TB:บทที่ 60 คุณเต๋า (2)
"หลังจากหลายปีผ่านไป คงถึงเวลาที่ต้องคิดบัญชีก่อนแล้ว" เต๋ากวงหานจับมีดไม้ในมือและใบหน้าของเขาเหมือนจะพูดว่า "มีดไม้ของฉันหิวและกระหายเลือดแล้ว"
สิบห้าปีที่แล้ว เต๋ากวงหานเป็นเพียงคนธรรมดา เขามีภรรยาที่สวยและลูกสาวที่น่ารัก นอกจากนี้ เต๋ากวงหานยังมีรายได้ดีอีกด้วย เขาใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ถ้าเขามีเวลามากพอ เต๋ากวงหานก็จะพาภรรยาและลูกสาวไปเที่ยว
ในการเที่ยวชมภูเขาไท่ เต๋ากวงหานมีโอกาสได้รับบันทึกของเต๋าปู้ ที่เรียกว่า "อี้ซาน" ในเวลานั้น เต๋ากวงหานไม่ได้สนใจอะไร เขาแค่คิดว่ากระดาษที่บันทึกโดยเต๋าปู้นั้นแปลกมาก เขาจึงเอามันไปทิ้ง
วันเวลาผ่านไป เต๋ากวงหานมีความสุขดี เขาหวังว่าความสุขนี้จะอยู่กับเขาไปตลอดชีวิต แต่บางทีอาจเป็นเพราะพระเจ้าไม่เข้าข้างเขา สามปีต่อมา ภรรยาและลูกสาวจากไปเพราะประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ ทั้งสองคนทิ้งให้เขาอยู่คนเดียวในโลกใบนี้
สาเหตุของอุบัติเหตุในครั้งนี้มาจากบุตรชายของตระกูลซ่งซึ่งเป็นถึงหนึ่งในสี่ตระกูลที่ยิ้งใหญ่แห่งเมืองหลวง อีกฝ่ายยินดีที่จะรับผิดชอบต่ออุบัติเหตุและให้เงินเต๋ากวงหานสามล้านหยวน แต่หลังจากชดใช้ให้เต๋ากวงหานแล้ว บุตรชายตระกูลซ่งคนนั้นไม่นึกเสียใจเลยสักนิด ในสายตาของเขาเห็นมันเป็นเรื่องธรรมดา เต๋ากวงหานยังจดจำสีหน้าเย็นชาของซ่งชิงอานได้ดี
ในสายตาของซ่งชิงอาน การเสียชีวิตของภรรยาและลูกสาวของเต๋ากวงหานนั้นไม่ได้สำคัญเลย ฝ่ายนั้นแค่ออกเงินก็จบเรื่อง แต่สำหรับเต๋ากวงหานแล้ว ภรรยาและลูกสาวเป็นเหมือนทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิต หลังจากภรรยาและลูกสาวเสียชีวิต ในช่วงแรกชีวิตของเต๋ากวงหานนั้นมืดมน เขาคิดถึงแต่จะตายตามภรรยาและลูกสาวไปอยู่หลายครั้งหลายครา แต่ทุกครั้งที่เขาตัดสินใจทำมัน มักจะมีเสียงของหัวใจห้ามเขาเอาไว้ มันคอยย้ำเตือนเขาว่าเขาต้องมีชีวิตอยู่ และล้างแค้นให้กับภรรยาและลูกสาว เสียงนั้นทำให้เต๋ากวงหานไม่สามารถฝืนใจฆ่าตัวตายได้
ครึ่งปีต่อมา เต๋ากวงหานลาออกจากงานและออกจากเมือง เขากลับไปที่บ้านเกิดพร้อมกับความทรงจำที่มีแต่ช่วงเวลาดีๆที่เขาได้ใช้มันไปกับภรรยาและลูกสาว
หลังจากกลับมาที่บ้านเกิด เต๋ากวงหานเจอตำราฝึกดาบที่เขาเคยทิ้งไว้ เมื่อเขาเห็นแสงจากใบมีด ราวกับว่าเขาได้พบกับความหวังในการแก้แค้น จากนั้นเป็นต้นมา เขาก็เริ่มฝึกมีดเป็นเวลายาวนานถึงสิบปี
ในช่วงสิบปีที่ผ่านมา ไม่ว่าสภาพอากาศจะเป็นอย่างไร เต๋ากวงหานก็ยังคงฝึกการใช้ดาบเพราะเขารู้ว่าถ้าเขาต้องการแก้แค้น เขาจะต้องแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น และวิธีเดียวที่จะทำให้เขาแข็งแกร่งขึ้นได้คือการฝึกฝนอย่างหนักเท่านั้น
ในสิบปีที่ผ่านมา ทุกครั้งที่เขาได้แกว่งมีด เขาก็ยังรู้สึกว่าตัวเองนั้นยังแข็งแกร่งไม่พอ เขาต้องฝึกฝนให้เก่งมากกว่านี้ ความเชื่อนี้ทำให้เขาสามารถเพิ่มทักษะให้ตัวเองได้
เฉียนซานเจียที่เห็นเต๋ากวงหานเพิ่งตัดต้นไม้ที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางครึ่งเมตรด้วยมีดเดียว เขาก็ตระหนักได้ว่าเต๋ากวงหานนั้นไม่ใช่คนธรรมดา อีกทั้งเขายังต้องการให้อีกฝ่ายจัดการสิ่งต่างๆให้เขาด้วย
แต่ครั้งที่แล้วเต๋ากวงหานไม่เห็นด้วย ในครั้งนี้เห็นได้ชัดว่าเฉียนซานเจียเตรียมการไว้พร้อมหมดแล้ว และเต๋ากวงหานเองก็ยอมทำตามเขาด้วย
หลังจากนั้น เฉียนซานเจียและเฉินหลงก็ออกจากหมู่บ้านไป
เมื่อพวกเขากลับมาถึงโรงแรม เมื่อเต๋ากวงหานได้ทำความสะอาดตัวเอง ลุงวัยกลางคนที่มีเสน่ห์ก็ได้ปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าเฉินหลง
"บอสเฉียน ผมต้องไปตามล่าซ่งหยู่ที่ไหนครับ? " เต๋ากวงหานเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา
ตั้งแต่ภรรยาและลูกสาวของเขาเสียชีวิต รอยยิ้มได้หายไปจากชีวิตของเขา บางทีหลังจากที่เขาฆ่าซ่งชิงอานแล้วเขาอาจจะยิ้มต่อหน้าหลุมฝังศพของภรรยาและลูกสาวได้ก็ได้ เพราะเขาไม่ต้องการให้ภรรยาและลูกสาวเห็นใบหน้าที่โศกเศร้านี้
เฉียนซานเจียบอกที่อยู่ปัจจุบันของซ่งหยูกับช่องทางการติดต่อกับหยูเฟยให้กับเต๋ากวงหาน
"ไม่ต้องห่วง บอสเฉียน ในตอนที่เขาอยู่คนเดียว ผมจะจัดการเขาแล้วคุณจะได้รู้ถึงความสามารถที่แท้จริงของผมครับ" ด้วยเหตุนี้ เต๋ากวงหานเดินออกจากห้องไปพร้อมกับบัตรธนาคารกับโทรศัพท์ที่เฉียนซานเจียเตรียมเอาไว้ให้
ตอนนี้เขาตัดสินใจว่าจะเป็นฝ่ายเคลื่อนไหวบ้างแล้ว เต๋ากวงหานจะไม่ปล่อยให้เสียเวลาสูญเปล่าอีกต่อไป
"น้องเฉิน นายคิดว่าคุณเต๋าจะทำสำเร็จไหม?" เฉียนชานเจียไม่ค่อยมั่นใจในตัวอีกฝ่ายนัก
"สำเร็จ" เฉินกล่าวออกมาด้วยความมั่นใจเกินร้อย
ดูจากทักษะดาบของเต๋ากวงหานแล้ว มันแสดงให้เห็นว่าเขาต้องอดทนอย่างหนัก คนประเภทนี้จะหาจังหวะที่เหมาะสมแล้วลงมือจัดการมันให้เรียบร้อย เขาสามารถฆ่าคนภายในดาบเดียวโดยไม่ทิ้งหลักฐานเอาไว้ สิ่งเดียวที่คุณจะตามตัวคนประเภทนี้ได้นั่นก็คือสวดมนตร์!
เฉียนซานเจียพยักหน้าตอบหนึ่งครั้งแล้วไม่ตอบอะไรออกมาอีก
หลังจากนั้นเฉินก็อยู่กับเขาสักพักแล้วค่อยกลับไป พวกเขานัดหมายกันว่าในวันพรุ่งนี้จะเล่นละครดีๆต่อหน้าเผิงตง
หลังจากขับรถกลับบ้าน เฉินหลงใช้เครื่องดักจับสอดส่องซ่งหยู่ ในตอนนี้ซ่งหยู่ออกจากเมืองชางตูและกำลังเดินทางกลับปักกิ่ง ในเวลานี้เขากำลังทดสอบความสามารถของตัวเองโดยมีคนสองคนยืนอยู่ข้างๆเขา
"ลุงสี่ ลุงคิดว่าความสามารถของหยู่เอ๋อร์เป็นอย่างไรบ้างครับ?" ชายวัยกลางคนที่มีส่วนคล้ายกับซ่งหยู่ถึงห้าหรือหกส่วน เอ่ยถามชายชราอายุหกสิบปีที่มีผมสีขาวยืนอยู่ข้างๆเขาด้วยความตื่นเต้น ในขณะใช้สายตาประเมิณความสามารถของซ่งหยู่
ชายคนที่มีลักษณะคล้ายกับซ่งหยูก็คือ ซ่งชิงไป๋ บิดาของซ่งหยู หลังจากออกไปเที่ยวเล่นแล้วกลับมา จู่ๆซ่งหยู่ก็แข็งแรงขึ้นมา สิ่งนี้ทำให้ซ่งชิงไป๋ที่เคยผิดหวังในตัวซ่งหยู่กลับมีความหวังขึ้นมาอีกครั้ง เขาไม่อยากได้ยินคนอื่นต่อว่าลูกชายของตัวเองว่าเป็นไอ้เศษขยะไร้ประโยชน์อีกแล้ว
“ฉันไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับหยู่เอ๋อร์ในตอนนี้ แน่นอนว่ามันเป็นสิ่งที่ดี ความสามารถของเขานั้นสูงกว่าคนทั่วไปหลายเท่า ถึงตอนนี้เขาจะยังไม่ติดห้าอันดับแรกในรุ่น ฉันเชื่อว่าเขาสามารถอยู่ในห้าอันดับแรกได้แน่นอน เขาสามารถสำเร็จการฝึกที่เป็นหัวใจสำคัญได้ ฉันจะไปหาท่านเจ้าของบ้านเพื่อให้ข้อมูลเกี่ยวกับความสามารถของหยู่เอ๋อร์" ชายชรากล่าว
ชื่อของชายชราคนนี้คือ ซ่งเหลย เขาเป็นลุงของซ่งชิงไป๋ เขายังเป็นสมาชิกที่มีฝีปากดีที่สุดในตระกูล นั่นเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเขาถึงสนใจซ่งหยู่
"ขอบคุณครับ ลุงสี่" ซ่งชิงไป๋กล่าวอย่างมีความสุข
"ไม่ต้องหรอก นี่เป็นสิ่งที่ฉันควรทำ และฉันดีใจที่ได้เห็นว่ามีคนที่สามารถสร้างความแตกต่างได้ในหมู่ลูกหลานของเรา" ซ่งเหลยพยักหน้า
หลังจากซ่งหยู่สำเร็จการทดสอบ ซ่งเหลยได้จากไปพร้อมกับผลการทดสอบของซ่งหยู่
"หยู่เอ๋อร์ เราต้องทำงานและฝึกฝนให้หนัก ในอนาคตจะได้ต่อสู้เพื่อลมหายใจ" ซ่งชิงไป๋ตบบ่าซ่งหยู่
"ไม่ต้องห่วงครับพ่อ ผมจะเหยียบย่ำคนที่เคยดูถูกผมให้จมดินทุกคนเลย" น้ำเสียงของซ่งหยู่นั้นหนักแน่นและจริงจัง
เพื่อที่จะแข็งแกร่งขึ้น ซ่งหยู่ต้องอดทนกับความเจ็บปวดมากมายกว่าเขาจะสามารถคว้าโอกาสนี้ไว้ได้
แต่เขาไม่ได้คิดว่าตัวเองกำลังถูกพวกงูพิษจับตาดูอยู่ ถ้าเขาไม่ระวังตัวให้ดี เขาอาจจะถูกงูพิษพวกนั้นกลืนกินเข้าไปได้
"ทำให้ตัวเองภูมิใจให้ได้ล่ะ" ความคิดนี้แวบขึ้นมาในหัวของเฉินหลงก่อนที่จะตัดการเชื่อมต่อเครื่องดักจับ
วันต่อมา เฉินหลงพาเฉียนซานเจียไปพบกับเผิงตงและซวีหมิงเหมยที่ไทม์คาเฟ่(TIME CAFE) เฉินหลงตัดสินใจเลือกที่นี่ เพราะเขาคิดว่าสภาพแวดล้อมของที่นี่เหมาะสำหรับการทำธุรกิจนั่นเอง
หลังจากเฉินหลงได้แนะนำทั้งสองฝ่ายให้รู้จักกันเป็นที่เรียบร้อย เฉียนซานเจียก็ย่อตัวนั่งลงบนเก้ากี้ที่ตัวเองไม่ได้เลือกในทันที
0 ความคิดเห็น