CF:บทที่ 692 ยินยอม
ผลการต่อสู้นั้น สรุปได้ว่าดูลูถูกอู๋ฮ่าวเหรินดักทางได้หมด
กลุ่มของทหารซีซ่าร์และผู้อาวุโสนั้นต่างมองอู่ฮ่าวเหรินด้วยความเหลือเชื่อ
“นั่นมัน...มาจากอุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่หรือมาจากตัวเขาเองน่ะ?”
“ดูยังไงก็ไม่น่าใช่ถ้ามาจากอุปกรณ์ มันต้องมาจากคนๆนั้นแน่ๆที่ซ่อนความแข็งแกร่งไว้”
“...”
เมื่อได้ยินเสียงวิพากวิจารณ์เช่นนั้น อู๋ฮ่าวเหรินก็พูดอะไรไม่ออกเลย เหมือนว่าวัตถุประสงค์เขาจะยังไม่บรรลุเสียแล้ว เขาคิดอยู่ครู่หนึ่ง และดูเหมือนว่าการวัดประสิทธิภาพนี้คงต้องใช้ชาวซีซ่าร์ 2 คน แทน
“ผู้อาวุโส ฉันอยากจะทดสอบอีกครั้งหนึ่ง และคราวนี้ จะได้พิสูจน์ไปเลยว่ามันไม่ได้เป็นเพราะความแข็งแกร่งของฉัน”
“เข้าใจแล้ว เช่นนั้น คาร์ล่า เจ้าไปตามอันตูและดาร์ธมาที่นี่ ทั้งสองนั้นแข็งแกร่งพอๆกัน เพราะงั้นน่าจะสะท้อนให้เห็นถึงประสิทธภาพของชุดเกราะได้”
ไม่นานนักทหารทั้งสองที่ดูต่างจากคนอื่นมาโขก็เดินเข้ามา
“สองคนนี้เป็นปรมาจารย์การต่อสู้ของเหล่าทหารซีซ่าร์ หน้าที่หลักของพวกเขาคือฝึกซ้อมทหารด้วยการต่อสู้ระยะประชิด”
อู๋ฮ่าวเหรินพยักหน้า ทั้งสองนั้นดูโหดร้ายกว่าทหารคนก่อนอีก โดยเฉพาะเมื่อพวกเขามองมายังคนอื่นๆ ถึงจะไม่ได้อยากทำแต่พวกเขาก็มองไปยังจุดอ่อนของคนอื่นๆไว้เสียแล้ว
นี่ไม่ใช่คนที่ใครๆก็อยากจะสู้ด้วย ซึ่งเหล่าผู้ที่ฝึกฝนมานานต่างก็รู้กันดีเรื่องนี้
การปรากฏตัวของทั้งสองคนนั้นทำเอาหลายๆคนแปลกใจ นั่นเพราะว่าหลายๆคนในที่นี่เคยฝึกการต่อสู้ระยะประชิดกับพวกเขา
“เกิดอะไรขึ้น? ทำไมท่านผู้อาวุโสถึงเรียกปรมาจารย์ทั้งสองมาที่นี่?”
“เจ้านี่บอกว่าพวกเราสงสัยในประสิทธิภาพของเกราะนี่ เพราะงั้นเลยจะทดสอบใหม่โดยให้ปรมาจารย์สองคนมาสู้กันน่ะ ให้คนหนึ่งใส่เกราะ”
“อ๋า ฟังดูดีนี่ แบบนี้จะได้รู้ไปเลยว่าชุดเกราะนั่นมันดีไหม”
ในครั้งนี้ อู๋ฮ่าวเหรินให้อันตูสวมเกราะ ระหว่างนั้นเขาก็อธิบายวิธีใช้เกราะไปพลางๆด้วย
ชัดเจนเลยว่าปรมาจารย์การต่อสู้ระยะประชิดทั้งสองนั้นไม่เชื่อในคำพูดของอู๋ฮ่าวเหริน แต่อย่างไรก็ตาม พวกเขาก็ยังสนใจในชุดเกราะอยู่
“เกราะแบบนี้ ข้าเคยเห็นรุ่นพลเรือนอยู่ มันดูใช้กับงานผู้ช่วยทั้งหลายได้ดี เพราะงั้นทางกองทัพซีซ่าร์เองก็กำลังพิจารณาเรื่องเกราะพลเรือนเหมือนกัน”
“แต่อย่างไรก็เถอะ ข้าก็ยังไม่เชื่อเจ้า ที่บอกว่าเกราะนี่จะทำให้การต่อสู้นั้นแข็งแกร่งขึ้นไปได้อีก”
ดาร์ธหมุนชุดเกราะดูรอบๆก่อนจะส่ายหัว ยังไงๆเขาก็ดูไม่เชื่อคำที่อู๋ฮ่าวเหรินพูดอยู่ดีนั่นแหละ
“อันตู นายต้องเข้าไปในนี้ก่อนเพื่อปรับแต่งเกราะ ฉันมั่นใจว่านายน่าจะเข้าใจถึงพลังของชุดเกราะในเร็วๆนี้”
อันตูเดินเข้าไปยืนอยู่ตรงหน้าชุดเกราะ และเมื่อเข้ายืนเผชิญหน้ากับมัน เกราะทั้งชุดก็สวมทับเข้าไปกับร่างของเขาทันที ด้วยระบบที่วางไว้โดยที่ไม่ต้องให้ใครช่วยใส่
ขั้นแรก เขาลองเดินดู 2-3 ก้าว จากนั้นก็ลองขยับท่วงท่าการต่อสู้ง่ายๆดู
“ดาร์ธ ข้ารู้สึกว่า ข้าสามารถล้มเจ้าในการขยับครั้งเดียวเลย ต่อให้หัวหน้าเข้ามา ข้าก็คิดว่าหัวหน้าก็ไม่มคณามือข้า...”
เมื่อดาร์ธได้ยินคำพูดของอันตู เขาก็ดูเปี่ยมไปด้วยคำถามต่างๆนาๆเต็มไปหมด “อุปกรณ์ชิ้นนี้ทรงพลังจริงๆงั้นเหรอ?”
“อืม...ข้าไม่เชื่อเลยจนกระทั่งตอนนี้ แค่ได้ลองใส่ทำนู่นทำนี่นิดหน่อยข้าก็รู้สึกถึงพลังที่อยู่ในอุปกรณ์ชิ้นนี้ เอาล่ะ เรามาเริ่มกันดีกว่า ให้ท่านผู้อาวุโสได้เห็นกับตา”
เสียงของอันตูนั้นดังออกมาจนเหล่าทหารได้ยินกันถ้วนหน้า พวกเขานั้นไม่เชื่อที่อันตูพูดรวมไปถึงไม่เชื่อที่อู๋ฮ่าวเหรินพูดด้วย
และเมื่อผลลัพธ์ออกมา ทุกคนก็แสดงสีหน้าเหมือนเห็นผีกันหมด
แมทช์นี้เริ่มเมื่ออู๋ฮ่าวเหรินให้สัญญาณ และเมื่อันตูพุ่งเข้าไปยังฝั่งของดาร์ธด้วยความเร็วที่น่าเหลือเชื่อ ก่อนที่อีกฝ่ายจะได้โต้ตอบ เขาก็โดนซัดเข้าจุดอ่อนไปซะแล้ว
ขณะที่ทุกอย่างกำลังอยู่ในช่วงอ้ำอึ้ง ดาร์ธนั้นไม่มีโอกาสที่จะได้โต้ตอบเลย มันแข็งแกร่งมากๆ แข็งแกร่งกว่าตอนที่อู๋ฮ่าวเหรินใส่อีก
“เร็วมากเลย!”
“เกิดอะไรขึ้นน่ะ!? เมื่อกี้มันปีศาจหรือไง! ข้าจับความเร็วของปรมาจารย์อันตูไม่ได้เลย!“
“ถ้านี่เป็นสนามรบ นั่นหมายถึงปรมาจารย์ดาร์ธถูกฆ่าโดนปรมาจารย์อันตูไปแล้วล่ะสิ!!”
ไม่เพียงแค่เหล่าทหารรอบๆที่ตกใจ หากแต่ผู้อาวุโสเองก็ตกใจไม่แพ้กันด้วย พวกเขารู้แจ้งแล้วจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับปรมาจารย์ทั้งสอง
ถ้านี่เป็นการฝึกซ้อมเพื่อเข้าร่วมสงครามปกติ ทั้งสองคงจะเสมอกัน ไม่มีทางที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะเผด็จศึกได้เร็วขนาดนี้
“แข็งแกร่ง แข็งแกร่งจริงๆ”
“ข้าแทบไม่อยากจะเชื่อเลย ไอเจ้าเครื่องนั่นมันทำได้ขนาดนี้เชียว”
“ถ้าเกราะในวีดิทัศน์นั่นมีอยู่จริง สงสัยสงครามอวกาศในอนาคตคงต้องเปลี่ยนแปลงแน่ๆ”
ทั้งสองนั้นเป็นทหารซีซ่าร์ระดับปรมาจารย์ เพราะงั้นถ้าเกิดเหตุการณ์นี้ต่อหน้าพวกเขา มันคงจะไม่มีปัญหาอะไร
แต่ในกรณีที่ต้องเผชิญหน้ากับชุดเกราะที่แข็งแกร่งแบบนี้ ทางผู้อาวุโสแห่งซีซ่าร์เองก็รู้สึกตื่นตระหนักขึ้นมานิดๆ ถ้าเกิดทหารซีซ่าร์ได้สวมชุดเกราะนี้กันหมด โอกาสในการรอดชีวิตระหว่างการต่อสู้ก็จะมีมากขึ้นไปอีก
ไม่ว่าจะเป็นการต่อสู้ระยะประชิด หรือการต่อสู้ภาคพื้นดินที่ต้องตะลุมบอน เขาสามารถวางใจได้
ต้องร่วมมือ! ต้องร่วมมือกับอู๋ฮ่าวเหริน ในอนาคต ถ้าเขาสามารถเรียนรู้ชุดเกราะแบบในวีดีโอนั่นได้ สิ่งๆนี้จะเปลี่ยนโฉมพันธมิตรจักวาลทั้งหมดเลย
และนี่คือเหตุผลที่ทำไมชาวซีซ่าร์ถึงไม่ขยายอาณาเขต นั้่นเพราะว่ามันยังมีอารยธรรมระดับสูงที่คอยจับตามองเขาอยู่
ถ้าเมื่อไหร่พวกเขาเริ่มขยายตัว เหล่าอารยธรรมระดับสูงพวกนั้นจะคอยเฝ้าดูหาจังหวะถล่มพวกเขาได้ตลอดเวลา
อย่างไรก็ตาม ถ้าเกิดชาวซีซ่าร์ทั้งหมดนั้นใช้เกราะที่แข็งแกร่งนี้ พวกเขาก็จะมีความแข็งแกร่งที่ทัดเทียมที่สามารถสู้กับพวกอารยธรรมระดับสูงได้
“แข็งแกร่ง”
ดาร์ธมองไปยังอันตูและเขาเป็น 1 ในผู้ที่รับรู้เรื่องนี้ได้ด้วยตัวเอง
เขารู้จักอันตูมากกว่าใครๆ และเมื่อตอนอันตูโจมตีเขา เขาทำไม่ได้แม้จะตอบโต้อะไร นั่นแสดงให้เห็นว่าเกราะนี่แข็งแกร่งขนาดไหน
หลังจากที่อู๋ฮ่าวเหรินให้ข้อมูลพื้นฐานของเกราะกับอันตูไป เขาก็ตามผู้อาวุโสเข้าไปด้านใน
กลุ่มของทหารถูกปล่อยไว้ด้านนอก พวกเขากำลังรุมล้อมชุดเกราะนั้นอยู่ และแต่ละคนต่างก็อยากลองไม่แพ้กัน
“ผู้อาวุโส คิดว่ายังไงบ้างกับเรื่องที่ฉันพูดไว้ก่อนหน้านี้”
“เราตัดสินใจแล้วว่า ว่าจะอนุมัติให้ท่านสามารถจ้างทหารซีซ่าร์ไปได้ แต่ท่านต้องทำให้เรามั่นใจ ว่าทหารที่รับจ้างไปนั้น จะทำหน้าที่แค่ปกป้องเขตแดนของท่านเท่านั้น หาใช่เอาไปใช้สำหรับการต่อสู้กับอารยธรรมอื่น”
“ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว เป้าหมายของฉันที่จ้างทหารซีซ่าร์ก็เพราะต้องการจะป้องกันเขตแดนที่กำลังพัฒนาอยู่เฉยๆ”
อู๋ฮ่าวเหรินคิดว่า ในขั้นตอนนี้ เขายังไม่จำเป็นต้องไปถล่มอารยธรรมอื่น
ต่อมา ทั้งสองพูดคุยกันเรื่องข้อตกลงแบบพิเศษที่จะเกิดขึ้นเร็วๆนี้
และสิ่งต่อไปที่ต้องทำ ซึ่งเป็นสิ่งหลักที่ถ้าหากไม่ทำจะไม่สามารถพัฒนาอย่างอื่นต่อได้ นั่นคือการแก้ปัญหาอารยธรรมคาร์ล
บางสิ่งบางอย่างที่ผิดพลาดที่ซึ่งเกิดขึ้นกับเลนตี้ ดูเหมือนจะเป็นบางสิ่งบางอย่างที่ผิดพลาดที่กำลังจะเกิดขึ้นกับยานรบของคาร์ลที่อยู่ด้านนอกบลูสตาร์
ยิ่งไปกว่านั้น พวกคาร์ลได้ยื่นคำขาดกับผู้คนบนบลูสตาร์ไปแล้ว
หลังจากที่ได้รับรู้ถึงเหตุการณ์ อู๋ฮ่าวเหรินก็ไม่สามารถเสียเวลาเพิ่มบนดวงดาวเซลติกนี้ได้ ดังนั้นเขาจึงบอกผู้อาวุโสไปตามตรง
เมื่อเขาออกมา อู๋ฮ่าวเหรินก็นำกำลังที่แข็งแกร่งทั้งสองมุ่งตรงไปยังเขตแดนโหยวโรหลานต่อไป
ขณะที่นั่งอยู่บนยานอวกาศ อู่ฮ่าวเหรินก็คำนวนค่าใช้จ่ายที่ใชัไปกับครั้งนี้ด้วยพลางๆ ซึ่งนั่นทำให้เขาปวดหัวไม่น้อยเลย
มันใช้เป็น 10% ของการสร้างฐานผลิตยานอวกาศเลย การต่อสู้ครั้งนี้ไม่ควรทำให้เขาต้องจ่ายถึง 10% แบบนี้
แน่นอนว่าเม็ดเงินที่ไหลไปส่วนใหญ่นั้นหมดไปกับค่าใช้พลังงาน
“อ่า...ถ้าฉันไม่สามารถหาทุนมาคืนส่วนที่เสียไปได้นี่จากเหล่าบลูแมน ดูท่าธุรกิจฉันคงจะเสียทุนทรัพย์ก้อนใหญ่ไปเลย”
อู๋ฮ่าวเหรินแจ้งไปยังเหล่าอารยธรรมที่อยู่ปลายทาง ว่าพวกเขานั้นพร้อมที่จะกระทำการบางอย่างทุกเมื่อแล้ว
0 ความคิดเห็น