CF:บทที่ 562 ความบ้าคลั่งของประเทศเล็กๆ
จากการหารือในของบรรดาผู้นำประเทศเหล่าจบลงด้วยความผิดหวัง, เพราะผู้นำของเหล่าประเทศใหญ่ๆนั้น แน่นอนว่าไม่ต้องการที่จะร่วมมือกับฟิวเจอร์กรุ๊ป ซึ่งเรื่องนั้นยังไม่ได้อยู่ในความสนใจของพวกเขา
แต่เหล่าผู้นำของประเทศเล็กๆเหล่านี้ไม่มีเงินทุนเพียงพอที่จะรอต่อไปได้, แต่พวกเขาก็ไม่มีทางเลือก
ในเวลานี้, อู๋ฮ่าวเหรินที่อยู่บนเรือรบนั้น มองดูข้อมูลเหล่านี้แล้วก็ยิ้มเยาะ
หลิงเมิ่งเสวี่ยที่อยู่ในชุดเดรส, ทำให้ความน่าหลงใหลในแบบสาวที่เป็นผู้ใหญ่ของเธอหลั่งไหลออกมา, ซึ่งชุดของเธอได้แนบชิดติดกับส่วนเว้าส่วนโค้งของเธอ ทำให้ดูเย้ายวนยิ่งนัก
ในช่วงที่ผ่านมานี้, เธอได้เรียนรู้จากชิ้นส่วนข้อมูลมากมาย ซึ่งทำให้เธอได้มีการแสดงออกทางอารมณ์มากขึ้น, ไม่ใช่แบบเด็กๆอีกต่อไป
"ที่รัก, สถานการณ์เป็นอย่างไรบ้างคะ?"
วางแก้วชาไว้ข้างๆอู๋ฮ่าวเหริน, เธอนั่งลงที่เก้าอี้ข้างๆเขา แล้วกุมมือของอู๋ฮ่าวเหรินเอาไว้ ก่อนที่จะเอนตัวของเธอพิงตัวของอู๋ฮ่าวเหรินด้วยสีหน้าที่มีความสุขของเธอ
อู๋ฮ่าวเหรินหันมามองหลิงเมิ่งเสวี่ย และแหวกผมที่อยู่ตรงหน้าผากของเธอออกแล้วจูบลงไปที่ตรงนั้น
"มันดีมากเลยล่ะ, ผมเชื่อว่ามันพัฒนาไปตามแผนการที่ผมวางเอาไว้ในไม่ช้านี้, แผนการพัฒนาอย่างสันติเช่นนี้คือหนทางที่ดีที่สุดที่ปราศจากการเสียสละที่เปล่าประโยชน์"
"หืม, คุณช่างใจดีจังนะคะ ที่รัก"
หลิงเมิ่งเสวี่ยนั้นฉลาดมาก, เธอรู้ด้วยว่าอู๋ฮ่าวเหรินนั้นมีหลายวิธีที่จะหลอมรวมมนุษยชาติบนโลกเข้าไว้ด้วยกัน แต่จำเป็นต้องเสียสละชีวิตของคนจำนวนมากไปด้วย
ขณะที่อู๋ฮ่าวเหรินกำลังอ่านข้อมูลพวกนี้อยู่นั้นเอง, ก็ได้มีประเทศเล็กๆบนโลกประเทศหนึ่งที่ได้เริ่มลงมือบางอย่างไปแล้ว
อย่างแรกที่ทำก็คือจัดการแถลงการณ์ประกาศแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป
เมื่อข่าวนี้ได้แพร่กระจายออกไปทั่วทุกเว็บไซต์, ทั้งโลกก็เกิดการตกใจขึ้นมา, ไม่มีใครที่คาดคิดมาก่อนว่าประเทศแบบนั้นจะประกาศแยกตัวออกมาเป็นอิสระได้
แต่ก่อนที่ทุกคนจะได้ตั้งตัวจากข่าวนี้, ข่าวที่สองก็ได้ประกาศตามมาติดๆโดยประเทศเดียวกันที่สร้างความสั่นสะเทือนอย่างมาก
ข่าวที่สองนี้, หลังจากข่าวแยกตัวออกจากสหภาพยุโรปแล้ว, เขาก็ประกาศร่วมมือกับฟิวเจอร์กรุ๊ปและจะขอยอมรับเงื่อนไขทุกอย่างของฟิวเจอร์กรุ๊ป
หรือพูดอีกอย่างก็คือ, ทั้งประเทศจะตกอยู่ภายใต้การดูแลของฟิวเจอร์กรุ๊ปและทุกสิ่งทุกอย่างก็จะกลายเป็นของฟิวเจอร์กรุ๊ปด้วย ซึ่งหมายความว่าประเทศนั้นจะกลายเป็นของฟิวเจอร์กรุ๊ปนั่นเอง
ไม่มีใครที่คาดคิดมาก่อนว่าประเทศนั้นจะตัดสินใจอย่างหนักแน่นเช่นนี้ได้, แต่ทว่าคนเหล่านี้ไม่นานก็พบว่าการตัดสินใจของประเทศนี้นั้นมีเป้าหมายที่แข็งกล้าและทำให้ผู้คนต้องอิจฉาคนในประเทศนี้
ในเวลานี้พวกเขาได้พยายามกันอย่างหนักเพื่อที่จะเรียนรู้เทคโนโลยีเหล่านั้น, แต่ไม่ใช่เพื่อเพราะต้องการจะเข้าฟิวเจอร์กรุ๊ป, แต่เพื่อประเทศนี้เอง เพราะการเข้าร่วมกับฟิวเจอร์กรุ๊ปนั้น หมายความว่าทุกคนในประเทศนี้มีความสัมพันธ์กับฟิวเจอร์กรุ๊ปอยู่แล้วนั่นเอง
เมื่อเหล่าประเทศเล็กๆได้เข้าใจข้อเท็จจริงข้อนี้, พวกเขาทั้งหมดต่างก็เริ่มคิดกันทันที, จากนั้นก็ตามมาด้วยประเทศที่ 2, หลังจากที่ประเทศแรกได้แถลงการณ์จบไปได้แค่ครึ่งชั่วโมง และยังออกแถลงการณ์ด้วยเรื่องเดียวกัน
ยิ่งไปกว่านั้น, ประเทศนี้เล่นหนักกว่าอีก พวกเขาบอกว่าจะขอเป็นเมืองขึ้นของฟิวเจอร์กรุ๊ป, ในลักษณะเดียวกับเมืองขึ้นในสมัยอดีตกาล
ราวกับน้ำป่าที่ไหลทะลักและพังประตูเข้ามา, มันไม่สามารถควบคุมได้แล้ว, หลังจากนั้นก็มีเหล่าประเทศเล็กๆที่ได้เริ่มตอบสนองและปล่อยข่าวแบบเดียวกันตามมาเรื่อยๆ, พวกเขาต่างก็ยอมรับอำนาจในการควบคุมของฟิวเจอร์กรุ๊ป เพราะฟิวเจอร์กรุ๊ปคือความหวังเดียวของพวกเขาที่จะช่วยแก้ปัญหาที่พวกเขากำลังเผชิญอยู่ได้
มีเพียงแต่ประเทศมหาอำนาจ, ที่ยังไม่ได้เคลื่อนไหวอะไร ซึ่งกำลังรอดูอยู่ว่าทางฟิวเจอร์กรุ๊ปนั้นจะจัดการอย่างไรกับเรื่องนี้
ในเวลานี้, อู๋ฮ่าวเหรินที่ได้รับทราบข่าวแล้ว เขานั้นกำลังรอช่วงเวลานี้อยู่
หลังจากที่ได้รับทราบข่าวนี้, ก็ได้มีประกาศปรากฎขึ้นบนเว็บไซต์ของฟิวเจอร์กรุ๊ป
เนื้อหาของการประกาศนั้นมีใจความว่า, ประเทศใดๆที่มีความประสงค์จริงๆ ที่จะให้ฟิวเจอร์กรุ๊ปช่วยแก้ไขปัญหาที่กำลังเกิดขึ้นนี้, มีเงื่อนไขอยู่อย่างเดียวคือประเทศเหล่านั้นจะต้องไม่มีพรหมแดนประเทศอีกต่อไป, และทางฟิวเจอร์กรุ๊ปจะตั้งระบอบการปกครองขึ้นมาใหม่ ซึ่งใช้ชื่อว่าสหภาพมนุษย์
ใช่, อู๋ฮ่าวเหรินตั้งชื่อตามสหภาพมนุษย์ในอนาคต โดยไม่ได้มีการแก้ไขชื่อแต่อย่างใด
และ,
เขาต้องการที่จะก่อตั้งสหภาพมนุษย์ขึ้นมา และให้ผู้ดูแลก็จะทำการคัดเลือกมาจากประเทศที่เข้าร่วม
แน่นอนว่า, สหภาพมนุษย์นี้อาจจะแตกต่างจากอนาคตไปบ้าง, นั่นคือสภาของสหภาพจะดูแลโดยสมองกลที่เขาสร้างขึ้นมา, แทนการควบคุมโดยสภาสหภาพ
บางครั้ง, สมองกลนั้นก็เชื่อถือได้มากกว่าสมองของมนุษย์, พวกเขาจะไม่ละเมิดกฏเพราะความโลภ, แต่จะจัดการปัญหาทุกอย่างด้วยความยุติธรรม
ต่อมา, ในเว็บไซต์ของฟิวเจอร์กรุ๊ปนั้น, ก็ได้มีชุดข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับสหภาพมนุษย์ออกมา, มีแม้กระทั่งกฏหมายและรัฐธรรมนูญของสหภาพมนุษย์
เมื่อได้เห็นการปรากฏของข้อมูลเหล่านี้, หลายคนก็เข้าใจว่าสหภาพมนุษย์นี้คือสิ่งที่สุภาพบุรุษของฟิวเจอร์กรุ๊ปได้เตรียมการเอาไว้นานแล้ว แต่เขากำลังรอโอกาสอยู่
แต่ทว่า, เมื่อเขาได้ทำความเข้าใจกับองค์ประกอบของสหภาพมนุษย์แล้ว, คนธรรมดาส่วนใหญ่ต่างก็ยอมรับได้กับการปกครองของสหภาพมนุษย์
อย่างน้อย, ภายใต้การดูแลของสหภาพมนุษย์นั้น, พวกเขาก็สามารถที่จะได้รับการดูแลอย่างเป็นยุติธรรม, ถึงแม้ว่าจะยังมีการแบ่งชนชั้นอยู่บ้างก็ตาม, แต่ก็แค่เพียงเล็กน้อย
แต่สำหรับคนที่อยู่ในตระกูลใหญ่และกลุ่มผู้มีอำนาจต่างก็รู้สึกได้ถึงวิกฤติครั้งใหญ่, ถ้าพวกเขาเข้าร่วมสหภาพมนุษย์ของอู๋ฮ่าวเหรินแล้วล่ะก็, สิทธิทั้งหมดที่พวกเขาเคยมีทั้งหมดก็จะหายไป
ซึ่งนั่นไม่ใช่อะไรที่พวกเขาอยากจะเห็นและต้องการ, แต่พวกเขาก็ช่วยอะไรไม่ได้เพราะต่อให้พวกเขาไม่ยอมรับการเข้าร่วมกับสหภาพมนุษย์ แต่อีกไม่นานทุกสิ่งทุกอย่างที่พวกเขามีก็จะไร้ความหมายอยู่ดี
นอกจากนี้, จากข้อมูลที่ฟิวเจอร์กรุ๊ปเผยแพร่มานี้, มันชัดเจนอยู่แล้วว่าเมื่อใดที่เข้าร่วมกับสหภาพมนุษย์แล้ว, ฟิวเจอร์กรุ๊ปก็จะเผยแพร่บางเทคโนโลยีออกมาให้ด้วย
และฟิวเจอร์กรุ๊ปนั้นก็จะเปิดโรงเรียนสำหรับใช้คัดเลือกผู้มีความสามารถในประเทศต่างๆที่เข้าร่วมสหภาพมนุษย์และฝึกพวกเขา
ถ้าอาศัยประเทศเล็กๆเหล่านี้เป็นตัวนำแล้วล่ะก็, ประเทศอื่นๆคงไม่ยอมที่จะอยู่เฉยแน่, หากจะได้เผชิญกับจักรวาลที่ไร้พรหมแดนแล้ว, พวกเขาจะต้องไม่ยอมพลาดโอกาสนี้แน่
จากเหตุการณ์นี้, หลายๆประเทศก็คงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องเข้าร่วมกับสหภาพมนุษย์ ไม่อย่างนั้นพวกเขาจะอดได้ผลประโยชน์
บางทีคนที่กังวลน้อยที่สุดในเรื่องนี้ก็คงจะเป็นประเทศจีน, เพราะคนจากเบื้องบนนั้นได้ตกลงกับอู๋ฮ่าวเหรินไว้แล้วว่าจะไม่ปล่อยให้ประเทศของเขานั้นล้าหลังประเทศอื่นๆ
แถมยังผู้จัดการระดับอาวุโสของฟิวเจอร์กรุ๊ปเองล้วนแต่เป็นคนจีน, มีเพียงนักวิจัยในสถาบันวิจัยไม่กี่คนเท่านั้นที่เป็นชาวต่างชาติ
และนักวิจัยเหล่านี้เองก็ไม่มีสิทธิมีเสียงอะไรในการตัดสินใจของฟิวเจอร์กรุ๊ปด้วย
แต่แล้ว, พวกเขาก็ต้องตกใจ เพราะว่าฟิวเจอร์กรุ๊ปและมนุษยชาตินั้นแยกจากกัน, และฟิวเจอร์กรุ๊ปเองก็มีตัวตนอยู่เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของสหภาพมนุษย์เท่านั้น
ยิ่งไปกว่านั้น, การปกครองของสหภาพมนุษย์นั้นก็อยู่ภายใต้การควบคุมของสภาสหภาพ ไม่ใช่ฟิวเจอร์กรุ๊ป, และสมาชิกของสภาสหภาพจะถูกเลือกมาจากประเทศที่ได้เข้าร่วม
พวกเขาไม่เข้าใจจุดประสงค์ของฟิวเจอร์กรุ๊ปว่าทำไมถึงทำอย่างนั้น, แต่พวกเขาก็เข้าใจได้ว่าไม่ว่าอู๋ฮ่าวเหรินจะทำอะไร, ตราบเท่าที่กองกำลังนั้นยังอยู่ในมือของเขา สิ่งที่เรียกว่าสภาสหภาพก็ยังคงต้องฟังเขาอยู่ดี
จากในเหตุการณ์นี้, ประเทศเล็กๆต่างก็ขอเข้าร่วมสหภาพมนุษย์มากขึ้นเรื่อยๆ, เพราะพวกเขารู้ดีว่าพวกเขาไม่มีเงินทุนพอที่จะคงให้ประเทศอยู่ต่อได้เลย
แถมถ้ายิ่งเข้าร่วมก่อน, ก็จะได้สิทธิพิเศษมากกว่าด้วย, ถ้าพวกเขามัวแต่รอให้ประเทศมหาอำนาจเคลื่อนไหวแล้ว ค่อยเข้าร่วมหลังจากนั้นก็เปล่าประโยชน์แล้ว
อู๋ฮ่าวเหรินที่อยู่บนยานรบ, ก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาเมื่อเขาได้เห็นประกาศที่เผยแพร่ออกมาเมื่อสักครู่แล้วก็มีมาแล้ว 13 ประเทศที่ขอเข้าร่วมสหภาพมนุษย์
"จี้, เริ่มลงมือได้เลย, ในเมื่อประเทศเหล่านี้ยินดีที่จะเข้าร่วมสหภาพมนุษย์แล้ว, พวกเราก็น่าจะให้พวกเขาได้มีความสุขกับการดูแลของสหภาพมนุษย์หน่อย"
"รับทราบค่ะ"
0 ความคิดเห็น