานนั้นประหลาดใจสุดๆ เธอไม่เคยคิดเลยว่าราชาทมิฬจะมีลูกด้วย ยิ่งไปกว่านั้น ตัวราชาทมิฬนั้นถูกฆ่าตายโดยเหล่าคนที่แข็งแกร่งไปแล้วเมื่อ 30 ปีก่อน ดังนั้นแล้วหลินเฟิงไปได้ลูกของเขามาได้ยังไงน่ะ?


 


ขณะที่มู่หรงหลานและหญิงชรานั้นกำลังสับสนกันอยู่ พวกหล่อนไม่ได้คิดเลยว่า จริงๆแล้วมังกรดำที่อยู่ในมิติแห่งการต่อสู้ของหลินเฟิงนั้น คือราชาทมิฬจริงๆ 


 


“ขอโทษแขกผู้มีเกียรติทุกท่านด้วยที่มีเรื่องวุ่นวายเกิดขึ้นนิดหน่อย แต่ไม่เป็นไร ไม่มีใครเป็นอะไร เพราะงั้นเรากลับมายังการประมูลกันต่อ เกล็ดของราชาทมิฬ จะเริ่มประมูลต่อ ณ บัดนี้! ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 500,000 หินวิญญาณ และการบิดแต่ละครั้งต้องไม่ต่ำกว่า 10,000 หินวิญญาณ! การประมูล...เริ่มได้!” เสี่ยวเก้อเอ่ยด้วยเสียงหวานและทันใดนั้นเหล่าผู้คนก็เริ่มกระสับกระส่ายและเริ่มบิดราคากันทันที 


 


“630,000!”


 


“650,000!”


 


“.....”


 


การแข่งกันบิดราคาของผู้คนนั้นร้อนแรงมากขึ้น เมื่อใดที่คนหนึ่งบิดเสร็จ อีกคนก็จะบิดต่อทันที ซึ่งมันดูเหมือนว่าพวกเขาจะให้ความสนใจสิ่งนี้มากกว่าที่คิดเสียอีก 


 


ในขณะเดียวกัน หลินเฟิงที่ยังนั่งอยู่บนพื้นพร้อมกับหลับตาอยู่นั้น ไม่มีใครรู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขา 


 


“คุณย่า ทำไมหลินเฟิงถึงยังไม่ตื่นล่ะ?” มู่หรงหลานถามด้วยความกังวล 


 


“เขาถูกโจมตีในมิติแห่งการต่อสู้ทำให้จิตใจได้รับความเสียหาย ซึ่งมันยากที่จะฟื้นตัวในเร็วๆนี้” หญิงชราพูด 


 


และในตอนนั้น การประมูลด้านนอกก็ยังดำเนินต่อไป และคนที่ยังประมูลในราคาที่สูงที่สุดอยู่ในตอนนี้ก็คือตระกูลมังกรนั่นเอง


แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น