RC:บทที่ 110 ตระกูลมู่หรง

นิยายลงทุกวัน เวลา 6.00 น. ส่วนเรื่องไหน จำนวนกี่ตอนนั้น สามารถดูได้ ที่นี่

RC:บทที่ 110 ตระกูลมู่หรง


“เอาล่ะ เกิดอะไรขึ้น? ไหนดูซิ” หลินเฟิงรู้สึกไม่เข้าใจจริงๆ


ซึ่งเขาไม่ได้แกล้งทำเป็นไม่เข้าใจ แต่เขาไม่รู้จริงๆ เขาเพิ่งจะพบคนทั้งสองคนนี้โดยบังเอิญ


“นี่นายไม่รู้จริงๆ งั้นหรือ?” หวังฮ่าวหมิงถาม


“พี่ชาย ผมไม่รู้จริงๆ ครับ ผมก็ได้รับเชิญมาที่นี่โดยไม่ทราบเหตุผล ยิ่งไปกว่านั้นผมก็เพิ่งจะพบกับคุณมู่หรงหลานวันนี้เอง!” หลินเฟิงผายมือของเขาออกและพูดออกมา


“เอาล่ะ นายไม่รู้เรื่องจริงๆ! เดี๋ยวฉันจะเล่าให้ฟังนะน้องชาย!” เถ้าแก่หวังมองดูซูหว่านเอ๋อและมู่หรงหลานที่อยู่ตรงหน้าของเขาและกระซิบที่หูของหลินเฟิง


“อ้อ ดีครับ ขอบคุณมากครับพี่ชาย รับทราบครับ!” หลินเฟิงกล่าว


หลินเฟิงถูกเชิญมาอย่างกะทันหัน และซูหว่านเอ๋อก็เพิ่งกล่าวเชิญเขาให้ร่วมรับประทานอาหารค่ำ และไม่บอกอะไรกับเขาเลย แต่ตอนนี้ก็เริ่มที่จะรู้อะไรมาทีละนิดแล้ว และหลังจากนี้ถ้ามีอะไรที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้น อย่างน้อยก็ไม่เสียหายอะไร


“ฉันอยากจะบอกนายว่า ซูหว่านเอ๋อเป็นหลานสาวของท่านผู้อำนวยการของกลุ่มเถียนจื่อ ซึ่งเป็นหนึ่งในสามกลุ่มยักษ์ใหญ่ของมณฑลฉิงเฟิง เธอเป็นหลานคนโปรดของท่านผู้อำนวยการ!” เถ้าแก่หวังกระซิบที่หูของหลินเฟิง


“หลานสาวของผู้อำนวยการของกลุ่มเถียนจื่องั้นหรือ? งั้นก็เป็นน้องสาวหรือพี่สาวของซูหยวนเฟิงใช่ไหมครับ?” ทันใดนั้นซูหยวนเฟิงก็ปรากฏเข้ามาในใจของหลินเฟิง


“ใช่ เอ นายรู้จักกับซูหยวนเฟิงงั้นหรือ?” เถ้าแก่หวังรู้สึกประหลาดใจอีกครั้ง


“เอาล่ะสิ นี่มันเป็นเพียงการพบปะกันจริงๆ!” หลินเฟิงกล่าวอย่างเก้ๆ กังๆ


หลายคนรู้จักหลินเฟิง แต่หลินเฟิงเองกับไม่ค่อยรู้อะไรสักเท่าไร มันเป็นความสัมพันธ์เพียงด้านเดียว


“แล้วตัวตนของมู่หรงหลานเป็นอย่างไรบ้างครับ?” หลินเฟิงถามขึ้นอีกครั้ง


“เอาล่ะ นี่มันยิ่งเป็นความลึกลับ พื้นหลังตัวตนของเธอนั้นเลยร้ายมาก ฉันขอถามอะไรนายก่อน ถ้านายรู้เกี่ยวกับสิ่งนี้อยู่แล้วฉันก็จะบอกนาย มิฉะนั้นแล้วถึงฉันบอกไปนายก็ไม่เข้าใจอยู่ดี!” หวังฮ่าวหมิงพูดอะไรบางอย่างที่ดูลึกลับ


“ลึกลับอะไรอย่างนี้!” หลินเฟิงถาม


“นายรู้จักคำว่าพลังไหม?” หวังฮ่าวหมิงยกมือขึ้นปิดปากและกระซิบที่หูของหลินเฟิง


“พลัง? ผมรู้จัก แต่ผมไม่เข้าใจ!” หลินเฟิงกล่าว


“นายรู้ ตราบใดที่นายรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะฉันเองก็ไม่ได้รู้ลึกขนาดนั้น!” เถ้าแก่หวังกล่าว


“ฉันจะบอกอะไรให้นายรู้ พลังของกลุ่มบริษัทยักษ์ใหญ่นั้นเหนือกว่าพวกเราคนธรรมดามาก พวกเขามีความสามารถเกินกว่าที่คิด พวกเขาสามารถควบคุมสายฟ้าและฟ้าผ่าได้ บางคนสามารถควบคุมไฟและน้ำได้ บางคนสามารถบินทวนสายลมได้...” เถ้าแก่หวังแนะนำพลังนั้นให้แก่หลินเฟิง


“นายรู้เรื่องนี้หรือเปล่า?” เถ้าแก่หวังถาม


“ผมก็รู้มาบ้าง แต่ไม่ทั้งหมด!” จริงๆ แล้วหลินเฟิงนั้นก็มีพลัง แต่เขาไม่รู้เรื่องมากเท่ากับหวังฮ่าวหมิง


“รู้แค่นิดหน่อย ฉันจะบอกอะไรนายให้นะ ท่ามกลางพลังทั้งหลาย มีอยู่ทั้งหมดสิบตระกูลที่น่ากลัว พวกเขาถูกเรียกว่า สิบตระกูลลี้ลับ พวกเขามีพลังเหนือพลังอื่นๆ มู่หรงหลานคนนี้ก็สมาชิกคนสำคัญของตระกูลมู่หรง!” เถ้าแก่หวังกระซิบ


“สิบตระกูลลี้ลับอย่างนั้นหรือ?” เมื่อได้ยินคำนั้น หลินเฟิงรู้สึกตกตะลึง เขาไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับเรื่องนี้มาก่อนเลย


“ยังไงก็ตาม พี่ชาย ท่านรู้เรื่องนี้ได้อย่างไร?” หลินเฟิงใคร่รู้ และหวังฮ่าวหมิงก็เข้าใจดี


“เอาล่ะ ก็เพราะว่าฉันมีเพื่อสองสามคนที่มีพลัง พวกเขาบอกเรื่องนี้กับฉัน!” เถ้าแก่หวังทำสีหน้าภูมิใจเมื่อมองมาที่หลินเฟิง


“อ้อครับ ดูเหมือนว่าเถ้าแก่หวังจะมีเครือข่ายกว้างขวางเหมือนกันนะครับ แถมยังมีเพื่อนที่พลังพิเศษอีกด้วย!” หลินเฟิงเยินยอ


“แน่นอนสิ ไม่เช่นนั้นแล้วนายคิดว่าจ้าวหลงและพ่อของเขา ที่กินคนเข้าไปแล้วยังไม่ถ่มกระดูกออกมา จะยอมจ่ายเงินค่าตกแต่งร้านใหม่ให้ฉันอย่างนั้นหรือ แน่นอนว่าเพื่อนของฉันที่มีพลังได้ช่วยฉันไว้ด้วยนะ ฮ่าฮ่า!” เถ้าแก่หวังกล่าวอย่างภูมิใจ


“เยี่ยมมากเลย!” หลินเฟิงกล่าวพร้อมกับกำกำปั้น


“ฮ่าฮ่า โอเค ถึงชั้นสามแล้ว ไว้เราค่อยคุยกันอีกครั้งหน้านะ ฉันขอตัวไปทำงานก่อน!” เมื่อพูดจบ เถ้าแก่หวังก็เดินจากไป


“เอาล่ะ หลินเฟิง ที่นี่เป็นที่จัดงานปาร์ตี้ของเรา เถ้าแก่หวังกับฉันของตัวไปทำธุระสักครู่นะ พี่หลาน ช่วยนั่งเป็นเพื่อนหลินเฟิงสักครู่นะ!” พอพูดจบซูหว่านเอ๋อและเถ้าแก่หวังก็เดินจากไป


“ขอโทษนะ หลินเฟิง ฉันขอตัวไปห้องน้ำก่อน คุณหาที่นั่งรอไปก่อนแล้วกันนะคะ” จากนั้นมู่หรงหลานก็เดินจากไป และชายชราก็เดินตามมู่หรงหลานไปที่ห้องน้ำและนั่งลง ไม่ขยับไปไหน


“โอเค เชิญตามสบายเลยครับ!” หลินเฟิงมองดูมู่หรงหลานเดินจากไปแล้วก็เดินไปหาโซฟานั่ง


“หืม หวู่เยว่(หว่อหยู)​ ไปหาที่นั่งกันเถอะ!” เมื่อจ้าวหลงเห็นหลินเฟิงไปหาที่นั่ง เขาเองก็ไปหาเก้าอี้นั่งเช่นกันซึ่งเป็นตำแหน่งตรงกันข้ามกับหลินเฟิง


หลินเฟิงไม่ได้สนใจจ้าวหลง แต่กลับรินน้ำชาดื่ม เขาเพิกเฉยกับการมีตัวตนของจ้าวหลงไปเลย


จ้าวหลงรู้สึกโมโหหลินเฟิงหลายต่อหลายครั้งแต่ถูกห้ามไว้โดยหวู่เยว่


“แม่งเอ้ย ฉันเหลืออดจริงๆ แล้วนะ!” จ้าวหลงใช้กำปั้นของเขาทุบลงไปที่โซฟา


“อย่าโมโหครับ นายน้อย! คุณจะฆ่าเขาเสียเมื่อไรก็ได้ แต่ไม่ใช่ตอนนี้ ถ้าคุณทำคุณก็จะเป็นศัตรูกับซูหว่านเอ๋อ นั่นยิ่งแย่เข้าไปใหญ่ แล้วมันก็จะยิ่งเป็นการเพิ่มความสนใจของคุณมู่หรงยิ่งขึ้นไปอีก นี่ผมพูดจริงนะ!” หวู่เยว่กล่าว


“ยังไงซะ คุณลืมที่เจ้านายบอกไปแล้วงั้นหรือ?” ทันใดนั้นหวู่เยว่ก็เตือนเขา


“คำของพ่องั้นหรือ?”


เมื่อได้ยินดังนั้น จ้าวหลงก็ตกใจและสงบลงในทันที เขาทบทวนภาพที่พ่อของเขาได้บอกเขาไว้ว่า:


“ปล่อยฉันออกไปนะ ปล่อยฉันออกไป!” จ้าวหลงตะโกนอยู่ในตึกที่สูงตระหง่านและสวยงามโอ่อ่า


“ออกไปสิ ออกไป! ถ้าแกออกไป แกมันก็เป็นแกะดำ แกจะได้รู้ถ้าออกไปและสร้างปัญหาให้กับฉันอีก!” ทันใดนั้นบ้านของจ้าวหลงก็ถูกถีบให้เปิดออกและชายวัยกลางคนก็เดินเข้ามาและตะโกนใส่


“พ่อ ผมรู้ว่าผมผิดไปแล้ว ครั้งนี้ผมจะไม่สร้างปัญหาอีก!” จ้าวหลงคุกเข่าลงบนพื้นและคลานขึ้นไปกอดขาของจ้าวป๋อเอาไว้


“แกมันไอ้ขี้แพ้ แกมันไร้ประโยชน์!” เมื่อเห็นท่าทางขี้ขลาดของจ้าวหลงแล้ว จ้าวป๋อแทบอยากจะเตะเขาให้ตายเลยทีเดียว


“งานอะไรก็ได้ ขอแค่พ่อไม่ขังผมไว้ที่กระท่อมหลังนี้ ผมจะทำให้ดีที่สุดเลยครับ!” จ้าวหลงสาบานต่อพ่อของเขา


“วันมะรืนนี้เป็นวันเกิดของซูหว่านเอ๋อ ได้ยินมาว่าจะมีหญิงสาวสองคนจากสุดยอดสิบตระกูลมาร่วมงานด้วย เจ้าจงไปและนำของขวัญไปแสดงความยินดีกับซูหว่านเอ๋และสร้างสัมพันธ์กับเธอ อย่าทำพังซะล่ะ!” จ้าวป๋อร้องออกมา


“ผู้หญิงสองคนจากสิบตระกูลงั้นหรือ?” จ้าวหลงรู้สึกตกตะลึง


“ใช่แล้ว ฉันจะโอนให้เงินแกทีหลังสองล้านหยวน ไปและเลือกของขวัญที่ดีที่สุดให้ซูหว่านเอ๋อ จำไว้ว่าประเด็นสำคัญคือสร้างสัมพันธ์กับสาวสองคนที่มาจากสิบตระกูลลี้ลับนั่น อย่าทำพังล่ะ เข้าใจไหม?” จ้าวป๋อเตือนเขาอีกครั้ง


“ผมทราบแล้วครับ...”


เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ จ้าวหลงจึงสงบล


แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น