CF:บทที่ 434 หลิง เหมิงเสวี่ยอิจฉา

นิยายลงทุกวัน เวลา 6.00 น. ส่วนเรื่องไหน จำนวนกี่ตอนนั้น สามารถดูได้ ที่นี่

CF:บทที่ 434 หลิง เหมิงเสวี่ยอิจฉา

อู๋ ฮ่าวเหรินพาแดฟเน่ไปโรงเรียน เมื่อได้รู้ว่าเธอจะได้เข้าเรียนที่นี่ แดฟเน่ก็ได้พักอยู่สองวันและอดใจรอที่จะไปโรงเรียนไม่ไหว

เช้านี้ อู๋ ฮ่าวเหรินจึงมาหาเด็กสาว เขาต้องพาเธอไปโรงเรียน

“พี่ชาย ลุงดีแลนบอกฉันว่าความรู้ที่สอนกันในโรงเรียนนั้นเกี่ยวข้องกับยานอวกาศด้วยมันจริงรึเปล่า?” แดฟเน่ดึงแขนอู๋ ฮ่าวเหรินแล้วถาม ดูเหมือนว่าเธอจะสงสัยเกี่ยวกับโรงเรียนนั้น

“ก็มีสอนความรู้ที่เกี่ยวกับอวกาศอยู่บ้างนะ ไว้ค่อยไปดูว่าอยากเรียนอะไรแล้วค่อยเลือกก็ได้”

คนในโรงเรียนต่างมองไปที่เด็กสาวต่างชาติที่มากับอู๋ ฮ่าวเหรินแล้วสงสัยว่าหัวหน้าชอบเด็กแบบนี้รึไง

แดฟเน่หายดีแล้ว แต่เพราะเธอป่วยมาเป็นเวลานานทำให้พัฒนาการทางร่างกายไม่ปกติซึ่งทำให้ร่างกายของเธอดูเล็ก

อย่างไรก็ตาม ส่วนที่กำลังเติบโตก็เติบโตเต็มที่แล้ว และร่างกายก็ดูเหมือนตุ๊กตาอายุ16-17ปี

“นั่นใครน่ะ? แฟนของหัวหน้าหรือ? แต่ดูตัวเล็กไปหน่อยนะ”

“คงไม่ใช่แหละ ฉันได้ยินมาว่านั่นเป็นผู้ป่วยจากยุโรปที่มารักษาตัวที่บริษัท อาการป่วยของเธอเหมือนกับเป็นอัมพาตเลย”

“ป่วยเป็นอัมพาต? ได้ยินมาผิดรึเปล่า ที่เห็นนี่ก็เด็กสาวสุขภาพแข็งแรงดีคนหนึ่ง ไม่เห็นมีร่องรอยอาการป่วยที่ว่าเลยนี่?”

“จริงนะ ได้ยินมาว่าบริษัทมีเทคโนโลยีที่รักษาอาการป่วยทางเส้นประสาทได้ และหลายคนก็ได้รักษาโดยเทคโนโลยีนี้แล้ว เพื่อนแผนกความปลอดภัยของฉันบอกมาน่ะ”

“ก็นะการรักษาอัมพาตได้เนี่ยต่อให้ข่าวแพร่กระจายออกไปมันก็เป็นที่ตื่นตาเท่ารักษามะเร็งได้หรอก”

ความสงสัยของคนเหล่านี้ได้เปลี่ยนไปแล้วและเลิกสนใจเด็กที่มากับอู๋ ฮ่าวเหริน

ถ้าฟิวเจอร์กรุ๊ปรักษาอัมพาตได้จริงมันจะต้องเป็นที่ฮือฮาแบบตอนที่รักษามะเร็งได้แน่นอน

อู๋ ฮ่าวเหรินไม่รู้เลยว่าการที่เขาสนิทกับแดฟเน่นั้นทำให้เกิดการเข้าใจผิดกันขึ้นในหมู่นักเรียน

ขณะเขากำลังชี้ไปที่หุ่นยนต์และอธิบายให้แดฟเน่ฟังว่า “นี่หุ่นยนต์เก็บกวาดขยะในโรงเรียน สามารถดูแลความสะอาดของโรงเรียนได้โดยไม่ต้องสั่งการ”

แดฟเน่ลองจับผิวโลหะของหุ่นยนต์อย่างสงสัยแล้วกระซิบว่า “สุดยอดเลย แต่มันทำไมถึงไม่ขยับล่ะ?”

“เพราะว่าไม่มีขยะอยู่ในบริเวณที่เขารับผิดชอบอยู่ หมายความว่าทุกคนรักษาความสะอาดกันดีมาก”

“ถ้ามีหุ่นยนต์แบบนี้ที่บ้าน พวกคนรับใช้และป้าก็ไม่ต้องลำบากเลย”

“แต่ถ้ามีหุ่นยนต์แบบนี้ที่บ้านเธอ ป้าที่ดูแลเธอก็จะตกงานนะ พวกเขาจะหาเงินไม่ได้แล้วถ้าไม่มีเงินก็จะไม่มีข้าวกิน”

“อ้ะ! งั้นไม่มีหุ่นยนต์ดีกว่า ป้าดูแลแดฟเน่ดีมาก”

อู๋ ฮ่าวเหรินยิ้ม เขาระวังเรื่องปัญหาจากหุ่นยนต์อยู่เสมอเพราะเขาเข้าใจเป็นอย่างดีว่าหากหุ่นยนต์ได้รับความนิยมและนำมาทำงานแทนคนปกติ ไม่ช้าจะต้องเกิดปัญหาใหญ่ในสังคมแน่

งานของคนจำนวนมากจะถูดทดแทนด้วยหุ่นยนต์ นั่นจะนำไปสู่การตกงานของชนชั้นแรงงานจำนวนมาก

แล้วถ้าคนเหล่านี้ไม่มีงานและไม่มีรายได้ พวกเขาก็คงจะไปก่ออาชญากรรมแทน

ในสังคมแบบนี้ ตราบเท่าที่มีคนตกงานปัญหาก็จะเกิดขึ้นได้ง่ายมาก แน่นอนว่าเขาก็คิดถึงวิธีการแก้ปัญหาเอาไว้แล้ว ซึ่งก็คือการย้ายถิ่นฐานไปสู่ต่างดาว เมื่อประชากรบนโลกลดลงและแรงงานไม่พอ ตอนนั้นหุ่นยนต์ก็จะมีประโยชน์ขึ้น

ไม่ช้าพวกเขาก็มาถึงเขตการเรียนการสอน มีคนจำนวนมากที่นี้แต่พวกเขาต่างกำลังเรียนกันอยู่ การที่อู๋ ฮ่าวเหรินมานั้นไม่ได้ดึงความสนใจมากนักจึงมีคนไม่กี่คนจากเขตการเรียนการสอนมาต้อนรับเขา

“มีคนเยอะจัง!”

“ก็นะนักเรียนส่วนใหญ่ก็จะอยู่ในเขตนี้ช่วงกลางวัน ทีนี้ก็ลองเลือกเขตเลย เธออยากเรียนอะไรล่ะ? พอเลือกแล้วหุ่นยนต์ก็จะนำทางเธอไปที่นั่นเอง”

แดฟเน่ฟังที่อู๋ ฮ่าวเหรินพูดแล้วก็เลือกด้วยความจริงจัง

“ฉันจะไปเรียนภาควิชาศิลปะ”

ที่นั่นมีคนน้อยมากส่วนใหญ่ก็เป็นผู้หญิง ตอนที่พวกเขาว่างก็จะมาเรียนเรื่องศิลปะกับวิทยาศาสตร์

“พี่เหมิงเสวี่ย พี่ฉันมาที่นี่กับเด็กผู้หญิงต่างชาติล่ะ”

หลายคนที่กำลังพักอยู่ในห้องนั่งเล่นต่างมองที่อู๋ ฮ่าวเหรินที่เพิ่งเข้ามา อู๋ เสี่ยวฉานเห็นทั้งคู่ทันที

หลิงเหมิงเสวี่ยดีใจมากที่เห็นอู๋ ฮ่าวเหรินมาแต่สีหน้าเธอก็เปลี่ยนไปทันทีที่สังเกตุเห็นเด็กผู้หญิงที่อยู่ข้างอู๋ ฮ่าวเหริน

เธอรีบลุกขึ้นและวิ่งไปกอดแขนข้างหนึ่งของอู๋ ฮ่าวเหรินก่อนจะถามแดฟเน่อย่างไม่ไว้ใจว่า “เธอเป็นใคร?”

อู๋ ฮ่าวเหรินมองที่หลิงเหมิงเสวี่ย เขาทำอะไรไม่ถูก ตั้งแต่ที่หลิงเหมิงเสวี่ยกลับมาเป็นปกติทั้งแม่และยายของเธอก็บอกเธอว่าเป็นคู่หมั้นของเขา

ถ้าเป็นคนปกติ การที่ได้รับรู้อะไรแบบนี้ก็จะไม่มีผลกระทบอะไร แต่ตอนที่หลิง เหมิงเสวี่ยป่วยความคิดอ่านของเธอนั้นกลายเป็นเหมือนเด็กเล็ก และการที่ได้รับรู้เรื่องแบบนี้จึงเกิดปัญหา

ตอนที่เขาได้รู้เรื่องนี้ แม้ว่าเขาจะเตือนครอบครัวของเธอทั้งสองคนไปแล้ว แต่ผลลัพธ์คือมันได้ส่งผลกระทบต่อหลิง เหมิงเสวี่ยไปเสียก่อนแล้ว

แดฟเน่มองหลิง เหมิงเสวี่ยที่สวยกว่าเธอและตอบด้วยรอยยิ้ม “สวัสดีค่ะพี่สาว ฉันชื่อแดฟเน่”

“นี่คือแดฟเน่ เป็นหนึ่งในคนไข้ของฉันและเธอกำลังจะเข้าเรียนที่นี่ เหมิงเสวี่ยพาเธอไปเดินชมโรงเรียนหน่อยนะ”

“ได้ค่ะพี่ฮ่าวเหริน”

แม้ว่าเธอจะตกลง แต่หลิง เหมิงเสวี่ยก็มองแดฟเน่อย่างระแวดระวัง เห็นได้ชัดว่าเธอมองเป็นคู่แข่ง

อู๋ ฮ่าวเหรินมองเธอแล้วหวังว่าการได้เรียนที่นี่จะเปลี่ยนแปลงสถานการณ์นี้ได้

“เสี่ยวฉาน จ๋วนจ๋วน การเรียนที่นี่เป็นยังไงบ้าง?” อู๋ ฮ่าวเหรินนั่งลงแล้วถาม

“มันต่างจากโรงเรียนเก่ามาก มีหลายอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน เพื่อนร่วมห้องที่โรงเรียนเก่าของฉันอยากมาดูที่นี่ล่ะ ฉันพาพวกเขามาได้ไหม?”

“ได้สิ”

“เย้! เยี่ยมเลย ฉันจะพาพวกเขามาพรุ่งนี้พวกเขาจะได้รู้ว่าที่ฉันพูดมันเป็นความจริง”

อู๋ ฮ่าวเหรินลูบหัวน้องสาวแล้วก็นึกขึ้นได้ว่าตอนนี้น้องเขาก็ยังเป็นแค่เด็กสาวอยู่

ดูเหมือนว่าเขาจะต้องสร้างโรงเรียนข้างนอกให้เร็วเลย เพราะสภาพแวดว้อมที่นี่นั้นไม่เหมาะสำหรับการเรียนของพวกเขา

อู๋ เสี่ยวฉานกระซิบถามว่า “นี่พี่กำลังจะหาน้องสาวให้ฉันหรือ?”

อู๋ ฮ่าวเหรินดูสีหน้าของเธอแล้วก็มึนงงไปชั่วขณะ ก่อนจะรู้สึกตัวแล้วเขกหัวเธอไป

“คิดอะไรอยู่ นั่นมันเรื่องของผู้ใหญ่ไม่เกี่ยวกับเด็กซะหน่อย”

“ฉันไม่ใช่เด็กแล้วนะ แม่เคยเล่าให้ฟังว่าแม่แต่งงานก่อนจะอายุเท่าฉันเสียอีก”

“ดูจ๋วนจ๋วนสิ เธอหัวเราะใหญ่แล้ว”

หลังจากที่ทั้งสามคุยกันอยู่สักพัก อู๋ ฮ่าวเหรินก็เข้าใจข้อบกพร่องบางอย่างผ่านพวกเขา

เมื่อหลิง เหมิงเสวี่ยกลับมาพร้อมกับแดฟเน่ อู๋ ฮ่าวเหรินก็มองทั้งคู่อย่างสงสัย ตอนที่พวกเธอออกไปหลิง เหมิงเสวี่ยยังระวังแดฟเน่อยู่เลย แต่พอตอนกลับมาทั้งคู่ก็ดูสนิทกันอย่างกับเป็นพี่น้องเลย

“พี่ชาย ฉันจะเลือกเรียนดนตรีเหมือนพี่เหมิงเสวี่ย”

“เรียนดนตรีสินะ เข้าใจแล้ว อยากเรียนเรื่องอะไรล่ะ?”

ถ้าจะพูดให้เข้าใจง่ายๆ ทั้งคู่ก็เหมือนกับเป็นกระดาษขาวดังนั้นจึงเป็นเพื่อนกันได้ง่าย

อู๋ ฮ่าวเหรินไปบอกซู รุยแล้วกลับออกมาจากที่นั่น


แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น