TB:บทที่ 65 สังหารซ่งหยู่
"พี่จะกลับมาตอนไหนก็ได้เมื่อพี่ต้องการ ผมคิดว่าผมจะปักหลักอยู่ที่นี่แหละ" เห็นว่าเฉินหลงปฏิเสธที่จะแข่งกับตัวเอง ต้าซูจินเหลียนคิดว่าเฉินหลงคงกลัวเขา นั่นทำให้เขารู้สึกฉุนเฉียวมากขึ้นกว่าเดิม
เฉินหลงหันไปมองต้าซูจินเหลียนอีกหนึ่งครั้ง จากนั้นก็เดินออกไปจากห้องต่อ
เห็นว่าเฉินหลงเมินตัวเองแล้ว ต้าซูจินเหลียนก็พุ่งเข้าไปหาเฉินหลงแล้วใช้ใช้มือเล็งไปที่ศีรษะของเฉินหลงในทันที ดูจากท่าของเขาแล้ว เหมือนกับว่าเขาคงจะฝึกต่อยมวยมาจริง ๆ
แต่ประสิทธิภาพการต่อสู้ของเขา กลับไม่ได้อยู่ในสายตาของเฉินหลงเลยสักนิด
เฉินหลงยื่นมือขวาออกไปข้างหน้า เขารับหมัดของต้าซูจินเหลียนไว้ได้ด้วยมือเดียว
ต้าซูจินเหลียนพยายามชักมือกลับ แต่เขากลับรู้สึกว่ากำหมัดของเขาถูกยัดเข้าไปในหินแข็งๆ เพราะเขาไม่สามารถขยับมือได้เลย นอกจากนี้มือของเฉินหลงก็เริ่มบีบเขาแน่นขึ้นเรื่อยๆ เขารู้สึกเหมือนกระดูกที่นิ้วและฝ่ามือของตนกำลังถูกเฉินหลงบดให้แหลกคามือ
ด้วยแรงจากฝ่ามือของหลงทำให้ต้าซูจินเหลียนค่อยๆคุกเข่าข้างหนึ่งลงช้าๆ ใบหน้าของเขาก็บิดเบี้ยวเพราะความเจ็บปวด
"ที่บอกว่าไม่สู้ ฉันไม่ได้หมายความว่าฉันสู้ไม่ได้ แต่เป็นนายที่สู้ไม่ได้ต่างหากล่ะ" เฉินหลงปล่อยมือของอีกฝ่ายให้เป็นอิสระ แล้วหันหลังกลับ
เฉินหลงและต้าซูจินเหลียนไม่เคยมีความบาดหมางกันมาก่อน ดังนั้นเขาจึงไม่จำเป็นต้องบดกระดูกของเด็กหนุ่มคนนี้
ถึงมันไม่ได้ถูกบด มือของต้าซูจินเหลียนก็ยังถูกบีบแรงเสียจนเขารู้สึกเจ็บและตามมาด้วยรอยช้ำ เห็นได้ชัดว่าเฉินหลงเป็นคนที่แรงเยอะมาก
"บอส แล้วตอนนี้เราจะทำยังไงดีครับ?" เด็กชายตัวเปี๊ยกเอ่ยถาม
ตอนที่เขาถูกเฉินหลงสั่งสอน พวกเขาไม่ได้ช่วยเขาไว้ ตอนนี้พวกเขาก็โผล่หัวมาทันทีเมื่อเฉินหลงเดินออกไป มันทำให้เขาคิดว่าตัวเองล้มเหลวในฐานะที่เป็นบอส เจ็บใจนัก ฝากไว้ก่อนเถอะ!
"ดำเนินธุรกิจต่อไปแต่ไม่ต้องไปยุ่งกับธุรกิจของจี้โม่ไป๋แล้ว พอ ไม่ต้องรับออเดอร์การเติมเงินของเขาแล้ว" หลังจากที่โดนเฉินหลงสั่งสอนแล้ว เขาไม่คิดจะยุ่งกับกล้ามเนื้อเป็นมัดนั่นอีกต่อไป
ในมื่อพี่ใหญ่ออกปากพูด หยูเจียงที่อายุน้อยกว่าก็คงต้องปฏิบัติตามคำสั่งอีกฝ่ายเท่านั้น
เฉินหลงเดินออกจากห้องหมากรุกและไพ่ไปพร้อมกับความผิดหวังน้อยๆ เฮ้อ ผลที่ได้นั้นไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการเลยอ่ะ
"ดูเหมือนว่าเราจะทำอะไรได้ก็เพราะระบบเท่านั้น" เฉินหลงไม่ได้เป็นตำรวจ และเขาไม่ต้องการที่จะใช้เวลาไปกับการดูถูกอีกต่อไป เขาตัดสินใจหาวิธีในระบบแทน
ในช่วงครึ่งเดือนที่ผ่านมา เฉินหลงได้รับ 10,000 คะแนนจากการซื้อขายอาหารอร่อยๆกับเทียนซิงจื่อ นอกจากนี้เขายังทำการค้าขายกับเยียนไท่เกาอีกแล้วก็ได้มาอีก 5,000 คะแนน เขาไม่ได้ขาดแคลนคะแนน แต่ถึงอย่างนั้นเทียนซิงจื่อก็ได้ลิ้มรสอาหารอร่อยทั้งหมดในซิงเฉิงแล้ว เขาเริ่มรู้สึกเบื่ออาหารแต่ก็ต้องการหาคะแนนมาให้ได้มากกว่านี้ ซึ่งมันไม่มีทางเป็นไปได้เลยในตอนนี้
เพื่อแก้ปัญหาของจี้โม่ไป๋ มีวิธีมากมายในระบบเช่น เพิ่มความฉลาดทำให้ตัวเองฉลาดขึ้น เรียนรู้การใช้โปรแกรมและสร้างโปรแกรมเล็กๆ เพื่อแทนที่ซอฟต์แวร์ห่วยๆนั่น
หรือแลกเปลี่ยนระบบอัจฉริยะสักอัน เพื่อเขียนโปรแกรมเล็กๆเป็นของตัวเอง
ในที่สุด เฉินหลงก็ตัดสินใจซื้อระบบอัจฉริยะ
ถึงการเพิ่มความฉลาดจะดีไม่น้อย แต่เขาก็ต้องรู้หลักการเขียนโปรแกรม แล้วก็ต้องเขียนโค้ดเองได้ด้วย ด้วยเหตุนี้มันจึงไม่ใช่สิ่งที่เฉินหลงต้องการสักเท่าไหร่
เขาไม่ได้อยากจะเป็นคนที่มีสติปัญญาดีเลิศเป็นพิเศษ เขาสามารถบดขยี้คนอื่นด้วยพลังการต่อสู้ก็พอแล้ว ไม่เห็นจำเป็นต้องเอาชนะคนอื่นด้วยไอคิวเลยนี่ ให้ตาย เป็นผู้ชายนี่น่าเบื่อจริงๆเลยวุ้ย
หลังจากนั้นเฉินหลงแลกเปลี่ยนระบบอัจฉริยะจากระบบ
ระบบอัจฉริยะนี้ มาจากไลฟ์แมชชีน ดาวเคราะห์บลูทัวร์ ราคาอยู่ที่ 1,000 คะแนนแลกเปลี่ยน
บนดาวเคราะห์แลนด์ทัวร์ ทุกไลฟ์แมชชีนจะมีระบบอัจฉริยะเป็นของตัวเอง ด้วยระบบนี้ การพัฒนาของไลฟ์แมชชีนแต่ละเครื่องมีความแตกต่างกัน เช่นเดียวกับมนุษย์ ไม่มีใครเหมือนกันทุกอย่างหรอก ทุกคนล้วนแตกต่างกันทั้งนั้น
หลังจากไลฟ์แมชชีนแต่ละเครื่องตาย ระบบอัจฉริยะของมันจะจัดรูปแบบโดยอัตโนมัติ และรอการเปิดใช้งานครั้งถัดไป ซึ่งหมายความว่าไลฟ์แมชชีนนั้นเป็นอมตะ
บลูทัวร์ รวบรวมระบบอัจฉริยะที่จัดรูปแบบเป็นไอเท็มที่เขาเอามาขายในระบบ เขาจะป้อนโปรแกรมฟิกบางอย่างลงไปในระบบอัจฉริยะพวกนี้ ตามความต้องการของลูกค้า และปล่อยให้ระบบอัจฉริยะพวกนี้เติบโตไปพร้อมกับโปรแกรมฟิกเพื่อช่วยเจ้าของที่ซื้อพวกมันไป
แน่นอนว่าเฉินหลงไม่รู้ว่าระบบอัจฉริยะมาจากไหน แต่ถึงเขารู้ เขาก็จะซื้อมันอยู่ดี หึ คนมันมีเงินอ่ะ ทำไมจะซื้อไม่ได้
ใช้เวลาไม่นาน ก็ทำการซื้อขายเสร็จสิ้น เขาซื้อระบบแม่บ้านอัจฉริยะมา
ในคำอธิบาย ระบบนี้สามารถช่วยผู้ใช้ให้ทำเรื่องเล็กๆน้อยๆให้เสร็จเรียบร้อย ตราบเท่าที่ผู้ใช้ต้องการจะทำ สามารถใช้ให้มันทำแทนได้ มันจะทำงานที่ได้รับมอบหมายสุดความสามารถ
ตัวอย่างเช่น ถ้าเฉินต้องการทราบชนิดของซิการ์ เขาก็มอบงานให้กับระบบอัจฉริยะค้นหาได้ โดยใช้วลาเพียงห้าวินาทีในการรับภาพ มันก็จะแนะนำซิการ์ทั่วโลกให้ พร้อมทั้งเรียบเรียงลำดับข้อมูลแต่ละรายการให้เสร็จสรรพ เจ๋งสุดๆ
ถ้าเขาต้องการทำเพลง มันสามารถช่วยเฉินหลงได้ภายในเวลาอันสั้น
กล่าวคือ พอมีระบบนี้แล้ว เฉินหลงก็ทำตัวขี้เกียจสันหลังยาวได้มากกว่าเดิมอีก คิดๆดูแล้ว ชีวิตของเขานับวันยิ่งว่างงานว่างการเกินไปแล้วไหมเนี่ย
ระบบอัจฉริยะต้องการผู้ให้บริการ เฉินหลงใส่มันลงไปในเครื่องดักจับ ระบบอัจฉริยะเทียบเท่ากับอายุการใช้งานของแมชชีน ในการทำโปรแกรมให้สำเร็จไม่มีอะไรยุ่งยากเลยสักนิด
จากนั้น เฉินหลงก็กลับไปหาจี้โม่ไป๋ในทันที
ในตอนที่เฉินหลงกำลังเดินทางไปหาจี้โม่ไป๋ ทางฝั่งเผิงตงเองก็ได้ไปที่สถานีตำรวจเพื่อรายงานคดี
แน่นอนเผิงตงไม่ได้บอกกับตำรวจว่าเขาถูกโกงเงินหนึ่งร้อยล้านหยวน เพราะสุดท้ายแล้ว เทียบกับสถานะทางการเงินของครอบครัวเขาแล้ว ถูกโกงเงินหนึ่งร้อยล้านหยวนไป เป็นไปได้ว่าพวกเขาอาจจะไม่ช่วยเขาหาคนแล้ว แต่จะตามเขาไปที่บ้านมากกว่า
ดังนั้นเขาจึงบอกว่าซวีหมิงเหมยเป็นแฟนสาวของเขา แล้วก็บอกว่าเขาไม่สามารถติดต่อกับเธอได้เป็นเวลากว่าครึ่งเดือนแล้ว เขาจึงขอให้ตำรวจช่วยเขาตามหาเธอ แต่คำตอบที่เผิงตงได้รับจากตำรวจคือกลับไปรอที่บ้าน หากมีเบาะแสอะไร ทางตำรวจจะได้แจ้งรายละเอียดแก่เขาอีกครั้ง
เมื่อได้ยินคำตอบของตำรวจแล้ว เผิงตงเกือบมีเรื่องในสถานีตำรวจแล้ว เขาแค่อยากจะตามหาใครสักคน เผิงตงทำได้เพียงแค่ระงับอารมณ์เท่านั้น
"มันคิดวามันเป็นใคร? มันหาคนที่ทะเลาะกับแฟนมันไม่ได้ มันถึงได้มาขอให้ตำรวจช่วยหา มันหาคนที่ทำร้ายแฟนมันไม่ได้ มันถึงได้มาหาเรา นี่มันคิดว่าพวกเราไม่มีงานอื่นต้องทำแล้วเหรอไง"
"นั่นสิ มันคิดว่าเราเป็นใคร"
หลังจากเผิงตงกลับไปแล้ว ตำรวจสองนายที่กำลังปฏิบัติหน้าที่พูดในสิ่งที่ตัวเองต้องการจะพูดออกมาโดยไม่รู้ตัว เผิงตงงทะเลาะกับแฟน แล้วก็หาเธอไม่เจอ นี่มันเรื่องใหญ่ตรงไหน? มันเรียกว่าเหตุด่วนเหตุร้ายไหม? จำเป็นต้องเรียก 919? ตำรวจอย่างพวกเรามีหน้าที่จับโจร ตามหาตัวคนร้าย ไม่ได้มีหน้าที่ตามหาคนรักให้พวกเอ็งว้อย
หลังจากเผิงตงรู้สึกผิดหวัง ตระกูลซ่ง อีกด้านหนึ่งของเมืองหลวงก็ระเบิด
ซ่งหยู่ที่จู่ๆก็เปลี่ยนสถานะจากขยะไปเป็นอัจฉริยะในชั่วพริบตา ได้รับแค่ความสนใจจากคนในตระกูล แต่เมื่อเขาขับรถออกไปข้างนอก ในขณะที่กำลังขับรถไปตามทาง จู่ๆศีรษะของเขาถูกตัดด้วยดาบโดยไม่ทันตั้งตัว
ซ่งหยู่ได้เสียชีวิตคารถในทันที เรื่องนี้เหมือนเป็นการยั่วโมโหตระกูลซ่งยังไงอย่างนั้น ถึงซ่งหยู่จะไม่ใช่คนดีเด่นที่สุดในรุ่นเขา แต่เขาก็ยังเป็นสมาชิกในตระกูลซ่ง ศีรษะของซ่งหยู่ถูกตัดในอาณาเขตของตัวเองในเมืองหลวง ทำให้ต้องเผชิญหน้ากับตระกูลซ่ง ในไม่ช้า ด้วยอำนาจของตระกูลซ่งจะต้องไปตามล่าหาตัวฆาตกรคนนั้นให้จงได้
ตระกูลซ่งไม่ได้ถูกคนอื่นปลุกปั่นเป็นเวลาหลายปีแล้ว ดูเหมือนว่าเรื่องนี้จำเป็นต้องเผยเขี้ยวให้โลกได้เชยชมอีกครั้ง เห็นทีคงต้องทำให้คนที่อยากต่อกรกับตระกูลซ่งกลายเป็นของว่างแสนอร่อยเสียแล้ว
0 ความคิดเห็น