CF:บทที่ 683 กองกำลังที่ถูกทำลายล้าง
กลุ่มคนไปรวมตัวกันภายในอาคารพาณิชย์ทรงหรูหราแห่งหนึ่งบนเขตแดนคีตั้น ที่ซึ่งตระกูลอัลต้าตั้งอยู่ มองไปยังข้อมูลที่ฉายอยู่บนจอแสงที่อยู่เบื้องหน้าพวกเขา สีหน้าที่ปรากฏก็ดูไม่ดีเสียเท่าไหร่
“บ้าเอ้ย มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย! ไอ้พวกกองกำลังจากตระกูลเล็กๆพวกนี้ ทำไมถึงมีเทคโนโลยีระดับนั้นได้!”
“ยังไงก็เถอะ ตอนนี้ส่วนแบ่งทางการตลาดของเราก็ถูกพวกมันยึดไปหมดแล้วนะ”
“จะให้นิ่งเฉยอยู่ได้ยังไง พวกเราต้องรีบหาทางโต้กลับแล้ว!”
“แล้วจะโต้กลับยังไง? เทคโนโลยีของเราด้อยกว่าเจ้าพวกนั้นอีก ไม่มีทางเลยที่จะโต้กลับได้”
ชายสูงวัยตัวเตี้ยนั่งอยู่บนเก้าอี้สูงและมองไปยังข้อมูลบนจอแสงนั้นก่อนจะถามขึ้นอย่างใจเย็น “พวกนายคิดออกกันหรือยัง?”
ด้านหลังเขามีชายวัยกลางคนหน้าตาดูมืดมนเหมือนปีศาจยืนอยู่
“ท่านผู้นำกำลังจะบอกว่า เทคโนโลยีพวกนี้น่าจะมาจากฟิวเจอร์กรุ๊ป ยิ่งไปกว่านั้นพวกนี้ก็ติดต่อกับฟิวเจอร์กรุ๊ปอยู่ด้วย”
“เห้ยๆ นี่ต้องเป็นเจ้านั่นแน่ๆ! มันล้างแค้นเราสินะ!!”
ในยุคนี้ เพราะการใช้ตระกูลเล็กๆพวกนี้เข้าโต้กลับ จะทำให้ไม่มีทางที่ปัญหาจะมาถึงอู๋ฮ่าวเหรินได้
และก็เป็นดังที่เห็น ตระกูลเล็กๆพวกนี้ที่เข้ามาสร้างปัญหา สาเหตุก็น่าจะมาจากเขาคนนั้น
“แล้วจะทำยังไง? ถ้าเจ้านั่นหนุนหลังพวกนี้อยู่จริง สถานการณ์นี่จะพาเราถึงจุดจบได้ง่ายๆเลยนะ”
“ถ้างั้นเราก็ไปฆ่าเจ้านั่นกันดีกว่า!”
ทุกคนในห้องทำเป็นไม่ได้ยินคำพูดนั้น นั่นก็เพราะว่าถ้าอยากจะฆ่าใครในตอนนี้ก็ต้องมีความสามารถที่จะทำได้ด้วย
เขาไม่เห็นด้วย หรือแม้แต่การถอนค่าหัวของอู๋ฮ่าวเหรินออกจากโลกมืด มันก็จะทำให้พวกเหล่ากองกำลังใหญ่ๆที่ต้องการค่าหัวอู๋ฮ่าวเหรินหันมาตามล่าพวกเขาแทนแน่ๆ
“ส่งใครซักคนไปบอกเจ้านั่นว่าเราขอสงบศึก”
“ถ้าจะทำอย่างงั้นก็ช่วยไปบอกพวกตระกูลเล็กๆด้วยว่าถ้ากล้ามายุ่งกับตลาดของเราอีกล่ะก็ โดนขับไล่ออกจากเขตแดนคีตั้นแน่”
เพราะพวกเขาแข็งแกร่งพอที่จะพูดแบบนั้นได้ หากเทียบกับความยิ่งใหญ่แล้ว อัลตาถือว่าใหญ่เป็นอันดับ 2 ในคีตั้นเลย
พวกตระกูลเล็กๆนี่พวกเขาไม่เคยสนใจเลย หากไม่ใช่กลัวว่าตระกูลที่ใหญ่ที่สุดจะลงมาเล่นงานพวกเขาแทน ตระกูลเล็กๆพวกนี้คงถูกเฉดหัวส่งไปแล้ว
ขณะที่เหล่าตระกูลอัลตากำลังคุยกันเรื่องนี้อยู่
อีกส่วนหนึ่งของเขตแดนคีตั้น กลุ่มพันธมิตรเล็กๆที่ติดตามอู๋ฮ่าวเหรินก็เริ่มดำเนินแผนขั้นต่อไปของเขาแล้ว
“พวกเราต้องทำให้มันชัดเจนนะ เพราะนี่คือจุดประสงค์สำคัญที่ทำให้เราต้องเผชิญหน้ากับกองกำลังพวกนั้น ด้วยข้อมูลนี่ นายไปหาผู้บริหารเขตแดนคีตั้น ไปบอกพวกเขาว่าเราจะแบ่งผลประโยชน์ให้ 20% แลกกับการที่เขาต้องช่วยปกป้องธุรกิจถูกกฏหมายของเราในเขตแดนคีตั้นนี้“
“เข้าใจแล้ว เวลานี้พวกเราต้องชัดเจนที่สุดกับคนเหล่านั้น เพราะเราโดนเอาเปรียบมาหลายปีแล้ว! นี่เป็นเวลาแห่งการชำระแค้น!”
“ฮ่าๆๆ ไอ้คนที่เหมือนหมาป่านั่นขโมยเทคโนโลยีของบริษัทฉันไป! เป็นอะไรที่น่ารังเกียจมาก พวกมันคงไม่คิดล่ะสิ ว่าซักวันหนึ่งฉันจะกลับมาเอาคืนน่ะ!”
“การที่เราจะเริ่มโจมตี พวกเราต้องเอาข้อตกลงนี่ ไปให้เหล่าผู้บริหารในเขตคีตั้นก่อน บางทีมันอาจจะนำพาผลลัพธ์ที่ไม่คาดคิดมาให้เราก็ได้นะ”
ด้วยเอกสารนั้น คนเหล่านี้เริมติดต่อเข้าไปยังฝ่ายบริหารของเขตแดนคีตั้น
ชั้นเจนเลยว่าการที่พวกเขาจะยกผลประโยชน์ให้ 20% นั้นดึงความสนใจคนเหล่านั้นได้อย่างมาก
ยิ่งไปกว่านั้น 20% หากเทียบกับคำขอที่ต้องการจะให้ทางฝ่ายบริหารช่วยปกป้องธุรกิจถูกกฏหมายของพวกเขาจากการโดนกลั่นแกล้งโดยคนอื่นนั้น นับว่าคุ้มเสียมากๆ
เพราะว่าทุกอย่างมันเร่งรีบมากๆ พวกตระกูลอัลตาจึงไม่ได้รู้ถึงการกระทำนี้
พวกเขามัวแต่เร่งรีบที่จะจัดการพวกตระกูลเล็กๆ เพื่อที่จะหักล้างกับความพ่ายแพ้ที่เกิดขึ้นก่อนหน้า เพราะงั้นเขาจึงไม่ได้ไปพบเหล่าผู้บริหารแห่งเขตแดนคีตั้น
เรื่องพวกนี้ พวกเขาได้ทำมันมาก่อนหน้าแล้ว เพราะงั้นในสายตาของพวกเขา มันเลยไม่จำเป็นต้องเสนอหน้าไปให้เหล่าผู้บริหารเห็นหน้าก็ได้
ตราบใดก็ตามเมื่อเรื่องนี้จบและพวกเขายอมแบ่งผลประโยชน์ ปัญหาก็จะจบไปด้วย
ความคิดผิดๆแบบนี้มันเกิดขึ้นจากความโลภในจิตใต้สำนึก และนี่จะนำพาพวกเขาไปยังหายนะที่ทำลายล้างพวกเขาเอง
พวกเขารีบเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว และเริ่มเอาของที่เหล่าตระกูลเล็กๆวางขายไว้ในตลาดออก
ในเวลาเดียวกันก็เริ่มใช้เส้นสายของพวกเขาเองในการป้ายสีเหล่าตระกูลเล็กๆเหล่านั้น
ด้วยความร่วมมือของคนที่อยู่ในกลุ่มผู้บริหารเขตแดน เหล่าตระกูลเล็กๆจึงต้องพบกับความยากลำบากอย่างมากถึงจะเตรียมตัวมาแล้วก็ตาม
ต่อหน้ากองกำลังที่ขึ้นชื่อว่าแกร่งที่สุดที่ซึ่งพัฒนาตัวเองมานานกว่า 1000 ปี ถึงแม้ว่าพวกเขาจะเตรียมการป้องกันขนาดไหน แต่อย่างไรก็ต้องมีจุดบกพร่องอยู่
หลังจากที่อู๋ฮ่าวเหรินรู้สถานการณ์ทางฝั่งตระกูลเล็กๆ เขาก็หัวเราะออกมา
“ถ้าพวกเขาไม่ยอมทำตาม พวกเขาได้ตายแน่ๆ”
“เมื่อต้องเผชิญหน้ากับตระกูลพวกนี้ ผู้บริหารแห่งคีตั้นนั้นต่างก็กลัวการแข็งข้อของคนเหล่านี้อยู่แล้ว เพราะงั้นหากให้โอกาสพวกผู้บริหารได้กล่าวขอโทษ มีเหรอที่พวกเขาจะไม่ยอมทำเพื่อให้ได้มาซึ่งผลประโยชน์?”
อู๋ฮ่าวเหรินนั้นค่อนข้างจะมั่นใจเลยว่าตระกูลอัลตานั้น ไม่รู้ว่าเทคโนโลยีที่อยู่ในมือของตระกูลเล็กๆคืออะไร และนี่คือสิ่งที่ทำให้ปัญหามันประทุขึ้นมา
ในสายตาของพวกเขามองว่าตัวพวกเขาเองมีผลกับเศรษฐกิจของคีตั้น เพราะงั้นถ้าพวกเขามีปัญหา ทั่วทั้งคีตั้นก็จะมีปัญหาไปหมด
แต่นั่นเป็นเพราะพวกเขานั้นดื้อด้านเอง สิ่งที่พวกเขานั้นยังไม่รู้ก็คือ หากตระกูลเล็กๆเหล่านั้นได้รับการพิจารณาเกี่ยวกับเทคโนโลยีและท้ายสุดได้รับการขนาดนามว่าเป็นเจ้าแห่งเทคโนโลยีแล้วล่ะก็ มันต้องเกิดการแทนที่บทบาทกันในเขตแดนแน่ๆ พวกเขาจะกลายเป็นผู้ที่อยู่เบื้องล่างทันที
ในตอนที่เหล่าตระกูลเล็กๆสูญเสียเป็นตอนที่เหล่าตระกูลอัลตากำลังจัดงานเลี้ยงเฉลิมฉลอง ช่วงนั้นมีคนบางกลุ่มที่หาวิธีต่อรองกับอู๋ฮ่าวเหรินหลังจากที่รับรู้สถานการณ์ของเหล่าตระกูลเล็กแล้ว
ผู้บริหารคีตั้นนั้นแต่เดิมก็เข้าร่วมมือกับตระกูลเล็กอยู่แล้ว เขาเริ่มทำอะไรบางอย่าง คนพวกนี้นั้นน่ากลัว พวกเขารวบรวมข้อมูลของกองกำลังแห่งอัลตาภายในช่วงเวลานั้น
จากนั้นข้อมูลทั้งหมดก็ถูกส่งขึ้นไปยังผู้มีอำนาจแห่งเขตแดนคีตั้นซึ่งสามารถออกหมายจับกองกำลังนี้ได้ทันที
ในกรณีนี้ต่อให้พวกเขาจะดิ้นรนอย่างไรก็ไม่สามารถหนีได้แล้ว
โรงแรมที่หรูหราที่สุดภายในเขตแดนคีตั้น โรงแรมนี้เป็นของตระกูลอัลตา ในตอนนี้ผู้คนมากมายกำลังรวมตัวกันอยู่ภายในนี้ งานเลี้ยงเฉลิมฉลองถูกจัดขึ้นในขณะเดียวกันก็คุยกันเรื่องทีว่่าจะจัดการตัวเจ้าปัญหาอย่างอู๋ฮ่าวเหรินอย่างไรดี
ประตูถูกถีบเข้ามาจากด้านนอกโดยเหล่าทหารติดเกราะ พวกเขาวิ่งเข้ามาด้านในทันทีซึ่งทำให้คนภายในนั้นงุนงงและโดนคุมตัวไว้โดยที่ยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
“พวกนายเป็นใคร! ไม่รู้หรือไงว่าที่นี่เป็นสินทรัพย์ของพวกเราตระกูลอัลตาน่ะ! พวกนายมันอาชญากรรม! รู้ตัวหรือเปล่า!!” คนของตระกูลอัลตากู่ร้องต่อทหารที่คุมตัวพวกเขาไว้
ชายวัยกลางคนในชุดทหารที่ติดตราและถืออาวุธต่างกับทั่วๆไปเดินเข้ามาจากด้านนอก
“อาชญากรงั้นเหรอ? พวกนายดูเหมือนจะลืมไปแล้วสินะว่าคีตั้นนั้นเป็นของใคร นี่คืออำนาจสูงสุด หมายจับสำหรับพวกนายไง เพราะงั้นต่อให้ฉันฆ่าพวกนายตอนนี้ ฉันยังไม่ถูกเรียกว่าเป็นอาชญากรเลย”
ชายวัยกลางคนเหลือบมองคนเหล่านั้นก่อนจะพูดอย่างดูถูก “ถ้าไม่ใช่เพราะอิทธิพลของพวกนายที่มีผลต่อเศรษฐกิจล่ะก็ พวกนายคงจะถูกส่งลงนรกไปแล้ว จับตัวพวกมันไป อย่าให้มีใครเหลือ”
ในตอนนั้นใครบางคนก็ติดต่อไปยังนอกดวงดาวเพื่อจะรายงานสถานการณ์
พวกเขานั้นไม่โง่ การที่เกิดเรื่องพวกนี้กับพวกเขา แสดงว่ามีใครซักคนบงการคนเหล่านี้เพื่อทำอะไรบางอย่างกับเขาแน่ๆ
แน่นอนว่าพวกเขาไม่รู้เลยว่า อะไรก็ตามที่ทำไว้กับพวกตระกูลเล็กๆ จะถูกอู๋ฮ่าวเหรินตลบกลับแบบนี้
และเมื่อกองกำลังพวกนี้ถูกจับ เหล่าตระกูลเล็กผู้ที่ซึ่งเคยโดนปราบปรามจนต้องก้มหลังให้เพราะความกลัวเริ่มที่จะเอาเรื่องบ้างแล้ว
พวกเขาไม่ให้โอกาสแก่ตระกูลนี้ ดังนั้นจึงใช้จุดนี้ชิงเอาความได้เปรียบในการครอบครองการตลาดทั้งหมดของคีตั้นเอาไว้ในทันที
ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อวันที่จะได้ร่วมงานกับอู๋ฮ่าวเหรินมาถึง พวกเขาก็เตรียมพร้อมสำหรับวันนั้นแล้ว
0 ความคิดเห็น