จู มู่และแรดเกราะเหล็กต่างเข้าโจมตีหลิน เฟิง จู มู่เองพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะกระโดดลงจากแรดเกราะเหล็กและเข้าต่อยหลิน เฟิง
ในเวลาเดียวกันนั้นเอง นอแรดขนาดใหญ่นั่นก็ส่องแสงสีขาววับวาวซึ่งทำให้ใครก็ตามที่ได้เห็นนั้นรู้สึกกลัวมาแต่ไกล
เมื่อได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้น หลิน เฟิงก็มีความรู้สึกเดจาวู เหมือนกับตอนที่เขากับตงฟางเสี่ยงสู้กันไปก่อนหน้านี้
ในตอนนั้น สัตว์คู่หูของตงฟาง เสี่ยงนั้นก็คือเสือเทียนเล่ย ได้ปลดปล่อยสายฟ้าพิโรธออกมาแล้วหลังจากนั้นตงฟาง เสี่ยงก็ตามมาโจมตีทีหลัง
สิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้านี้ช่างคล้ายคลึงกับสถานการณ์นั่นเสียจริง สลับกันแค่ตำแหน่งแค่นั้น
แต่ทว่าในตอนนี้ หลิน เฟิงกลับไม่มีเวลาที่จะมาต่อกรกับแรดคลั่งนี่ เพราะการโจมตีของจู มู่นั้นเข้ามาถึงแล้ว
เจ้านั่นต่อยหลิน เฟิงเอาๆ แม้ว่าเขาจะตัวใหญ่ แต่ความเร็วก็ไม่ได้ลดลงเลย
และในขณะเดียวกัน หลิน เฟิงก็ยังใช้พลังวิญญาณปลดปล่อยหมัดเพลิงออกมาและกระโดดขึ้นไปอย่างว่องไว
ทั้งสองคนต่างต่อสู้กันบนกลางอากาศ เสียงดังลั่น
หลิน เฟิงชะงักถอยไป จู มู่จึงได้ที ลงมานั่งบนหลังแรดคลั่งเกราะเหล็กได้อย่างละม่อม แล้วในตอนนี้ ความเร็วของมันก็เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล
ส่วนหลิน เฟิงที่เพิ่งจะดิ่งลงมา ก่อนที่เขาจะยืนได้อย่างมั่นคงนั้น เขาก็ได้เผชิญกับแรดตัวนี้เสียก่อน
ส่วนอีกฝั่งนั้น หยานจุนและสัตว์คู่กายของเขาอย่างสิงโตไฟนั้นก็กำลังเข้าต่อสู้กับมังกรดำ เมื่อหยานจุนมองไปที่มังกรดำ เขาก็รู้สึกเหมือนจะจำได้ช่วงตอนที่เขาอยู่ในอำเภอจิ้งเฟิง
ในตอนนั้น ราชาแมงมุมดำเข้าโจมตีหลิน เฟิง และเขาก็ได้เห็นเงาดำแวบๆพาดผ่านหว่างคิ้วของเขาไป แล้วจากนั้นสัตว์คู่กายของชายสวมหน้ากากอย่างแมงมุมดำนั่นก็ถูกเจาะรูใหญ่ขึ้นมา
ตอนนี้นั้น เขาคิดว่าเงาดำที่ว่าน่าจะเป็นมังกรดำ ดังนั้นหยานจุนจึงได้รู้ว่ามังกรดำนั้นทรงพลัง เขาพร้อมกับสิงโตเพลิงจึงไม่คิดออมมือกับมังกรดำตัวดังกล่าวนี้แม้แต่น้อย
“สิงโตเพลิง ใช้เพลิงคำราม” หยาน จุนรีบไปที่มังกรดำก่อนจะสั่งให้สิงโตเพลิงใช้พลังมาจากอีกด้าน
“โฮก!”
ทันทีที่สิงโตเพลิงคำรามออกมา ไฟก็ลามไปทั่วร่าง ลูกไฟดวงใหญ่พุ่งออกมาและตรงไปยังมังกรดำ
“เพลิงมังกรดำ!”
พลันเพลิงมังกรดำนั่นก็หลอมรวมเข้ากับลูกไฟจากมังกรเพลิงตัวดังกล่าว
สีของดวงไฟทั้งสองต่างปะทะกันกลางอากาศก่อนจะกลืนกินซึ่งกันและกัน
แต่ทว่าเพลิงสีดำกลับมีพลังมากกว่าจนกดลูกไฟของสิงโตเพลิงลงไป ยันพลังเพลิงของสิงโตไว้อยู่แบบนั้น
“กรงเล็บสิงโตเพลิง!”
ในขณะที่ลูกเพลิงสีดำของมังกรดำนั้นกำลังจะกลืนกินลูกไฟของสิงโตเพลิงอยู่นั้น หยาน จุนก็โจมตีเข้ามา
มีลูกไฟสีแดงลูกหนึ่งลุกไหม้ที่มือของหยาน จุน และลูกไฟดวงที่สองจากสิงโตเพลิงก็กลายมาเป็นกรงเล็บสิงโต พวกเขาต่างเข้าโจมตีมังกรดำอย่างไร้ความปรานี
ในตอนนี้ มังกรดำก็คงยังสู้อยู่กับสิงโตเพลิง และแม้ว่ามังกรดำนั้นจะกำลังได้เปรียบอยู่ก็ตามที แต่เมื่อมันถอนตัวออกมาก่อน มันก็เจอเข้ากับการจู่โจมอันโหดเหี้ยมจากอีกฝั่ง
“ฮ่าๆ ตายซะเถอะ” หยาน จุนรีบเข้าไปที่ฝั่งมังกรดำก่อนจะเอ่ยอย่างดูถูก
“มังกรดำ ฟาดหาง”
ในขณะที่หยาน จุนคิดว่าตนเอาอยู่แน่ จู่ๆพลังจากมังกรยักษ์ก็พวยพุ่งเข้ามาก่อนจะพุ่งไปโดนที่บริเวณอกของหยาน จุน
ฟุ่บ!
หยาน จุนกระอักเลือดออกมาอีกครั้ง จากตอนแรกที่ซี่โครงหัก อาการบาดเจ็บไม่ใช่ย่อยๆเลยด้วย แล้วตอนนี้ก็มาโดนหางมังกรฟาดใส่อีก ไม่รู้ว่าจะมีหักเพิ่มอีกกี่จุด
อาการบาดเจ็บนั้นหนักขึ้นเรื่อยๆ พลังจากหางมังกรดำนั้นมีอานุภาพมากกว่าหมัดเพลิงของหลิน เฟิงมากกว่ามาก หยาน จุนที่โดนหางฟาดเข้าที่กำแพงนั้นถึงกับลุกขึ้นยืนไม่ได้ไปชั่วขณะเลยทีเดียว
นอกจากนี้ ในเวลาเดียวกันนั้นเอง ลูกเพลิงสีดำของมังกรดำและเพลิงคำรามจากสิงโตเพลิงนั้นในที่สุดก็มาถึงจุดสิ้นสุด
“เปรี้ยง!”
ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามังกรดำจะมีพลังมากกว่า มันยิงตรงไปยังสิงโตเพลิงตัวนั้น ก่อนที่มันจะกระโดดเหย็งพลางร้องลั่น
แต่ก่อนที่จะจบลง ลูกไฟสีดำของมังกรดำก็กลายเป็นร่างซึ่งห่อหุ้มรอบๆตัวสิงโตเพลิงตัวนั้นก่อนจะแผดเผา
ลูกไฟเพลิงสีแดงบนร่างของสิงโตตัวนั้นก็ถูกดันกลับไปเป็นพลุ ก่อนที่มันจะร้องโหยหวนด้วยความทรมาน
“โฮก!”
สุดท้ายแล้ว สิงโตเพลิงก็พยายามทุกวิถีทางเพื่อที่จะไล่เพลิงที่อยู่บนร่างของมันและห่อหุ้มร่างกายทั้งหมดด้วยเพลิงของมันซึ่งจะกำจัดการลุกไหม้ของเพลิงมังกรดำนั้นไปในตัว
อีกฝั่งหนึ่งนั้น หลิน เฟิงก็เพิ่งจะลงมาถึง แรดเกราะเหล็กคลั่งนั้นไม่ต่างจากรถบรรทุกที่พุ่งชนยับ โดยหลังจากที่เร่งความเร็วมาเป็นเวลานาน ความเร็วของมันก็เพิ่มขึ้นมหาศาลจนเกินกว่าที่คนธรรมดาจะไหวตัวหลบทัน
“ฮึ่ม วิชาย่ำเงา”
ทันใดนั้นเอง เท้าของหลิน เฟิงก็ด้วยก้าวแปลกๆ ทั้งพลิ้วไหวและเงียบ หายไปพร้อมกับเงา
“เอ๊ะ หายไปไหนแล้ว เป็นไปไม่ได้” เมื่อเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า จู มู่ก็ถึงกับเสียสติ
เป็นเรื่องธรรมดาที่จะเขียนว่าถ้ามีใครโดนแรดคลั่งเกราะเหล็กนั่นโจมตีเข้าล่ะก็ คนๆนั้นคงไม่มีโอกาสหนีอีกแล้ว
แต่แล้วจู่ๆ หลิน เฟิงก็หายวับไปจากสายตาของเขา เหลือไว้แต่เพียงร่องรอยของเงาที่อยู่ตรงนั้น และยิ่งเป็นเวลามืดด้วยแล้ว ก็ยากที่จะบอกว่าเงาพวกนี้เป็นเงาของหลิน เฟิง
“ตูม!”
ในที่สุด แรดตัวนั้นก็ไม่สามารถหาเป้าหมายพบ รวมถึงไม่สามารถควบคุมร่างกายตนเองได้ มันจึงขวิดเข้าที่กำแพงหินตรงหน้า เขย่ารูนั้นจนมีเศษก้อนกรวดตกลงมา
ยิ่งน้ำหนักเกราะเหล็กนั้นมากเท่าไหร่ แรงเฉื่อยก็ยิ่งทวีคูณมากขึ้นเท่านั้น เราจะทำให้ความเร็วนี้ลดลงไปได้อย่างไร
เมื่อจู มู่เห็นแบบนี้ เขาจึงถอนหายใจ กระโดดลงมาก่อนที่แรดสุดโหดตัวนี้จะขวิดกำแพงหินนี่อีกโดยปล่อยให้มันยืนอยู่ที่กำแพงหินนั่นนิ่งๆ
แต่อย่างไรก็ตาม จู มู่ก็หยุดชะงัก แล้วทันใดนั้นเอง เขาก็สัมผัสได้ถึงลมที่ปะทะเข้าที่ด้านหลัง และเมื่อหันไปรอบๆ เขาก็เจอเข้ากับหมัดไฟเต็มๆ
เกิดเสียงปะทะดังขึ้น จู มู่ก็กระเด็นออกมา หน้าทั้งหน้าของเขาถึงกับบิดเบี้ยว ก่อนจะชนเข้ากับแรดเกราะเหล็กจอมคลั่งนั้นในที่สุด
ในตอนนี้ กลับกลายเป็นว่าหยาน จุนกับจู มู่นั้นต่างคนต่างไปอยู่ที่กำแพงอีกด้านหนึ่งของผนังถ้ำ โดยที่ทั้งคู่นั้นได้รับบาดเจ็บสาหัส และประสิทธิภาพในการต่อสู้ก็กลายมาเป็นปัญหา
ไม่ใช่ว่าพวกเขาอ่อนแอเกินไป แต่พวกเขาไม่ได้ใช้พลังที่มีอยู่อย่างเต็มที่ นอกจากนี้ ใครจะไปคิดล่ะว่าหลิน เฟิงจะมาโจมตีพวกเขาที่นี่ พวกเขาบาดเจ็บหนักก่อนที่จะทันได้เคลื่อนไหวเสียด้วยซ้ำ และก็ไม่ได้ใช้พลังออกไปเต็มที่ด้วย
ในขณะที่หลิน เฟิงกับมังกรดำนั้นกำลังปะทะกับหนึ่งคนกับอีกหนึ่งตัวอยู่นั้น อีกฝั่งหนึ่งที่กำลังต่อสู้กันอยู่นั้น หนึ่งในที่ตรงนั้นก็คือที่ที่ญาติผู้น้องของเขาสู้อยู่ เพียงแต่ไม่สามารถมองเห็นได้
มังกรทองถูกเหยี่ยวดำของฟางหนิงจับตัวเอาไว้ได้ ก่อนจะถูกกดอย่างหมดรูป
แต่โชคยังดีที่มันมีพลังป้องกันอันแข็งแกร่งรวมถึงความสามารถในการบิน
ไม่เช่นนั้นแล้ว มันจะต้องพ่ายแพ้ให้กับกรงเล็บเหยี่ยวนั่นอย่างแน่นอน
หลิน เฟิงมองไปที่ญาติผู้น้องของเขา จื้อเฉิง หลังจากที่เขาจัดการจู มู่เสียจนเจ็บหนัก ปากของจื้อเฉิงก็มีเลือดกบปาก รวมถึงแมงป่องน้ำแข็งเองก็หมดแรง รวมทั้ง มังกรทองเองก็ถูกเหยี่ยวดำไล่ล่าจนต้องรีบบินหนีไปบนท้องฟ้า
ในขณะที่หลิน เฟิงมองไปยังบนนั้น ฟาง หนิง ผู้ซึ่งมีจมูกเหมือนเหยี่ยวก็มองไปบนนั้นอยู่เช่นกัน ต่างคนต่างมองไปบนฟ้า
”ไร้ประโยชน์จริงๆ” จากนั้นฟาง หนิงก็จ้องไปที่หยาน จุนกับจู มู่ก่อนจะตำหนิคนพวกนั้น
แล้วเขาก็หันกลับไปมองหลิน เฟิงอีกครั้ง พวกเขาต่างมองกันและกันอยู่เพียงแวบนึง บรรยากาศอันแสนกดดันที่มองไม่เห็นก็คืบคลานเข้ามา
0 ความคิดเห็น