CF:บทที่ 642 สำรวจส่วนที่ยังเหลืออยู่
หลังจากกลับไปยังที่ๆเขาอยู่แล้ว เชียนฉีก็กำลังรอการกลับมาของเขาอยู่แล้ว คนๆนี้ดูเหมือนว่าจะตั้งใจมาทำอะไรซักอย่างกับอู๋ฮ่าวเหรินแน่ๆ เพราะงั้นแล้วอู๋ฮ่าวเหรินจึงเปิดประตูและออกไปยังสวนพร้อมกับเขา
“มาเร็ว มีอะไร?”
“นายท่านสั่งให้ฉันมาบอกคุณว่า ใครก็ตามที่เข้าไปยังส่วนที่ยังเหลืออยู่ไม่เคยได้รอดกลับออกมาซักคน ในกรณีนี้เขายังคงพยายามช่วยคุณแก้ปัญหาอีกด้วย ตระกูลด่านนอกของกองกำลังพวกนั้นบางตระกูลนั้นยอมสวามิภักดิ์”
“โอ้ นั่นดูเหมือนว่าความแข็งแกร่งของตระกูลแห่งเงาของนายเองจะยังเจ๋งอยู่นี่ เพราะงั้นน่าจะแก้ปัญหานี้ได้เร็วๆแหละมั้ง”
“ยังไงก็ตาม ฉันเพิ่งจะได้รับข่าวจากโลกมืดว่าใครบางคนตั้งค่าหัวนายไว้ เพราะงั้นต่อจากนี้นายจะถูกหมายตาและจ้องลอบสังหารโดยคนอื่นเป็นแน่”
หลังจากที่เชียนฉีพูดจบ เขาก็ยืนอยู่อย่างนั้นเพื่อรอให้อู๋ฮ่าวเหรินเอ่ยปากขอให้เขาช่วย
คิดกับตัวเอง ให้เขาถูกกระชากด้วยการเป็นเป้าหมายต่อไป โดยคนอื่นนั้นก็ถือเป็นเรื่องดี ตราบใดก็ตามที่ตัวเขาเองมีเจตนาดีและเรียกหาตระกูลของเขา เขาก็จะสามารถช่วยแก้ปัญหาได้ทันที
แต่โชคไม่เข้าข้าง เพราะหลังจากรอมาพักใหญ่ๆเขาก็พบว่าอู๋ฮ่าวเหรินได้นั่งลงไปและพร้อมจะดื่มชาเรียบร้อยแล้วทั้งๆที่เพิ่งจะพูดเรื่องตัวของเขาตกเป็นเป้าหมายโดยคนอื่นแท้ๆ
“ยืนรออะไรอยู่หรือเปล่า? มีอะไรให้ฉันช่วยได้หรือไง?”
“คุณฟังฉันใหม่นะ ใครซักคนตั้งค่าหัวคุณไว้ และใครซักคนก็จะเข้ามาลอบสังหารคุณ คุณไม่อยากจะแก้ปัญหานี้หรือไง!”
“อ๋อ ถ้าเรื่องนี้ล่ะก็ ปล่อยให้พวกนั้นมาได้เลย ถ้าอยากจะมาก็เชิญ และในเวลาเดียวกัน ก็อยากจะเห็นซักหน่อยว่าโลกมืดแห่งพันธมิตรจักวาลนั้นแข็งแกร่งขนาดไหน”
อู๋ฮ่าวเหรินดูไม่ได้ใส่ใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นนัก เขาปล่อยให้เชียนฉีเดือดดาลเล็กน้อย
“นี่คุณจะไม่กังวลเรื่องที่จะมีคนมาฆ่าคุณหน่อยหรือไง!?”
อู๋ฮ่าวเหรินเหลือบมองเชียนฉีและเข้าใจว่าอะไรกำลังจะเกิดขึ้น เขาส่ายหัวเพราะนั่นเป็นเรื่องที่น่าสนใจหากใครซักคนจะสามารถฆ่าเขาซึ่งเป็นผู้ที่มีระดับเทคโนโลยีอยู่ในระดับปัจจุบันและมีความแข็งแกร่งของศักยภาพแห่งพันธมิตรจักวาลอยู่ได้
“แล้วจะให้กังวลอะไร? นายไม่มีอะไรจะฝึกด้วยสินะ ถึงได้ตามฉันมาที่นี่เนี่ย เอาเป็นว่าเดี๋ยวจะช่วยหาอะไรมาฝึกให้ละกัน เพราะนายมันอ่อนแอ ดังนั้นอย่างนายติดตามฉันไม่ได้หรอก”
“หา นายว่ายังไงนะ! ฉันเนี่ยนะอ่อนแอ!!”
อู๋ฮ่าวเหรินมองไปยังท่าทีที่ดูตื่นตระหนกของเขาตั้งแต่หัวจรดเท้าและส่ายหน้า
ในสายตาของเชียนฉีนั้นมีความหวังเล็กน้อยก่อนอู๋ฮ่าวเหรินจะพูดขึ้น “อ้อ นายไม่ได้อ่อนแอจริงๆนั่นแหละ เพราะนายเป็นวัตถุดิบที่ไร้ค่าต่างหาก”
“หนอยแก!”
ในตอนนี้เชียนฉีพร้อมจะปะทะแล้ว
เขาอยากจะแสดงให้อีกฝ่ายเห็นว่าเขาแข็งแกร่งขนาดนั้น หากแต่ตัวเขาเองกลับขยับไม่ได้
จากนั้นเขาก็พบหุ่นยนต์หน้าตาประหลาดยืนอยู่ข้างซ้ายของเขา
หุ่นยนต์ที่โผล่มาข้างๆเขานั้นโผล่มาตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ แต่เขาไม่รู้สึกเลย ซึ่งนั่นทำให้เชียนฉีแอบหวาดกลัวเล็กน้อย
อย่างที่รู้ๆกับว่าเขาเป็นนักฆ่าและทรงพลังมากๆ กระนั้นแล้วหากรอบๆตัวมีอะไรเปลี่ยนไปเขาควรจะรู้ก่อน แต่นี่เขากลับไม่รู้สึกถึงการมีอยู่ของหุ่นยนต์ตัวใหญ่ขนาดนี้เลย
ถึงแม้จะบอกว่าเขาเอาแต่ใจจดใจจ่ออยู่กับอู๋ฮ่าวเหรินมันก็ไม่ควรจะเป็นไปได้ สิ่งเดียวที่จะอธิบายเหตุการณ์นี้ได้คงไม่พ้นเรื่องที่ว่าหุ่นยนต์ตัวนี้แข็งแกร่งกว่าเขา
“นี่คือเอด้า จะฝึกกับเจ้านี่ระหว่างนี้ไปก่อนก็ได้นะ”
พูดจบอู๋ฮ่าวเหรินก็ออกไปทิ้งเขาไว้กับหุ่นยนต์ที่มองมายังเขาด้วยสายตาที่น่ากลัว เชียนฉีนั้นรู้สึกสับสนไปหมดและรู้สึกถึงลางสังหรณ์ที่ไม่ดีอยู่เรื่อยๆ
“อู๋ฮ่าวเหริน ฉันจะฆ่านาย!!”
ตู้ม!!
เสียงกรีดร้องน่ากลัวสงบลงด้วยเสียงบางอย่างถูกทุ่มลงไปกับพื้น
อู๋ฮ่าวเหรินผู้ที่กลับเข้าไปในห้องส่ายหน้าพร้อมเดินลงไปยังห้องทดลองใต้ดินของเขา เขาไม่ได้ใส่ใจกับอะไรก็ตามที่จะมาฆ่าเขาเลย
ภายในกลุ่มซองแดงนั้น อู๋ฮ่าวเหรินส่งวีดีโอของการทำลายโจรดวงดาวลงไปและพูดขึ้น “ให้ฉันเข้าไปสำรวจร่องรอยนี่ได้ไหม?”
“แน่นอน ตามสถานการณ์ปัจุบันพวกเรากำลังพิจารณาวัตถุดิบจำนวนมากอยู่ มันอาจจะมีเทคโนโลยีที่แข็งแกร่งมากๆอยู่ในอารยธรรมเก่าแก่ที่เป็นมรดกของที่นี่ก็เป็นได้” จ้าวแห่งเรดาร์พูด
“เทคโนโลยีที่ว่าเป็นแบบไหนกัน?”
นักวิจัยพูด “ฉันไม่รู้ว่าที่นั่นมีอารยธรรมที่สูงส่งขนาดไหน ไม่มีใครรู้ด้วยว่าเทคโนโลยีที่ซ่อนอยู่ที่นั่นจะเป็นแบบไหนด้วย อย่างไรก็ตามในจักรวาลของเราตอนนี้มีเทคโนโลยีที่ทรงพลังที่สุดแล้วในตอนนี้”
อู๋ฮ่าวเหรินพยักหน้า สิ่งนี้มันน่าสนใจจริงๆนั่นแหละ บางอารยธรรมก็นำมาซึ่งสิ่งดีๆซึ่งถ้าไม่ขุดมามันก็จะยังอยู่ในซากนั้นต่อไป เหนือสิ่งอื่นใดพวกมันยังไม่เคยถูกเปิดเผยเป็นแน่แท้
แน่นอนว่าคนเหล่านี้ก็อยากจะขุดค้นร่องรอยนี้เพื่อที่จะหาเทคโนโลยีที่ซ่อนอยู่ด้านในกันหมด
คุณน่าจะรู้ว่าในแง่ของศักยภาพที่แข็งแกร่งนั้น ความเป็นมนุษย์ของพวกเราไม่ได้แข็งแกร่งที่สุดในพันธมิตรจักวาล ที่แห่งนี้ถูกนำโดยประชากรกลุ่มใหญ่และมีมนุษย์ที่แข็งแกร่งอยู่ไม่กี่คนร่วมด้วย
“นี่คือมรดกตกทอด พวกเราจะเตรียมบางอย่างให้นาย ระหว่างที่พื้นที่กำลังเปิดอยู่นายจะสามารถสำรวจพื้นที่ตามที่ทำสัญลักษณ์ไว้ในนี้ได้”
“ดี แล้วทำไมถึงไม่สำรวจให้หมดไปเลยล่ะ?”
อู๋ฮ่าวเหรินมองว่าด้วยความแข็งแกร่งของเทคโนโลยีที่มีมันน่าจะทำให้เขาสามารถสำรวจพื้นที่ทั้งหมดนี่ได้เลย
“นายไม่มีเวลาขนาดนั้น เพราะร่องรอยของที่นี่ค่อนข้างจะพิเศษ มันเปลี่ยนแปลงเสมอและมีบรรยากาศแปลกๆ และตราบใดที่มันโดนเปิดให้สำรวจ ซึ่งนั่นหมายความว่าคนอื่นก็สามารถสำรวจมันได้ด้วยเช่นกัน”
อู๋ฮ่าวเหรินมองตำแหน่งต่างๆในแผนที่ดวงดาวด้วยความอึดอัด ในบรรดาอารยธรรมขั้นสูงทั้ง 3 แห่ง ทีนี่นั้นดูจะมีอารยธรรมที่สูงกว่าที่อื่นอยู่
โชคดีของเขาที่ภายในพันธมิตรจักวาลนั้นทุกคนสามารถสำรวจซากอารยธรรมใดๆก็ได้โดยที่ไม่มีใครที่จะขัดขวางการกระทำดังกล่าวได้
แม้แต่ผู้ที่ค้นพบเองก็ยังได้เปรียบแค่ได้สำรวจก่อนเท่านั้น ไม่ได้มีสิทธิพิเศษอื่นๆ
“ไม่มีทางอื่นนอกจากที่จะต้องไปสำรวจเองแล้วใช่ไหม?”
มันเป็นโบราณสถานที่อันตรายพอดู เพราะงั้นเขาจึงไม่ค่อยอยากจะรับความเสี่ยงซักเท่าไหร่
“ถ้านายมีใครที่ไว้ใจได้ นายจะส่งเขาไปเป็นตัวแทนก็ได้นะ แต่ยังไงก็ตามพวกเราก็ยังคิดว่ามันจะดีกว่าถ้านายเข้าไปสำรวจด้วยตัวเอง เพราะภายในนั้นอย่างน้อยๆนายก็ยังติดต่อพวกเราได้”
อู๋ฮ่าวเหรินพยักหน้า มันเป็นเรื่องจริงที่ว่าซากโบราณสถานนั้นไม่ได้ตัดการติดต่อของเขากับกลุ่มซองแดงได้ เขาอยู่ในจักรวาลรูหนอนแล้ว เพราะงั้นเขาเองก็เป็น 1 ในหนูทดลอง
“พวกเราเองก็จะเข้าไปยังซากนั่นด้วยจากทางฝั่งของเรา เพราะงั้นนายจึงยังสามารถติดต่อพวกเราได้โดยตรง ถ้าเกิดนายมีปัญหาอะไร พวกเราก็จะสามารถช่วยแก้ได้ทันท่วงที”
อู๋ฮ่าวเหรินคิดตาม ในเมื่อมีหลายสิ่งหลายอย่างที่พร้อมจะปกป้องชีวิตเขาแล้ว ดังนั้นความอันตรายดังกล่าวน่าจะลดลงไปเยอะแล้ว และในเวลานี้ ค่าหัวของเขาน่าจะดึงดูดนักฆ่าบางส่วน เพราะงั้นแล้วก็ให้นักฆ่าพวกนั้นไปตามหาตัวเขาเอาในซากนั่นละกัน
“ดีล่ะ งั้นฉันจะเริ่มพรุ่งนี้เลยละกัน”
บางสิ่งบางอย่างจำเป็นต้องจัดการก่อนที่จะลงไปสำรวจซากโบราณสถานนั้น อย่างเช่น การร่วมมือกับกองกำลังเพื่อรับมือและต่อสู้กับกองกำลังจากตระกูลอัลตานั้น
อู๋ฮ่าวเหรินส่งส่วนหนึ่งของแผนไปยังตระกูลที่ร่วมมือด้วย จากนั้นก็ส่งเทคโนโลยีบางส่วนไป
ในช่วงต่อไป พวกเขาจะใช้เทคโนโลยีนั้นเข้ายึดตลาด
นอกจากนี้ก่อนจะเริ่มการวิจัยชุดเกราะรุ่นแรก เขาจำเป็นต้องเตือนนักวิจัยเกราะก่อน ไม่งั้นคงได้นั่งแก้ปัญหาเรื่องพลังงานกันตาแตกแน่ๆ
เมื่ออู๋ฮ๋าวเหรินจัดการกับเรื่องพวกนี้เสร็จ ผู้คนมากมายในโลกมืดก็ไม่สามารถนั่งอยู่เฉยๆได้เพราะค่าหัวของเขาสูงขึ้นแล้ว
เมื่อไหร่ก็ตามที่อู๋ฮ่าวเหรินถูกฆ่า ผู้ที่อยู่ในยุคไฮเทคก็คงจะได้พักผ่อนกันซักที ส่วนคนที่ได้เงินไปก็คงจะไม่ต้องทำอะไรอีกเลยตลอดชีวิต
นักฆ่าพวกนั้นรับงานนี้ไว้กันให้พรึ่บพรั่บก่อนจะเริ่มไปรวบรวมข้อมูลเพื่อสืบหาอู๋ฮ่าวเหรินต่อ
0 ความคิดเห็น