RC:บทที่ 196 ทนายความสาว

นิยายลงทุกวัน เวลา 6.00 น. ส่วนเรื่องไหน จำนวนกี่ตอนนั้น สามารถดูได้ ที่นี่

RC:บทที่ 196 ทนายความสาว

 “ก็ได้ครับ พี่เฟิง แล้วพี่จะทำอะไรกับทนายงั้นหรือครับ” หวัง หานไม่เข้าใจ โดยทั่วไปแล้ว ทนายไม่ต้องมายุ่งอะไรเลย  หรือว่านี่หลิน เฟิงจะสู้คดีความ


“ไม่ใช่ แต่ฉันกำลังจะเซ็นสัญญากับหัวหน้าหวังและหัวหน้าเติ้งพรุ่งนี้ต่างหาก เดือนถัดไปเราจะไม่ขายของบนอินเทอร์เน็ตแล้ว และสิทธิ์ในการขายก็จะให้พวกเขาไป” หลิน เฟิงว่าขึ้น


ไม่ขายบนอินเทอร์เน็ตแล้ว แบบนี้ก็ขาดทุนครั้งใหญ่เลยนะครับ” หวัง หานว่าต่อ


ในตอนนี้ หลิน เฟิงขายของอยู่บนอินเทอร์เน็ต ของที่ขายนับเป็นหมื่นๆหรือแสนๆชิ้นมียอดขายล้นหลามทุกๆวัน กำไรที่ได้เติบโตขึ้นเป็นตัวเลขที่น่ากลัวอยู่ไม่น้อย และถ้าหยุดเมื่อใด ถึงคราวนั้นคงต้องแย่แน่ๆ


“ไม่ได้ขาดทุนมากมายนักหรอก เมื่อถึงเวลา ทุกสิ่งทุกอย่างก็จะส่งไปให้คุณหวังกับคุณเติ้งจัดการอยู่แล้ว ยิ่งไปกว่านั้น การขาดทุนนี้ก็แค่ชั่วคราว สิ่งที่น่าสนใจที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ต่างหากที่น่าสนใจของจริง” หลิน เฟิงกล่าว


 “งั้นก็ได้ครับ” เมื่อเห็นหลิน เฟิงพูดแบบนี้ หวัง หานก็ไม่ค่อยสะดวกใจที่จะพูดอะไรนัก นอกจากนี้ เขาเองก็ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นอีก


หนึ่งวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว เช้าต่อมา จื้อเฉิงและหวังหานขับรถสามล้อถีบของจื้อเฉิงเข้าเมือง


ไม่มีใครรู้หรอกว่าหลิน เฟิง คนที่ขับรถสามล้อถีบคันนี้เป็นมหาเศรษฐี เพราะการขี่รถสามล้อถีบโกโรโกโสคันนี้


ในตอนนี้ หลิน เฟิง หวัง หานและจื้อเฉิงนั้นกำลังนั่งอยู่บนรถ จื้อเฉิงเป็นคนขับ โดยมีหลิน เฟิงและหวัง หานนั่งอยู่ทั้งสองฝั่ง  รถมอเตอร์ไซต์คันดังกล่าวนั้นส่งเสียงกุกกักไปมาก่อนจะแล่นไปข้างหน้า


ในขณะที่รถเร่งเครื่องเต็มสูบนั้นก็ทำเอาก้นของคนที่นั่งถึงกับชาหนึบ หลิน เฟิงกับหวัง หานต่างเวียนหัวด้วยกันทั้งคู่


“พี่เฟิง นี่พี่เป็นถึงเศรษฐี ซื้อรถยนต์เถอะครับ แล้วดูเราสามคนสิ ต้องขับวนถึงสามรอบกว่าจะออกกันมาได้ ไม่สมเกียรติเอาเสียเลย” ญาติผู้น้องของเขา จื้อเฉิงบ่นขึ้นขณะที่กำลังขับรถ


“ก็ถูกนะ พี่เฟิง ตอนนี้พวกเราอยู่ดีแล้ว ก็ไม่มีอะไรแล้ว แถมพี่ยังเป็นคนดังของหมู่บ้านเราอีก จะมาบอกว่าไม่มีรถขับน่ะเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วล่ะเรื่องนั้นน่ะ” หวัง หานเสริม


พวกเขาทั้งสองคนยังจำได้ถึงตอนที่เคยบรรทุกขยะถึงสามรอบในตอนแรกๆ ทันทีที่พวกเขามาถึง กลิ่นเหม็นก็คละคลุ้ง พวกเขาต้องล้างด้วยปืนน้ำแรงดันสูงเป็นเวลาถึงครึ่งวันก่อนที่พวกเขาจะบังคับเอามันออกมาได้ 


“ยิ่งไปกว่านั้นนะ พี่เฟิง ผมยังจำได้เลยตอนที่พี่ไปรับพี่สะใภ้ของพี่เมื่อคราวก่อนน่ะ พี่ก็ขับพาเธอมาด้วยรถมอเตอร์ไซต์กลางเก่ากลางใหม่นี่ล่ะ ฮ่าๆ ขำแทบแย่เลยล่ะ” จื้อเฉิงว่าพลางยิ้มๆ


“ว่าไงนะ นี่ผมคิดว่าพี่เฟิงเช่ารถไปเสียอีก นี่คิดไม่ถึงเลยนะเนี่ยว่าพี่เฟิงจะพาเธอมาด้วยรถมอเตอร์ไซต์ผุๆนั่น” หวัง หานถึงกับอึ้งไปจนเกือบจะหัวเราะ


“นายสองคนรู้ไหมว่าการที่ได้ขี่มอเตอร์ไซต์ไปกับพวกนายนั้นเหมือนกับอะไร ความรักไงล่ะ เข้าใจยัง” หลิน เฟิงรู้สึกอายๆจากสิ่งที่พวกนั้นพูดมาก่อนจะตอกกลับไปอย่างรวดเร็ว


จริงๆแล้ว หลิน เฟิงเองก็รู้สึกอายไม่น้อย เขาขอหญิงสาวขึ้นมาซ้อนมอเตอร์ไซต์กับเขา และก็เป็นมอเตอร์ไซต์พังๆของพ่อเขาอีก เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ก็รู้สึกอายขึ้นมาทันทีเลยสิน่า


ดังนั้นเมื่อหวัง หานกับจื้อเฉิงพูดแบบนี้ หลิน เฟิงจึงตัดสินใจว่าจะไปในเมืองทีหลัง และเขาจะต้องไปที่ร้าน 4S เพื่อไปรับรถยนต์ขับกลับไป


“หยุดก่อน” จู่ๆหลิน เฟิงก็พูดขึ้นมา


“อ้าว เกิดอะไรขึ้นครับ” ญาติผู้น้องของผมรวมถึงหวังหานก็หยุดชะงักไป ไม่รู้ว่านี่มันเกิดอะไรกับหลิน เฟิง แต่คิดว่าเขาน่าจะโกรธนะ


“พี่เฟิง พวกเราแค่พูดเล่นน่า” หวัง หานพูดเสียงแผ่ว


“ฉันรู้น่า เลี้ยวกลับบ้านกัน” หลิน เฟิงว่า


“กลับหรอ ว่าไงนะ” ญาติผู้น้องในตอนนี้ขับมาไกลจากหน้าประตูเข้าหมู่บ้านมากแล้ว เลี้ยวกลับไปจะไม่เสียเวลาเอาหรอกหรือนี่


 “ฮ่าๆ อย่ากังวลกันนักเลย ฉันแค่จะกลับไปเอาใบขับขี่น่ะ แล้วก็จะไปเอารถยนต์ทีหลัง แล้วก็ให้พวกนายพูดถึงฉันให้ตลอดเลยนะ” หลิน เฟิงว่าพลางยิ้มๆ


“พี่เฟิง นี่พี่กำลังจะซื้อรถแล้วใช่ไหม” หวัง หานและจื้อเฉิงถามขึ้นพร้อมๆกัน


“ใช่ ถึงเวลาต้องซื้อสักคันแล้วล่ะ ไม่อย่างงั้นล่ะก็ มันคงไม่เข้ากับตัวตนของฉันสักเท่าไหร่ ฮ่าๆ...” จากนั้นทั้งสามจึงเลี้ยวกลับไปที่หมู่บ้าน


หนึ่งชั่วโมงต่อมา


“แล้วหวัง หานล่ะ ทนายที่นายติดต่อไว้มาถึงที่นี่แล้วหรือยัง” ในขณะที่หลิน เฟิงและคนอื่นๆมาถึงในเมือง พวกเขาก็ไม่ได้เข้าไปที่ร้านของหวัง ฮ่าวหมิงในทันที แต่ไปรอคนๆหนึ่งแทน ซึ่งคนๆนั้นก็คือทนายของหวัง หาน


“พี่เฟิง ผมเพิ่งจะโทรหาเธอ เห็นบอกว่ากำลังจะมาถึงอีกไม่นานนี้แล้ว รออีกสักแป๊บนะครับ” หวัง หานว่าขึ้น


“โอเค แล้วว่าแต่ นายรู้จักกับทนายคนนี้หรือ ช่วยพูดอะไรให้พวกเราฟังบ้างสิ จะได้ไม่ทำเรื่องน่าอายออกมา” หลิน เฟิงรู้สึกเบื่อที่ต้องรอ เขาจึงพูดแบบนี้ขึ้นมาก่อนจะเอนตัวลงบนที่นั่ง


 “ก็ ไม่ได้รู้จักมากนักหรอกครับ ตอนที่ผมโทรหาบริษัทกฎหมาย ทนายของที่นั่นหลายคนต่างก็ได้รับคดีความสำคัญกันทั้งนั้น ทีนี้ก็เลยเหลือทนายความผู้หญิงแค่คนนี้คนเดียวแถมเพิ่งจะจบมาไม่นานนี้ด้วยครับ” หวัง หานว่าเสียงแผ่วๆ


“ทนายความหญิงงั้นหรือ แถมเพิ่งจบด้วย แล้วประสบการณ์ล่ะ” จื้อเฉิงกระซิบถาม


“คือตอนนั้น ผมก็คิดว่าแค่ไปเซ็นสัญญาแล้วก็คุยเรื่องเงื่อนไขนิดๆหน่อยๆ นอกจากนี้ คุณหวังกับคุณเติ้งเองก็รู้จักกันมานานแล้วด้วย ผมก็เลยจ้างผู้หญิงคนนี้น่ะครับ”


“นั่นไม่สำคัญหรอก ไม่สำคัญว่าจะเพิ่งจบ ยังไง คนทุกคนไม่เคยมีใครไม่เคยเริ่มต้นอยู่แล้ว” หลิน เฟิงว่าขึ้น


เพราะเมื่อหลิน เฟิงคิดถึงตัวเขาเองเมื่อไม่กี่เดือนก่อน ในตอนนั้น เขายังเป็นคนอ่อนต่อโลกอยู่บ้าง


มีบริษัทอยู่หลายแห่งที่เขาส่งจดหมายสมัครงานไปแต่ก็ไม่ได้ตอบรับกลับมา มีแต่บริษัทคุ้มครองสิ่งแวดล้อมเล็กๆเท่านั้นที่รับเขาเข้าทำงาน แถมที่นั่นยังเต็มไปด้วยพวกคนนิสัยแย่ๆ ในที่สุด เขาจึงถูกบังคับให้ต้องออก


ดังนั้น แม้ว่าหลิน เฟิงจะได้ยินหวัง หานบอกว่าทนายคนดังกล่าวเพิ่งจะเรียนจบ เขาก็เลยไม่พูดอะไร


เวลาผ่านไป พวกเขารอเป็นเวลาครึ่งชั่วโมงแล้ว แล้วมือถือของหวัง หานก็ดังขึ้น


“สวัสดีค่ะ ดิฉันเป็นทนายที่คุณจ้างมา ฉันมาถึงที่ที่คุณบอกไว้แล้วนะคะ ตอนนี้คุณอยู่ไหนหรือคะ” หวัง หานเปิดลำโพงเพื่อให้ได้ยินเสียง ทั้งหลิน เฟิงและจื้อเฉิงจึงได้ยินเสียงจากในมือถือทั้งคู่


เมื่อได้ฟังเสียงดังกล่าว หลิน เฟิงก็รู้สึกคุ้นหูอย่างบอกไม่ถูก แต่ก็ยังจำไม่ได้


“นี่ๆ หวัง หาน ไม่ใช่คนที่นายกำลังพูดถึงใช่ไหม ดูสิ” เมื่อนั้นเอง จื้อเฉิงจึงชี้ไปที่หญิงสาวคนหนึ่งที่อยู่ตรงข้ามพวกเขาก่อนจะเอ่ยขึ้น


หญิงสาวคนนี้สวมชุดเดรสทางการสีดำ ถือกระเป๋าเอกสารทรงผู้หญิง สวมแว่นตา ในมือถือโทรศัพท์พลางพูดอะไรต่ออะไรขณะมองไปรอบๆ


“ใช่แล้ว น่าจะเธอคนนี้ล่ะ” หวัง หานพูดขึ้น


“สวัสดีครับ คุณทนาย พวกเราอยู่ตรงหน้าคุณแล้วครับ ตรงรถลากนี่ล่ะครับ เราอยู่นี่แล้วครับ” จากนั้นหวัง หานจึงวางหูโทรศัพท์อย่างไว


ทั้งสามคนผละออกมาจากรถสามล้อถีบคันเก่านั่น หญิงสาวที่เป็นทนายคนนี้เมื่อได้เห็นพวกเขาคงจะแสดงออกถึงท่าทีที่ผิดหวังออกมาอย่างเก็บไว้ไม่อยู่แน่


“คงจะเป็นเรื่องคนทะเลาะกันหรืออะไรทำนองนั้นแน่เลย” หญิงสาวคนนั้นถอนหายใจ


นับตั้งแต่ที่เธอจบมาก็เป็นเวลาเกือบครึ่งปีแล้ว ในที่สุดเธอก็ได้รับการบรรจุที่อำเภอจิ้งเฟิง สำนักงานทนายความที่มีชื่อเสียงอยู่บ้าง แต่เธอยังไม่ได้ลงงานจริงๆจังๆเลย เธอมักจะถูกขอให้จัดการกับเรื่องจุกๆจิกๆอยู่เสมอ


เมื่อเห็นพวกของหลินเฟิงทั้งสามคนเดินออกมาจากรถสามล้อถีบคันเก่าๆแบบนี้ เธอจึงเดาเลยว่าจะต้องเป็นเรื่องคนทะเลาะกันหรืออะไรทำนองนั้นแน่ๆ


“เอาล่ะ ทำให้ดีที่สุด เหมือนกับว่านี่เป็นงานของเธอเอง” เธอว่าขึ้นด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะเดินออกไป


แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น