RC:บทที่ 145 ลอบโจมตี

นิยายลงทุกวัน เวลา 6.00 น. ส่วนเรื่องไหน จำนวนกี่ตอนนั้น สามารถดูได้ ที่นี่

RC:บทที่ 145 ลอบโจมตี


เมื่อได้ยินชื่อหยาน จุน หลิน เฟิงก็ดูเหมือนจะคิดอะไรออก แต่ก็ไม่มั่นใจ


“นี่ พวกนายสองคนหยุดทะเลาะกันได้แล้ว สัตว์วิญญาณนั่นแข็งแกร่งมาก ลำพังแค่หยาน จุนคงหยุดมันไว้ไม่ได้แน่” อีกคนว่าขึ้น


“ฮึ่ม ฟาง หนิง ไม่ต้องมาพูดแทนมันเลยนะ ตอนนี้เนี่ย ฉันขอพูดเลยนะว่าครั้งก่อนที่ฉันปล้นธนาคารในอำเภอจิ้งเฟิงไปน่ะ นั่นก็เพราะเล่ย หวังกับชายสวมหน้ากากถูกจับกุมไป เขาเลยเสียผลประโยชน์”


“และสัปดาห์ก่อน ราชาหมาป่าขาวก็ยังหนีพ้นเงื้อมมือเจ้านั่นไปได้อีก แล้วพอมาวันนี้ สัตว์วิญญาณระดับสูงก็ดันหลบหนีไปขณะที่เขาดูแลอยู่อีก”


“ถ้าเอาสามสิ่งนี้มาโยงกันล่ะก็ นายอาจจะทำโดยตั้งใจหรือไม่ก็ทำหน้าที่บกพร่อง ไร้ประโยชน์ไม่ต่างจากขยะจริงๆ” ชายคนที่ชื่อจู มู่ว่าขึ้นอย่างไม่พอใจ


เมื่อได้ยินแบบนั้น หลิน เฟิงก็รู้ในทันทีว่าชายคนที่ชื่อหยาน จุนนั้นคือคนที่มีพลังไฟและเป็นคนเข้าปล้นธนาคารในอำเภอจิ้งเฟิง


ในตอนนั้น หลิน เฟิงเองก็ตามหลังเล่ย หวังที่มีพลังสายฟ้าไป และมู่ ซินซินก็ตามหยาน จุนไป และที่คาดไม่ถึงก็คือเจ้านั่นก็มาโผล่ที่นี่


“ฉันน่ะ ไม่รู้จะด่าเป็นภาษาอะไรดีแล้วนะ ครั้งก่อน ที่เข้าปล้นธนาคารในอำเภอกับในตัวเมืองนั่น แผนเดิมถูกวางไว้ไม่มีที่ติ แต่ใครจะไปรู้ว่าดันมีคนที่มีพลังอีกคนหนึ่งโผล่มา” หยาน จุนอธิบายอย่างสิ้นหวัง


“ยิ่งไปกว่านั้น ราชาหมาป่าขาวระดับกลางเอง ในตอนนั้นฉันไม่ทันระวังเองที่ปล่อยให้มันหลุดไปได้ แล้ววันนี้ก็มาเป็นสัตว์วิญญาณชั้นสูงอีก นี่ฉันทำดีที่สุดแล้วจริงๆนะ แล้วฉันจะเอาชนะมันได้ยังไงล่ะ” หยาน จุนทุกข์ใจ


แล้วสัตว์วิญญาณระดับสูงก็พุ่งตรงมาที่เขา ตัวเขานั้นมีพลังไฟและคุณสมบัติของน้ำจากสัตว์วิญญาณที่ไม่ได้อยู่ในการครอบครอง นี่จึงเป็นช่องโหว่ขนาดใหญ่และเขาไม่สามารถทำมันให้สำเร็จได้


“ฮึ่ม สองครั้งนั้นคือโอกาสทองเลยนะ โดยเฉพาะในตอนนี้ ถ้าเราจับสัตว์วิญญาณระดับสูงนั่นมาได้ เราสามคนจะดูดแก่นวิญญาณมาไว้รวมกัน แล้วพวกเราก็จะได้ก้าวเข้าสู่อีกขั้นของพลัง เฮ้อ ดวงซวยชะมัดยาด” จู มู่ถอนหายใจ


หลังจากได้ฟังในสิ่งที่พวกนั้นพูด หลิน เฟิงก็รู้เลยว่าชายสามคนนั้นไม่ได้กำลังจะกลับ แต่ยังคงตามล่าหาสัตว์วิญญาณระดับสูงกันต่อ และดูเหมือนก่อนหน้านี้จะทำไม่สำเร็จ


“เฮ้อ นายสองคนทะเลาะกันอีกแล้ว หยานจุนเขาก็ทำได้ดีแล้วน่า นอกจากนี้ เขาก็ยังอยู่ในระดับBด้วย เพียงแต่ไม่สามารถก้าวเข้าสู่ระดับAได้ก็เท่านั้นเอง และแม้ว่านายจะหนีไป แต่วิญญาณพฤกษาและผลไม้นั้นจะยังคงอยู่ที่เดิม และอาจจะทำให้พวกสัตว์วิญญาณบางตัวสนใจด้วยก็ได้ กลับกันก่อนเถอะ”  ฟาง หนิงว่าขึ้น


หลังจากนั้น ทั้งสามก็ปรากฏแก่สายตาของหลิน เฟิงในที่สุด


ทั้งสามคนนี้ คนหนึ่งก็คือหยานจุน คนที่หลบหนีไปในขณะที่หลิน เฟิงช่วยมู่ ซินซินจับโจรในอำเภอจิ้งเฟิง


ส่วนอีกสองคนนั้น หลิน เฟิงไม่เคยเห็นและก็ไม่รู้จักด้วย


คนๆนั้นสูงมากและแข็งแรง ผมตัดสั้น ดูเป็นคนฉุนเฉียวง่ายเอามากๆ ในขณะที่เดินอยู่ก็แสดงออกถึงความไม่พอใจ คนนี้คือ จู มู่


ส่วนอีกคนนั้นตัวเล็กผอม จมูกงองุ้ม ดวงตาลึกเยือกเย็นซึ่งทำเอาหลิน เฟิงถึงกับหนาวและสัมผัสได้ถึงความู้สึกอันตราย ชายคนนี้ก็คือฟาง หนิง


ในตอนนี้ หลิน เฟิงและมังกรดำต่างยืนอยู่บนสองฝั่งของถ้ำอย่างเงียบๆ ซ่อนลมหายใจไว้ได้สนิท ตั้งใจรอให้คนพวกนี้เดินผ่านไปและค่อยลอบโจมตี


“ฮึ่ม แต่ยังไงก็เหอะ ยังไงครั้งนี้ก็เป็นความผิดของหยาน จุนล่ะ ถ้าครั้งหน้านายจับสัตว์วิญญาณนั่นมาได้ล่ะก็ นายจะเป็นคนสุดท้ายที่ได้ดูดซับพลังวิญญาณนั่น แล้วหลังจากที่พวกเราทั้งหมดได้รับการเลื่อนขั้นแล้ว นายก็ดูดเอามันไปได้เลย” จู มู่ยังคงว่าอย่างขัดเคือง


“ได้ ครั้งนี้ฉันผิดเอง แต่ถ้านายจะจับสัตว์วิญญาณล่ะก็ นายก็ไปจับก่อนได้เลย ได้เวลาพอดี”


เมื่อมองไปที่จู มู่ ก็เห็นได้ชัดว่าหยาน จุนกำลังเบื่อหน่ายกับเรื่องนี้เต็มทน


เดิมทีนั้น ทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่น แต่ทว่าจู่ๆหลิน เฟิงนั้นก็ดันเข้ามาทำลายแผนพวกเขาเสียป่นปี้ และนับจากนั้นเขาก็อับโชคพอๆมาตลอด


“พวกเรามีเวลาไม่มากแล้ว สามวันหลังจากนี้ ถึงเวลาต้องจัดระเบียบกองกำลังอันแข็งแกร่งไปที่สถานีตำรวจแล้วก็ช่วยคนออกมา และถ้าเราล่าพวกสัตว์วิญญาณและอัพเกรดพวกมันเองไม่ได้ในสามวันนี้ล่ะก็ก็คงยากที่จะรอดชีวิตกลับมา” ฟาง หนิงว่าขึ้น


“อะไรนะ องค์กรของพวกนั้นกำลังจะเข้ายึดครองสถานีตำรวจงั้นหรือ” หลิน เฟิงได้ฟังก็ถึงกับแปลกใจ ช่างบ้าดีเดือดอะไรกันแบบนี้


หลิน เฟิงที่อยากจะลงมือก็ถึงกับชะงัก และหวังที่จะได้ยินข่าวมากกว่านี้


“แล้วคนคนนั้นจะโผล่มาอีท่าไหน เราจำเป็นที่จะต้องจัดคนมาเยอะมากเพื่อดูแลเขาเลยหรอ” จู มู่ถามขึ้น


“นั่นคือหนึ่งในแกนนำองค์กร มีคนบอกว่ามีบางสิ่งที่สำคัญมากต่อองค์กร จริงๆแล้วนั้น ฉันก็ไม่รู้รายละเอียดนักหรอก นอกจากนี้ องค์กรนั้นก็ยิ่งใหญ่เกินสำหรับพวกเราที่มีพลังเล็กๆแค่ระดับB แถมพวกเราเองก็ยังไม่ได้สัมผัสแก่นขององค์กรนั่นเลยด้วยซ้ำ เราก็เลยไม่เข้าใจองค์กรนั่นยังไงล่ะ” ฟาง หนิงว่าขึ้น


“แต่ตอนนี้พวกเราทุกคนล้วนแต่เป็นระดับBชั้นแนวหน้าทั้งนั้นเลยนะ ตราบใดที่เราฝ่าฟันระดับนี้ได้ ตำแหน่งในองค์กรของเราก็จะได้ปรับระดับสูงขึ้นอีกโข”


“ความเป็นไปได้อย่างเดียวในการเอาชีวิตรอดก็คือการแหกคุกในครั้งนี้ ไม่อย่างงั้นทุกอย่างคือพัง” ฟาง หนิงว่าอย่างกดดัน


“การเอาตัวรอดนั้นไม่ง่ายเลย หรือไม่งั้นเราก็จะไม่ร่วมขบวนการครั้งนี้ ไม่มีใครรู้หรอก” จู มู่ว่าขึ้น


“เฮ้ ถ้านายอยากตายนักก็อย่าเอาเราสองคนเข้าไปเกี่ยวสิ เพราะยังมีคนอีกมากมายที่คิดเหมือนกันกับนาย แต่เขาพวกนั้นน่ะตายหมดแล้ว...” ฟาง หนิงเห็นจู มู่เหมือนกับคนโง่


“พวกมันเป็นองค์กรแบบไหนกันนะ ถึงได้มีอิทธิพลมากขนาดนี้ แล้วพวกนั้นจะถึงตายเลยงั้นหรือถ้าไม่ไปน่ะ” หลิน เฟิงรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างยิ่ง


“ช่างมันเถอะ กลับมาคิดกันต่อ เตรียมตัวลุยกันเถอะ มังกรดำ” หลิน เฟิงรู้สึกว่าตนเกือบจะเข้าใจข่าวดังกล่าวนี้เลย เขาจึงได้พูดขึ้น


“ครับ นายท่าน” ทันทีที่มังกรดำกล่าวจบ มันก็อ้าปาก แล้วทันใดนั้นเองลูกบอลแสงสีดำก็ก่อตัวขึ้นปาก


ในเวลาเดียวกันนั้นเอง หลิน เฟิงจึงเริ่มใช้พลังวิญญาณของตนและยืนเตรียมพร้อมเข้าต่อสู้ได้ทุกเมื่อด้วยจังหวะเท้าแปลกๆ


“เข้ามาอีกๆๆ” หลิน เฟิงคาดการณ์ระยะทางระหว่างทั้งสองฝั่ง


ยิ่งเข้ามาใกล้มากขึ้นเท่าไหร่ การโจมตีก็มีแนวโน้มจะโดนมากขึ้นเท่านั้น และความเสียหายจากการโจมตีก็จะมากขึ้นเท่านั้นด้วย


ในที่สุด คนพวกนี้ก็เดินเข้ามาก่อน โดยที่ไม่ได้สนใจหลิน เฟิงกับมังกรดำ เพราะในตอนนี้ ทั้งสามคนต่างก็กำลังจมอยู่กับปัญหาเรื่องสัตว์วิญญาณระดับสูงที่หนีไป


โดยที่พวกเขาไม่ได้สังเกตหลิน เฟิงและมังกรดำเลย


“มังกรดำ ฉันพร้อมลอบโจมตีแล้ว” หลิน เฟิงว่าขึ้น


“ขอรับ นายท่าน” ในตอนนี้ มังกรดำก็เริ่มรวบรวมแสงก่อตัวเป็นลูกบอลแสงสีดำในปากจนถึงขั้นสุด


ในขณะที่หลิน เฟิงก็ได้รวบรวมพลังที่แข็งแกร่งที่สุดไปที่หมัดเพลิง และถ้าเขาไม่ปล่อยพลังนี้ออกไป เขาก็จะรั้งมันไว้ไม่อยู่แล้ว


“สาม”


“สอง”


“หืม ไม่นะ ฉันสัมผัสได้ถึงลมหายใจของใครบางคนที่นี่ มีบางคนอยู่ที่นี่” ทันใดนั้นเอง ฟางหนิงที่มีจมูกงองุ้มก็ว่าขึ้น


“หนึ่ง ไปเลย” แล้วจากนั้น หลิน เฟิงก็ตะโกนขึ้นมา


จากนั้นมังกรดำและหลิน เฟิงก็ได้ปล่อยการโจมตีออกมาเป็นเวลานานในเวลาเดียวกันเพื่อโจมตีคนทั้งสาม


“ระวัง”


ฟางหนิงเป็นคนแรกที่สัมผัสได้ถึงลมหายใจบางส่วนของหลิน เฟิงและคนอื่นๆที่อยู่ที่นี่ เขาจึงถอยหลังกลับมาได้อย่างรวดเร็ว


แต่อย่างไรก็ตาม หลังจากที่เขาถอยออกมา คนที่เหลืออย่างหยานจุนแล้วก็จู มู่นั้นกลับไม่รู้เรื่องว่ามีอะไรเกิดขึ้น


และเมื่อพวกเขาหันกลับไปมอง พวกเขาก็เห็นมังกรตัวหนึ่งและชายอีกคนหนึ่งโจมตีมาที่พวกเขา


อ้า!


แสงดำ


แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น