CF:บทที่ 421 บริษัทยานยนต์มาถึงทางตัน
แม้จะมีผู้คนมากมายที่ต้องการซื้อรถ แต่พวกเขาก็ยังคงทำได้แค่รอดูท่าทีต่อไปเท่านั้น
เพราะรถไม่ได้เป็นของชิ้นเล็กๆ ถ้าคุณซื้อไปแล้วก็อาจจะสร้างปัญหาในภายหลังได้
เมื่อเห็นการนำเสนอรถทุกชนิดบนเว็บไซท์ทางการ ผู้คนต่างก็คิดว่าสมรรถภาพของรถก็คงเหมือนกับที่แนะนำมา และถ้าเป็นแบบนั้นจริงก็เท่ากับว่ารถยนต์จากต่างประเทศที่มีชื่อเสียงก็จะไม่ได้เกิดเลย
เห็นได้ชัดว่า บริษัทรถยนต์นำความคิดของผู้คนไปพิจารณา หลังจากข่าวนี้ปล่อยออกมาเพียงครึ่งชั่วโมง ก็มีการใส่วิดีโอรถแต่ละคันบนเว็บไซต์
วิดีโอพวกนี้ทั้งหมดคือวิดีโอทดสอบยานพาหนะ ทำไมถึงขายรถพวกนี้ การทดสอบรถพวกนี้เป็นสิ่งจำเป็นเพื่อที่จะยืนยันในสมรรถภาพของรถ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับสมรรถภาพของเครื่องยนต์ ในช่วงระหว่างนี้ พวกเขาทำการทดลองทุกอย่างและพบว่าเครื่องยนต์ยังดีกว่าที่อู๋ ฮ่าวเหรินได้อธิบายไว้ซึ่งแสดงให้พวกเขาเห็นถึงความหวังว่าประเทศจีนจะมีความเจริญในด้านเครื่องจักรกล
ในตอนนี้ อุตสาหกรรมของประเทศจีนกำลังเผชิญกับการปฏิวัติเทคโนโลยี ถ้าการปฏิวัติเทคโนโลยีจบลงเมื่อใด ระดับของเทคโนโลยีทั้งประเทศก็จะอยู่เหนือยุโรปและอเมริกา
ในอดีต พวกนั้นต่างตั้งข้อจำกัดเทคโนโลยีมากมายกับประเทศจีน แต่พอครั้งนี้ สถานการณ์เปลี่ยนไป ประเทศจีนเริ่มที่จะตั้งข้อจำกัดเทคโนโลยีกับประเทศพวกนั้นที่ครั้งหนึ่งเคยจำกัดเทคโนโลยีกับประเทศจีนบ้าง
วิดีโอนี้เผยแพร่ไปบนอินเทอร์เน็ตอย่างรวดเร็ว แม้กระทั่งคนบางคนก็นำการทดสอบรถนี้ไปไว้ในภาพยนตร์
“พี่ครับ รถคันนี้ผลิตขึ้นในประเทศเราจริงๆใช่ไหม”
“นี่นายถามบ้าอะไรเนี่ย ประเทศเราไม่ได้ผลิต ประเทศอื่นต่างหากที่ส่งมาให้เรา เวรเอ้ย รถโคตรดีอ่ะ โดยเฉพาะการเข้าโค้ง ฉันรู้สึกเลยว่าคนขับแค่อยู่เฉยๆยังได้เลย”
“คนรู้ใจของพวกผู้หญิงที่มีปัญหาในการขับรถมาถึงแล้ว รถไร้คนขับแบบนี้คือสวัสดิการของคนส่วนใหญ่ที่ขับรถไม่เป็น”
“โอ้ บอกฉันหน่อยได้ไหมว่าเราจะหยุดรถได้ยังไง ทำไม คนที่อยู่ในรถจะไม่เป็นไรหรือ”
“ใช่น่ะสิ เอ แต่กฎของแรงเฉื่อยจะไม่ทำงานอีกต่อไปงั้นหรือ”
“น่าจะเกี่ยวกับการออกแบบที่นั่งและตัวรถ แรงเฉื่อยยังมีอยู่แต่หักล้างกันเอง”
“ฉันสั่งๆ ขอเป็นรถคันพิเศษโคตรแพง อย่ามาแย่งฉันซี”
“นายช้าไปแล้ว เดี๋ยวไปดูก่อนนะ สิบนาทีหลังจากข้อมูลเรื่องรถถูกปล่อยออกมา ก็มีคำสั่งซื้อรถพิเศษถึง 1000 คัน ทำให้เห็นว่าบางครั้ง พลาดไปแค่ไม่กี่นาทีก็พลาดโอกาสได้”
รถประสิทธิภาพสูงจำนวนพันคันล้วนแล้วแต่เป็นรถที่มีไว้เพื่อวัตถุประสงค์พิเศษ มีคนเข้ามาสั่งไว้ภายในสิบนาทีผ่านทางข้อความ
หรือจะพูดได้ว่า รถแบบพิเศษเช่นนี้ ผู้คนต่างจะแย่งชิง โดยเฉพาะรถหรูราคา 50 ล้านหยวนที่ผู้คนต่างแย่งกันจริงจัง
บางคนก็บอกว่ารถหรูคันดังกล่าวถูกแย่งไปจากคนภายในบริษัทรถเอง
หรือจะกล่าวได้ว่ารถแบบพิเศษส่วนใหญ่เป็นนักวิจัยยานยนต์ในบริษัทที่ขโมยไป แต่ทว่าเงินเดือนที่พวกเขาได้รับก็สูงมาก จึงไม่มีความกดดันที่ต้องซื้อรถ
เพราะรถที่พวกเขามีอยู่แล้วนั้น พวกเขารู้ว่าเป็นรถที่ดีแค่ไหน
“ผมเพิ่งได้รับข้อความมา ไม่รู้ว่าจริงหรือเปล่าครับ”
“ข่าวอะไรล่ะ บอกฉันซิ”
“พนักงานจากบริษัทรถยนต์ที่นี่ หลังจากที่รถยนต์ได้รับการจัดเวลาออกจำหน่าย ทุกคนต่างก็เข้าไปสั่งรถ บางคนก็สั่งมากกว่าหนึ่งคันครับ”
“แล้วอย่างงั้น บริษัทรถกุข่าวเรื่องขายรถหรือเปล่า”
“ถ้าท่านต้องการอีก ผมขอให้เพื่อนที่อยู่ในบริษัทรถนั่นสั่งให้ผมคันหนึ่ง เพื่อนที่ผมรู้จักบอกว่าคนในบริษัทนั้นน่ะ ตราบใดที่ยังขับรถกันอยู่ ก็ต้องซื้อรถกันเอง”
“ทำไมล่ะ”
“ความปลอดภัยครับ ผมขอพูดความจริงเลย ถ้าคนขับรถแบบนั้นแล้วไปเกิดอุบัติเหตุ ก็ถือว่านั่นไม่ใช่ความรับผิดชอบของคุณ เพื่อนผมบอกว่าคอมพิวเตอร์ในรถที่ติดตั้งในรถธรรมดา และเพราะไม่มีอุปกรณ์เสริม จึงทำได้เพียงแค่ใช้เป็นตัวที่เตือนเรื่องการควบคุม แต่ในภายภาคหน้า ทางกลุ่มก็จะสามารถป้องกันปัญหาทุกรูปแบบผ่านทางคอมพิวเตอร์ที่ติดมาในรถได้ครับ”
“พี่ชายพูดถูก ฉันถามข้อมูลจากคนอื่นมาแล้ว นั่นเป็นเรื่องจริง หรือถ้าจะให้พูดตามจริง เทคโนโลยีรถไร้คนขับเป็นเทคโนโลยีที่ดีที่สุดเลยจริงๆ”
ยิ่งมีคนค้นหาพนักงานในบริษัทยานยนต์มากขึ้นเรื่อยๆ ข้อมูลวงในก็เริ่มเปิดเผยมากขึ้นเรื่อยๆเช่นกัน
โดยเฉพาะ ทางกองทัพที่เปลี่ยนพาหนะที่นำมาใช้ในกองทัพเมื่อเดือนก่อนไม่นานมานี้ โรงงานรถยนต์ของสี่เหล่าทัพต่างบอกว่าพวกตนกำลังเสี่ยงที่จะล้มละลาย จนตอนนี้ต้องหาความช่วยเหลือจากประเทศและหวังจะร่วมงานกับบริษัทยานยนต์ของฟิวเจอร์กรุ๊ป
ตอนนี้ บริษัทรถยนต์ดูวุ่นวายมากกว่าเดิม ส่วนพวกช่างก็กำลังดูใบสั่งซื้อรถยนต์กันอยู่
“เจ้านายครับ เจ้านาย ยอดซื้อรถทะลุไปถึง 500000 คันอย่างไม่น่าเชื่อเลยครับ”
“อืมๆ ใจเย็นๆก่อน ข้อมูลตรงนี้ไม่ได้เป็นอย่างที่เราหวังนะ”
“แต่หัวหน้า ผมแสร้งทำเป็นใจเย็นไม่ได้แล้วครับ ดูสิ มือผมสั่นไปหมดแล้ว ต้องใช้เวลานานมากกว่ายอดจองจะไปถึงตั้ง 500000 คันแบบนี้ พูดได้เลยว่านี่คือปาฏิหาริย์ที่เกิดขึ้นในประวัติศาสตร์ของยานยนต์เลย”
เมื่อเห็นข้อมูลตรงนี้ นักวิจัยรถยนต์ก็เข้าใจชัดเจนแล้วว่านี่เป็นความสำเร็จแบบไหน
อาจพูดไม่ได้ว่ามีใครกำลังมา แต่ที่แน่ๆก็คือในบริษัทรถยนต์ใดๆก็ตามไม่เคยมียอดขายไปถึงระดับนี้มาก่อน
บริษัทรถยนต์พวกนั้นต่างกำลังสนใจว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับรถที่ฟิวเจอร์กรุ๊ปผลิตออกมา
ตอนนี้เมื่อพวกเขาได้เห็นวิดีโอของรถพวกนั้น ก็ทำให้รู้สึกไม่สบายใจ เพราะรถในวิดีโอนั่นแทบจะฆ่าพวกเขาให้ตายโดยสมบูรณ์
บริษัทรถยนต์ต่างพบเจอกันเพื่อถกกันถึงวิธีหาทางรอด กับการพัฒนาเช่นนี้ ฟิวเจอร์กรุ๊ปก็จะเข้ามาครอบครองตลาดยานยนต์โดยสมบูรณ์
“ท่านผู้บริหารครับ ไม่มีทางเลือกเลยครับ นี่ไม่ใช่ว่าเราทำไม่ได้ แต่เทคโนโลยีของพวกเขาน่ะก้าวหน้ามากเกินไป จากที่ได้เห็นในวิดีโอนั่น แค่เทคโนโลยีระดับที่หนึ่งของพวกเขายังมากกว่าของเราเสียอีก”
“จริงๆแล้ว นับตั้งแต่ที่ทางฟิวเจอร์กรุ๊ปนั่นประกาศเรื่องการวิจัยยานยนต์ ยอดขายของบริษัทเราก็ดิ่งลงเรื่อยๆ และต่อไปยอดขายก็จะยิ่งต่ำลงกว่านี้แน่ๆ” ฝ่ายขายพูดขึ้น
“ไม่มีหนทางเลยหรือ”
“ไม่มีเลยครับ เพราะนี่คือปัญหาในด้านเทคโนโลยี ถ้าเราไม่ทำให้เทคโนโลยีของเราก้าวหน้าขึ้น ก็ไม่มีหนทางอื่นแล้ว”
ในตอนนี้ มีบางคนในห้องประชุมต่างคิดไปถึงอีกปัญหาหนึ่งว่าที่เทคโนโลยียานอวกาศได้รับการโปรโมตจากฟิวเจอร์กรุ๊ปนั้นเป็นเรื่องจริงหรือไม่
เพราะดูจากเทคโนโลยียานยนต์ สิ่งนี้มีผลกระทบกับพวกเขาอย่างมาก และเทคโนโลยียานยนต์ที่ล้ำหน้าแบบนี้ได้พิสูจน์ว่าฟิวเจอร์กรุ๊ปเป็นคนทำขึ้นมา
ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีข่าวบนอินเทอร์เน็ตเกี่ยวกับเทคโนโลยีฟิวชันนิวเคลียร์ของประเทศจีนที่ฟิวเจอร์กรุ๊ปเป็นคนทำขึ้นมาอีกเช่นกัน
ถ้าฟิวเจอร์กรุ๊ปมีเทคโนโลยีทันสมัยแบบนี้อยู่จริง ก็ถือว่าพวกเขานั้นคือจ้าวแห่งเทคโนโลยีการผลิตยานอวกาศ ไม่ใช่เรื่องที่เหลือเชื่อแต่อย่างใด
ผู้บริหารยังกล่าวอย่างหมดหวังต่อไปว่า “ติดต่อพวกเขาไปดูว่าต้องการคนร่วมงานด้านเทคโนโลยีบ้างไหม”
เห็นได้ชัดว่า หลังจากพูดคุยอะไรกันมากมายแล้วนั้น บริษัทรถหลายๆบริษัทก็หมดหวังที่จะหาหนทางเพื่อให้ก้าวข้ามเทคโนโลยีตัวนี้ไป
บางบริษัทก็เลือกที่จะรอดู บางแห่งก็ส่งคนเข้าไปติดต่อกับทางรัฐบาลจีนเป็นที่เรียบร้อย
เพราะบริษัทยานยนต์นี้ก็คือฟิวเจอร์กรุ๊ปที่ร่วมมือกับทางรัฐบาลจีน ถ้าคุณต้องการที่จะร่วมมือ คุณก็ต้องผ่านขั้นนี้ไปก่อนก่อนที่จะหวังว่าจะได้คุยกับฟิวเจอร์กรุ๊ป
ในตอนนี้ พวกเขาเหล่านั้นต่างเรียนรู้จากจื่อ หยงว่าอู๋ ฮ่าวเหรินต้องการที่จะสื่ออะไรกับพวกตน
นอกจากนี้ วิดีโอที่จื่อหยงส่งไป หลังจากได้ดูแล้วนั้น เขาก็รู้สึกอึ้งจนพูดไม่ออก
0 ความคิดเห็น