CF:บทที่ 448 สิ่งที่ถูกเปิดเผย
คำพูดของอู๋ ฮ่าวเหรินทำให้เหล่านักวิทยาศาสตร์ประหลาดใจ แม้ว่าเนื้อหาของข้อมูลจะน่าทึ่ง แต่เป็นเพียงข้อมูล หากต้องการแปลงมันให้เป็นเทคโนโลยีก็ยังต้องทำการวิจัยอยู่
นักวิทยาศาสตร์คนหนึ่งจึงถามขึ้นว่า "ฟิวเจอร์กรุ๊ปได้บรรลุวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเหล่านี้แล้วหรือยัง?"
เมื่อเผชิญหน้ากับสายตาของกลุ่มนักวิทยาศาสตร์ อู๋ ฮ่าวเหรินก็ยิ้มและไม่ตอบคำถาม
"ผมไม่รู้ว่าคุณสนใจที่จะเข้าร่วมกับฟิวเจอร์กรุ๊ปรึเปล่า แต่ผมกำลังจะตั้งสถาบันวิจัยเพื่อศึกษาเทคโนโลยีเหล่านี้"
นักวิทยาศาสตร์เหล่านี้ไม่คิดเลยว่าอู๋ ฮ่าวเหรินจะเชิญพวกเขาเข้าฟิวเจอร์กรุ๊ป พวกเขาย้อนกลับไปดูข้อมูลเมื่อครู่ราวกับว่าพวกเขาเข้าใจอะไรบางอย่าง
ข้อมูลนี้แสดงให้เห็นชัดเจนถึงความแข็งแกร่งของฟิวเจอร์กรุ๊ป แม้ว่าจะไม่ชัดเจน แต่มันดึงดูดพวกเขาเป็นอย่างมาก
อู๋ ฮ่าวเหรินมองนักวิทยาศาสตร์เหล่านี้และเห็นหลายคนยังลังเลอยู่จึงพูดใส่ไฟเข้าไปเพิ่มว่า "บางทีคุณอาจกังวลเกี่ยวกับปัญหาของข้อมูลเหล่านี้ และอยากให้แสดงผลลัพธ์ของฟิวเจอร์กรุ๊ป ผมสามารถพูดได้เลยว่าเทคโนโลยีของฟิวเจอร์กรุ๊ปเป็นเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าที่สุดในโลกอย่างแน่นอน"
อุปกรณ์ฉายภาพเสมือนจริงถูกเปิดขึ้นและสถานการณ์การก่อสร้างในภูเขาปรากฏต่อหน้านักวิทยาศาสตร์เหล่านี้
"เป็นไปได้ยังไงกัน?"
"อย่าบอกนะว่าคุณทำเรื่องแบบนี้ด้วยปัญญาประดิษฐ์น่ะ?"
ดูที่ตาที่น่าสงสัยของพวกเขาแล้ว อู๋ ฮ่าวเหรินก็พูดว่า "อาคารเหล่านี้อยู่ในภูเขาถัดจากฟิวเจอร์กรุ๊ป ซึ่งเป็นเมืองแรกที่ฟิวเจอร์กรุ๊ปสร้างขึ้น ภายในสามเดือนเมืองจะพร้อมให้อยู่ แล้วในตอนนั้นถ้าบางคนอยากเข้าฟิวเจอร์กรุ๊ปก็คงจะไม่ทันเสียแล้ว"
อู๋ ฮ่าวเหรินคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า "คุณน่าจะรู้แล้วว่าผมทำอะไรไว้ในตะวันออกกลางที่นั่นก็มีการสร้างเมืองเหมือนกัน จริง ๆ แล้วจุดประสงค์ของเมืองนั้นก็คือการทดลองว่ามนุษย์สามารถปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงที่มาจากเทคโนโลยีนี้ได้หรือไม่"
นักวิทยาศาสตร์มองไปที่ภาพเมืองที่ฉายอยู่และถามว่า "เทคโนโลยีเหล่านี้ไม่ใช่งานวิจัยของคุณแน่นอนคุณร่วมมือกับมนุษย์ต่างดาวจริงหรือ?"
"ฮ่า ๆ ไม่ต้องกังวลไป ผมไม่เคยร่วมมือกับมนุษย์ต่างดาวหรอก ที่จริงผมก็ไม่เคยเห็นเทคโนโลยีของมนุษย์ต่างดาวด้วย แต่ถ้าคุณเข้าร่วมฟิวเจอร์กรุ๊ปบางทีวันหนึ่งคุณจะได้เห็นอารยธรรมมนุษย์ต่างดาวด้วยตาตัวเองก็ได้"
นักวิทยาศาสตร์เหล่านี้มองไปที่อู๋ ฮ่าวเหรินแล้วประหลาดใจเล็กน้อย พวกเขาคิดถึงหลายสิ่งจากคำพูดของอู๋ ฮ่าวเหริน เห็นได้ชัดว่าชายหนุ่มคนนี้อาจเก่งกาจกว่าที่พวกเขาคิด
"มาตามหาอารยธรรมต่างดาวงั้นรึ? ด้วยเทคโนโลยีของโลกต่อให้เราตายไปแล้ว ก็อาจจะหาอารยธรรมต่างดาวไม่พบก็ได้" นักวิทยาศาสตร์พูดอย่างดูถูก
"ถ้าผมจำไม่ผิด คุณน่าเป็นนักวิทยาศาสตร์ของอเมริกา คุณรู้ไหมว่ามียานอวกาศที่ตกลงมาในสหรัฐอเมริกาน่ะ”
"คุณหมายถึงพื้นที่ 51 งั้นหรือ? ถึงจะมีข่าวลือว่ามียานอวกาศอยู่ที่นั่นแต่ก็ไม่มีใครเคยเห็น ดังนั้นข่าวนี้ก็เป็นเพียงข่าวลือ ไม่มีทางเป็นเรื่องจริงหรอก"
อู๋ ฮ่าวเหรินไม่ได้อธิบายให้เขา แต่พูดว่า "นั่นไม่ใช่ข่าวลือ ตอนนี้ผมมียานอวกาศอยู่ในมือแล้ว ผมใช้เทคโนโลยีการผลิตยานอวกาศเพื่อแลกมันมา ตามระดับวิทยาการและเทคโนโลยีของอเมริกา เชื่อว่ายานอวกาศจะพัฒนาเสร็จในปีนี้"
พวกเขาดูภาพจากเครื่องฉายภาพเสมือนจริง บางภาพนั้นเหลือเชื่อจนพวกเขารู้สึกถึงอำนาจของฟิวเจอร์กรุ๊ป
“มันเป็นความจริง นี่คุณแลกเปลี่ยนเทคโนโลยียานอวกาศกับยานที่ตกลงมาของอเมริกาใช่ไหม?”
"เทคโนโลยียานอวกาศนั่นมันใช้ไม่ได้สำหรับผมแล้ว ผมเชื่อว่าพวกคุณคงเคยได้ยินเรื่องโรงเรียนของฟิวเจอร์กรุ๊ปมาบ้าง ผมสงสัยว่าคุณบางคนสนใจที่จะไปดูมันไหม"
เมื่อได้ยินคำพูดของอู๋ ฮ่าวเหรินแล้ว หลายคนก็พยักหน้า ทุกคนต่างสงสัยเกี่ยวกับโรงเรียนของฟิวเจอร์กรุ๊ป ไม่เว้นแม้แต่เหล่านักวิทยาศาสตร์
ในทางตรงกันข้าม พวกนักวิทยาศาสตร์นั้นมีความสงสัยเกี่ยวกับความรู้ที่สอนในโรงเรียนนั้นยิ่งกว่าคนทั่วไปเสียอีก
อู๋ ฮ่าวเหรินยิ้ม เขารู้ว่านักวิทยาศาสตร์เหล่านี้บางคนจะตกลงร่วมมือกับฟิวเจอร์กรุ๊ปแน่
สำหรับคนเหล่านี้แล้ว ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ขั้นสูงก็เหมือนยาพิษ
หลังจากอู๋ ฮ่าวเหรินและนักวิทยาศาสตร์เหล่านั้นมาถึงโรงเรียน แม้ว่าพวกเขาจะได้เห็นภาพสถาปัตยกรรมในภูเขาไปแล้ว พวกเขายังได้เห็นโรงเรียนนี้อีก พวกเขาเชื่อในเทคโนโลยีการก่อสร้างของฟิวเจอร์กรุ๊ปแล้ว
เมื่อเห็นว่านักวิทยาศาสตร์บางคนสงสัยเกี่ยวกับพืชพันธุ์ด้านล่างนี้ อู๋ ฮ่าวเหรินพูดขึ้นว่า "นี่คือพืชพิเศษ ในฟิวเจอร์กรุ๊ปนี้มีพืชพิเศษมากมาย พืชพลังงานที่เพิ่งเริ่มปลูกนั้นออกแบบมาเพื่อแก้ปัญหาที่เกิดจากการทำงานของอุปกรณ์ไฟฟ้าชีวะภาพบำบัด
"คุณบอกผมได้ไหมว่าเอาพืชเหล่านี้มาจากไหน"
อู๋ ฮ่าวเหรินก็ไม่ปิดบังอะไร ตอบไปว่า "เอเลี่ยนจากดาวเคราะห์ดวงอื่น ได้พืชพวกนี้มาผ่านทางการค้า"
ฟังสิ่งที่อู๋ ฮ่าวเหรินพูด เขาบอกว่าเขามีอะไรเกี่ยวข้องกับอารยธรรมมนุษย์ต่างดาว นักวิทยาศาสตร์ก็เงียบไปทันที
ผ่านไปสักพัก นักวิทยาศาสตร์ถึงถามขึ้นว่า "อารยธรรมมนุษย์ต่างดาวจะไม่ควบคุมความคิดของโลกหรือ? หากพวกเราพัฒนาไปแล้ว เราจะไม่ขัดแย้งกับพวกเขาหรอกหรือ?"
"ในปัจจุบัน ไม่มีอารยธรรมต่างดาวที่มีความขัดแย้งกับโลก บางทีอาจจะมีแต่ตอนนี้ยังไม่ต้องกังวลกับมันไป"
"ถือที่พูดมาเป็นความจริง ผมสัญญากับคุณว่าจะเข้าร่วมกับฟิวเจอร์กรุ๊ป การวิจัยของผมนั้นไปต่อไม่ได้ แต่บางทีมาที่นี่แล้วมันอาจจะไปต่อได้"
"ยินดีต้อนรับเลย เมื่อคุณเข้าฟิวเจอร์กรุ๊ปแล้ว ผมจะให้ดูบางอย่างที่จะทำให้คุณต้องตกใจแน่นอน"
"แค่ตอนนี้ผมก็ตกใจแล้ว ผมไม่คิดเลยว่าเทคโนโลยีของฟิวเจอร์กรุ๊ปจะแข็งแกร่งกว่าที่ทุกคนคาดคิด"
อู๋ ฮ่าวเหรินยิ้ม หากนักวิทยาศาสตร์เหล่านี้เข้าร่วมกับฟิวเจอร์กรุ๊ปล่ะก็ เขาก็ไม่รังเกียจที่จะให้คนเหล่านี้ดูยานอวกาศจริง
เขาเชื่อว่าตอนนั้น คนเหล่านี้จะต้องอยากทำงานในฟิวเจอร์กรุ๊ปจนไม่คิดเรื่องอื่นแน่นอน
หลังจากเข้าโรงเรียนไปแล้วอู๋ ฮ่าวเหรินก็ไม่เดินตามพวกเขา เขาบอกให้นักวิทยาศาสตร์เหล่านี้เดินสำรวจโรงเรียนได้เลย
บางสิ่งนั้นยุ่งยากมาก เป็นไปไม่ได้เลยที่ประเทศจะยกการศึกษาสำหรับเด็กให้ฟิวเจอร์กรุ๊ปจัดการ
แต่อู๋ ฮ่าวเหรินต้องการทำให้ความรู้เหล่านั้นเป็นเป็นที่แพร่หลาย ต้องเริ่มจากเด็กจุดเริ่มการเปลี่ยนแปลง ด้วยวิธีนี้สองชั่วอายุคนสามารถทำให้ระดับความรู้ของโลกก้าวกระโดดไปหลายระดับ
ตอนนี้ผู้ที่ศึกษาความรู้ขั้นสูงในโรงเรียนได้เริ่มที่จะมีวิธีคิดแบบนั้นแล้ว
นี่เป็นเหมือนช่องว่างระหว่างคนสองรุ่น นอกจากนี้ยังมีช่องว่างระหว่างความรู้ซึ่งยากต่อการเปลี่ยนแปลงและอันตราย หากมันพลาดไปล่ะก็อาจทำให้เกิดการเสียสติได้เลย
เพื่อให้มนุษยชาติบนโลกสามารถเข้าถึงการรับรู้ของมนุษย์โลกในอนาคต ซึ่งต้องให้อู๋ ฮ่าวเหรินสร้างการพัฒนาอย่างก้าวกระโดด
ความรู้ที่สอนในโรงเรียนนี้ก็สูงกว่าระดับเทคโนโลยีโลกอย่างน้อยหนึ่งพันปี อย่างไรก็ตามเนื่องจากเป็นส่วนเล็ก ๆ ของความรู้ซึ่งหลัก ๆ ก็เกี่ยวข้องกับยานอวกาศดังนั้นจึงไม่มีปัญหา
เนื่องจากในความคิดมนุษย์นั้นไม่มีความฝังใจอะไรในยานอวกาศ พวกเขาจึงไม่ได้ยกเว้นความรู้นี้ไป
ในทางตรงกันข้ามเนื่องจากความอยากรู้อยากเห็น คนเหล่านี้ศึกษาความรู้ยานอวกาศอย่างจริงจังมากกว่าความรู้อื่น ๆ
นักวิทยาศาสตร์หลายคนเดินวนรอบโรงเรียนเป็นเวลาสองชั่วโมง พวกเขาไม่โผล่มาในโรงอาหารของโรงเรียนจนกว่าพวกเขาจะหิว
ในเวลานี้พวกเขาดูไม่เหมือนนักวิทยาศาสตร์แต่เหมือนนักเรียนมากกว่า และมักถามคำถามกับนักเรียนคนอื่น ๆ ในโรงเรียน
ดูเหมือนว่าพวกเหล่านี้ก็ถูกดึงดูดด้วยความรู้ด้านยานอวกาศในโรงเรียนด้วยเช่นกัน
0 ความคิดเห็น