CF:บทที่ 643 โบราณสถานที่ดี
ยานอวกาศส่วนตัวค่อยๆเทียบท่าเข้าไปที่ท้องฟ้าที่ระยิบระยับไปด้วยแสงดาว รอบๆนั้นถูกห้อมล้อมไปด้วยเนบิวล่ารูปทรงแปลกๆเหมือนเป็นวงแสง
หลังจากที่จัดการกับกองกำลังของตระกูลอัลตาไปแล้ว อู๋ฮ่าวเหรินก็เข้าไปยังบริเวณของดวงดาวตามที่แผนที่ดวงดาวระบุไว้โดยพวกที่อยู่ในโลกอนาคต
“แน่ใจนะว่านี่คือใช่ละแวกนี้น่ะ ไม่เห็นมีอะไรพิเศษเลยนี่!”
“ไม่มีอะไรพิเศษงั้นเหรอ? นายไม่เห็นหรือไงว่ามันไม่มีดาวดวงอื่นอยู่เลยในพื้นที่นั้น ยิ่งไปกว่านั้นแสงดาวที่เล็ดรอดเข้ามาในน่านฟ้านั้นก็ริบหรี่เอามากๆเสียด้วย”
หลังจากที่นักวิจัยพูดเตือน มันก็ทำให้อู๋ฮ่าวเหรินเอะใจได้ว่ามันเป็นแบบนั้นจริงๆ
มันมีกลุ่มดาวแบบนี้มากมายอยู่ในเอกภพนี้ กลุ่มดาวที่ไม่มีดาวฤกษ์เป็นส่วนประกอบ เพราะงั้นมันจะอับแสงเช่นนี้อยู่แล้ว
ถ้าหากจะให้เกิดการส่องแสงล่ะก็ มันจำเป็นต้องมีดาวฤกษ์
“เอาล่ะ นายทำได้ ตอนนี้นายน่าจะเปิดโบราณสถานได้เลย”
“เข้าใจแล้ว”
อู๋ฮ่าวเหรินคิด ขอให้อย่าเกิดอุบัติเหตุอะไรขึ้นมาเลย เขาเองก็ยังไม่อยากจะตายซักเท่าไหร่
อุปกรณ์ถูกส่งออกมาจากยานอวกาศโดยหุ่นยนต์จากนั้นก็ค่อยๆรวมเข้าด้วยกัน
อู๋ฮ่าวเหรินมองไปยังหินพลังงานเหล่านั้นแล้วก็รู้สึกเศร้า แต่อย่างไรก็ตามจนกว่าเราจะได้มาซึ่งเทคโนโลยีที่หลับไหลอยู่ภายใต้โบราณสถานแห่งนั้น ทุกสิ่งทุกอย่างถือว่าคุ้มค่าแล้ว
ขณะที่เขากำลังทำมัน นักฆ่าที่รับงานลอบสังหารเขาเพื่อค่าหัวที่สูงลิ่วต่างก็กำลังตามหาเขาอยู่ด้วย
อู๋ฮ่าวเหรินปลอมแปลงตัวตนก่อนจะมายังพื้นที่หมู่ดาวแห่งนี้ นั่นเพราะว่าเขาไม่อยากให้โบราณสถานถูกระเบิดทิ้งเร็วเกินไปเพราะการแห่กันมาฆ่าเขา อย่างน้อยๆก็อยากจะสำเร็จภารกิจก่อน แล้วจะระเบิดทิ้งหรืออะไรก็ค่อยว่ากัน
อีกใจหนึ่งก็เพราะเขาไม่อยากสำรวจโบราณสถานด้วยตัวคนเดียว แน่นอนว่าเขาไม่อยากใช้ประโยชน์จากอารยธรรมชั้นสูงทั้งสามที่อยู่รอบๆตัวเขา ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจเผยแพร่ข้อมูลของโบราณสถานแห่งนี้ออกไปเพื่อให้ทุกคนเข้ามาสำรวจที่นี่
ดูเหมือนว่าอุปกรณ์ของเขาจะเชื่อมต่อเสร็จแล้ว อู๋ฮ่าวเหรินจึงค่อยๆใส่หินพลังงานทั้งหมดลงไปจนไม่เหลือ
และเมื่อหินพลังงานพวกนั้นถูกใส่ลงไป อุปกรณ์ของเขาก็เริ่มทำงานท่ามกลางดวงดาวที่ห้อมล้อมพวกเขาไว้
คลื่นแสงประหลาดปรากฏขึ้นเป็นระลอกเหมือนผิวน้ำที่มีอะไรไปกระทบ ซึ่งมันสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าเลย
คลื่นแสดงเหล่านั้นสั่นไหวเร็วขึ้นเรื่อยๆ อู๋ฮ่าวเหรินคนพบว่าภายใต้คลื่นแสงที่สั่นเป็นผิวน้ำโดนกระทบนี้ ดวงดาวที่อยู่รอบๆต่างเริ่มที่จะสั่นคลอนไปมาด้วย ราวกับมันกำลังจะแตกออกเสียอย่างนั้น
เพียงไม่นานเขาก็ยังพบอีกว่าจักรวาลรอบๆตัวเขาเกิดการแตกร้าวขึ้นมาแล้ว
“ไปกันเถอะ”
ก่อนจะรู้ว่าควรเริ่มเมื่อไหร่ การแตกหักของห้วงจักรวาลนั้นทำให้เขาตัดสินใจรีบไปต่อทันที
เมื่อนั้นเงาดำปริมาณมหาศาลก็พวยพุ่งออกมาจากรอยแตกเหล่านั้นและกลืนกินทุกสิ่งอย่างที่อยู่ใกล้ๆลงไปจนไม่สามารถมองเห็นได้อีก
อย่างไรก็ตามตอนนี้อู๋ฮ่าวเหรินเองไม่ได้คิดถึงเงาดำนั่นเลย แต่เขาเองก็เข้าใจแล้วว่าทำไมแถวนี้ถึงไม่มีดาวฤกษ์
ถึงแม้ว่าโบราณสถานขนาดใหญ่นี้ยังถูกปิดกั้นไว้อยู่ในต่างห้วงเวลาและอวกาศ แต่เมื่อมันถูกเปิดอีกครั้ง ทุกห้วงเวลารวมถึงทุกจักรวาลต่างก็รับรู้ได้พร้อมๆกันถึงการมีอยู่ของมัน นั่นเพราะว่ามันทำให้ฟากฟ้านั้นเกิดแสงดาวสว่างขึ้นมา
“จิ๊ส์ ดูเหมือนจะไม่เงียบซะแล้วแฮะ!”
อู๋ฮ่าวเหรินรับรู้ได้ว่า การที่สิ่งที่มีขนาดใหญ่อย่างโบราณสถานแห่งนี้ปรากฏขึ้นบนฟ้ากฟ้า และตราบใดก็ตามที่พวกที่มีอารยธรรมขั้นสูงกว่าไม่ใช่พวกโง่ อีกไม่นานพวกเขาต้องรู้แน่ว่าเกิดอะไรขึ้น
“ไม่เคยเจอเจ้าโบราณสถานนี่มาก่อนเลยแฮะ แต่ตอนนี้รีบไปหาทางเข้าก่อนเถอะ นายต้องเข้าไปให้ได้ก่อนที่พวกอารยธรรมชั้นสูงจะแห่กันมานะ”
ถ้าเป็นแบบนั้นโอกาสก็มีแค่ครั้งเดียวเท่านั้น ถ้าพลาดครั้งนี้ก็คงจะไม่สามารถแก้มือได้อีก
อู๋ฮ่าวเหรินเข้าใจดีว่าถ้าให้พวกอารยธรรมชั้นสูงนั้นมาเจอมีหวังได้ถูกจับแน่ๆ แต่การที่จะแอบเข้าไปโดยไม่ให้พวกนั้นรู้ก็เป็นไปไม่ได้อีก
มองไปยังภาพของโบราณสถานที่ถูกส่งมาในกลุ่มซองแดง อู๋ฮ่าวเหรินก็รีบตามไปยังเส้นทางที่จะพาเขาไปสู่ทางเข้าโบราณสถานให้เร็วที่สุด
หลังจากที่เขาเก็บอุปกรณ์นั้นแล้วเขาก็รีบขับยานอวกาศนั้นไปอย่างรวดเร็ว
ในตอนนี้อารยธรรมชั้นสูงอย่างซุยหมิงผู้ที่ซึ่งอยู่ในภูมิภาคนี้ได้ค้นพบเจ้าสิ่งนี้แล้ว
สำหรับอารยธรรมชั้นสูงแล้ว คงจะพูดได้ไม่เต็มปากว่ารู้ถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นทุกอย่างในพื้นที่ของพวกเขา แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อเงาดำขนาดใหญ่นั้นปรากฏขึ้นในตำแหน่ง พวกเขาเองก็เพิ่งจะพบความผิดปกติเช่นนี้ครั้งแรก
ข่าวนี้กระจายไปถึงหูของเจ้าหน้าที่ของซุยหมิงในเวลาอันสั้น ท่ามกลางโถงซุยหมิง เหล่านักบวชต่างก็เข้าใจเป็นทางเดียวกันว่านี่คือสัญญาณของการปรากฏขึ้นของโบราณสถาน
“เร็วเข้า ส่งทีมซ่อมแซมไป นี่เป็นสัญญาณของโบราณสถานแน่ๆ ภายใต้พื้นที่การปกครองของพวกเรา อย่าให้อีก 2 อารยธรรมได้เข้าไปถึงก่อน!”
“รับทราบ!”
ความแปรผันของห้วงจักรวาลนั้นกระจายวงกว้างขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งนั่นมันแสดงให้เห็นว่ามีการปรากฏขึ้นของโบราณสถาน แน่นอนว่าอีก 2 อารยธรรมเองก็น่าจะรับรู้เรื่องนี้แล้ว
แต่กระนั้นถึงจะรู้ว่ามีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้น แต่พวกเขาก็ยังไม่รู้ว่ามันเป็นโบราณสถาน เพราะงั้นจึงยังไล่สอบถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่
การที่จักรวาลยังเกิดความแปรผันไม่หยุดแบบนี้ มันทำให้ระบบสื่อสารต่างๆในพื้นที่นั้นๆมีปัญหา รวมไปถึงการข้ามจักรวาลด้วยยานอวกาศเองก็มีผลกระทบไปด้วย
แต่เดิมแล้วซุยหมิงอยากจะซ่อนเจ้าสิ่งนี้ไว้ แต่แรงปะทะนั้นมันรุนแรงเกินไป นั่นทำให้คนทั่วไปผู้ที่อยู่ในอารยธรรมผู้ฝึกตนสามารถรับรู้ได้ถึงสถานการณ์เช่นนี้ด้วย ดังนั้นซ่อนไว้ไม่ได้อีกต่อไปแล้ว
ข่าวที่ว่าโบราณสถานปรากฏขึ้นมาในหมู่ดาวถูกค้นพบโดย 2 อารยธรรมชั้นสูงแล้วในตอนนั้น ทางด้านพันมิตรจักวาลเองก็ยังไม่เคยเจอโบราณสถานที่ใหญ่ขนาดนี้มาก่อนเลย ซึ่งนั่นทำให้อีก 2 อารยธรรมเชื่อว่ามันไม่ใช่ข่าวลวงและส่งคนตรงไปยังโบราณสถานดังกล่าวทันที
ทหารจากอารยธรรมผู้ฝึกฝนตนได้ระดมตนเป็นครั้งแรก ถึงแม้ว่าจะเป็นไปไม่ได้ที่จะปิดกั้นไม่ให้ใครก็ตามที่จะเข้าไปในโบราณสถานนั้น แต่พวกเขาก็ต้องคอยป้องกันไม่ให้เกิดการต่อสู้ภายในอาณาเขตดวงดาวนั้นด้วย
การปรากฏตัวอย่างกระทันหันของโบราณสถานนั้นแน่นอนว่ามาพร้อมกับภาษีก้อนใหญ่แน่ๆ คุณน่าจะรู้ว่ายานอวกาศลำใดก็ตามที่จะเข้าไปยังจักรวาลของซุยหมิงนั้นต้องจ่ายค่าผ่านทางด้วย
เมื่อทหารของทั้ง 3 อารยธรรมไปยังที่แห่งนั้น อู๋ฮ่าวเหรินก็ค้นพบทางเข้าโบราณสถานแล้ว แต่มันก็ยังไม่ปรากฏแบบสมบูรณ์ ส่วนหนึ่งก็เพราะโบราณสถานยังปรากฏไม่เต็มรูป เขาทำได้เพียงรออยู่แถวๆทางเข้านั้นและดูแผนที่ของโบราณสถานที่ถูกส่งมาในระบบซองแดงด้วย นั่นทำให้เขาเข้าใจถึงขนาดของโบราณสถานแห่งนี้
“ทำไมอารยธรรมโบราณขนาดใหญ่นี่ถึงถูกซ่อนมาได้ตลอดเนี่ย มันต้องทรงพลังขนาดไหนกัน!”
“ไม่มีใครรู้หรอกว่ามันทรงพลังขนาดไหน แต่บางทีอารยธรรมที่อ่อนแอที่สุดในช่วงนั้น ก็อาจจะกลายเป็นอารยธรรมชั้นยอดก็ได้ ระดับอารยธรรมของปัจจุบันนี้ไม่เหมาะกับช่วงนั้นมากๆ”
“ถ้างั้นทำไมอารยธรรมที่แข็งแกร่งถึงได้ถูกทำลายล่ะ?”
“บางทีก็เป็นเพราะภัยพิบัติที่เลี่ยงไม่ได้ พวกเขาดูท่าจะเจอกับภัยพิบัติใหญ่ที่หลบไม่พ้นจริงๆ จึงตัดสินใจหาวิธีให้หลงเหลือบางส่วนไว้พร้อมทั้งพยายามป้องกันอารยธรรมของตนแบบสุดความสามารถแล้ว แต่ก็น่าแปลก มันไม่มีข้อมูลเลยว่าที่นี่เคยเจอภัยพิบัติหนักๆมาก่อน”
อู๋ฮ่าวเหรินพูดอะไรไม่ถูก ถ้ามันเกิดภัยพิบัติครั้งใหญ่ขึ้นในโบราณกาลจริงๆ ด้วยความที่เป็นถึงอารยธรรมที่แข็งแกร่งมันต้องมีการบันทึกเรื่องพวกนี้ไว้แน่ๆ
ดูเหมือนว่าความแปลกประหลาดนี่จะเป็นสิ่งที่พบได้ทั้งโบราณสถานในโลกอนาคตสินะ
แต่แล้วจู่ๆนัยน์ตาของอู๋ฮ่าวเหรินก็โฟกัสไปที่โบราณสถานตรงหน้าเขา ดูเหมือนว่าสิ่งเดียวที่จะหยุดความแข็งแกร่งของอารยธรรมได้ก็คือกฏแห่งเอกภพที่ซึ่งสามารถลบล้างทุกอย่างให้หายออกไปได้เลยไม่เว้นแม้แต่อารยธรรมที่แข็งแกร่งขนาดนี้
พลังที่ไม่สามารถระบุได้นั้นไม่สามารถเข้าถึงได้ด้วยหากแต่มันมีอยู่จริงแน่ๆ และมันยังทรงพลังมากๆจนกลายเป็นความสิ้นหวังของผู้คนไปโดยปริยาย
มันเรียกว่า ภัยพิบัติ หรือที่แปลว่า อำนาจแห่งกฏ เป็นสิ่งเดียวที่อธิบายได้ว่า อารยธรรมที่แข็งแกร่งขนาดไหนก็ต่อต้านไม่ได้
“เอาล่ะ โบราณสถานพร้อมที่จะเข้าไปแล้ว ลุยเข้าไปเลย”
ความคิดในหัวของเขาถูกระงับไว้และเมื่อเขาเห็น “ประตู” ของโบราณสถานค่อยๆปรากฏขึ้นมาเขาก็คิดว่ามันไม่มีเวลาสำหรับไตร่ตรองปัญหาอีกต่อไปแล้ว ดังนั้นเขาจึงใช้อุปกรณ์ที่เตรียมมาเพื่อเปิดประตูตรงหน้าเขาต่อไป
0 ความคิดเห็น