TB : ตอนที่ 26 พ่อค้าหน้าเลือด (1)
เฉินหลงพักอยู่ที่นี่นาน แต่เฉินต้าฉางกลับมานั่งรู้สึกเสียใจ เงิน 100,000
หยวนนั้นมันทำให้เฉินต้าฉางและภรรยาของเขาจื่อจูเลียนเกือบจะทะเลาะกัน
เฉินต้าฉางและจื่อจูเลียนตกลงกันว่าจะไม่ให้เฉินหลงยืมเงิน ณ เวลานั้น
แต่ตอนนี้พวกเขาต่างบ่นกันเอง ในที่สุดพวกเขาก็ถูกโน้มน้าวโดยลูกสาวของเขา
เฉินหยิง
"หนูรู้แล้วว่าตอนนี้ทำไมพ่อกับแม่ถึงทำแบบนั้นตั้งแต่แรก
พ่อกับแม่ไม่ต้องมานั่งเสียใจหรอกค่ะ
เพราะมันเปล่าประโยชน์ที่จะมานั่งเสียใจตอนนี้
แล้วตอนนี้สิ่งที่พ่อควรทำคือเปลี่ยนแปลงตัวเอง เราทุกคนในครอบครัว
เรารู้ว่าพ่อแก้ไขมันได้ แล้วเฉินหลงก็จะไม่ปฏิบัติกับเราต่างออกไปแบบนี้
ลองคิดดูสิคะ" เฉินหยิงพูด "เอาละ หนูขอตัวไปพักก่อนนะคะ พรุ่งนี้หนูต้องไปทำงาน"
เฉินหยิงมีอายุ 20 ปี ผมของเธอสั้นและถูกย้อมด้วยสีเหลืองอ่อน
เธอเป็นคนไม่สูงมากนักแต่เธอก็ดูดี เมื่อเธอพูดจบ เธอก็กลับไปที่ห้องของเธอ
เฉินต้าฉางและจื่อจูเลียนมองหน้ากันและกันพร้อมกับถอนหายใจแล้วเดินกลับไปที่ห้องของตน
ดูเหมือนว่าคืนนี้พวกเขาถูกกำหนดไม่ให้นอนหลับ
เช้าวันรุ่งขึ้น เฉินหลงได้ขับรถไปส่งเฉินยี่สอบ
หลังจากนั้นเฉินหลงก็ยังไม่อยากกลับ
เพราะเขาต้องกลับไปเจอกับบรรดาญาติและเพื่อนๆที่มานั่งเล่นที่บ้าน
ในสายตาของเฉินหลง ธาตุแท้ของบรรดาญาติๆและเพื่อนๆต่างเผยให้เห็นทีละคนทีละคน
แน่นอนว่าไม่ว่าญาติและเพื่อนจะจริงใจหรือแสแสร้ง
พวกเขาทั้งหมดต่างก็มีรอยยิ้มบนใบหน้า สิ่งนี้เรียกว่า
"พยายามชักจูงและอย่าทำลายรอยยิ้มบนใบหน้า"
ถึงแม้ว่าเฉินหลงจะสามารถเห็นถึงสีหน้าที่แท้จริงของพวกเขาแล้ว
ว่าพวกเขาต่างมีความลับที่ปิดบังอยู่ เฉินหลงจึงไม่อยากจะพูดอะไร ในเวลานั้น
เฉินหลงคิดว่าเขาเป็นคนไม่มีความสามารถ ดูไม่มีหนทาง
เฉินหลงทำได้เพียงซ่อนได้อย่างเดียวและมองไม่เห็นถึงความมั่นคง
เฉินหลงที่กำลังขับรถไปรอบๆตัวเมือง
‘ฉันไม่ได้มาเมืองเล็กนี้มาหลายปีแล้ว มีหลายอย่างในเมืองนี้ได้เปลี่ยนแปลงไป
ถนนกว้างเป็นสองเท่าเมื่อเทียบกับสี่ปีที่แล้ว
ที่ดินของเมืองที่พัฒนาขึ้นใหม่ก็เพิ่มขึ้น’
ในอดีต
อาคารเก่าส่วนใหญ่ที่อยู่ริมถนนกลายเป็นตึกใหม่และจำนวนชั้นของตึกก็สูงขึ้นมากกว่าแต่ก่อน
ในทำนองเดียวกันก็มีร้านแบรนด์ดังมากมายมาตั้งในเมืองนี้
หลังจากที่ส่งเฉินยี่
เฉินหลงก็มาเดินเล่นรอบๆร้านขายเสื้อผ้าแบรนด์ดังและซื้อเสื้อผ้าและรองเท้าบางชิ้นกลับไปให้ครอบครัวของเขา
หลังจากนั้น เฉินหลงก็เข้าระบบในรถ
"เรียน คุณเยียนไท่เกา ผมมีธุระที่อยากจะคุยกับคุณ
ไม่ทราบว่าคุณพอมีเวลาว่างหรือไม่?" เฉินหลงทิ้งข้อความไว้กับร้านเยียนไท่เกา
ไม่นานนัก เฉินหลงก็ได้ข้อความการติดต่อภาพเสมือนจริงจากเยียนไท่เกา
เยียนไท่เกาขอให้ใช้การสื่อสารผ่านภาพเสมือนจริงกันทั้งสองฝ่าย
ไม่อย่างนั้นเขาจะปฏิเสธการติดต่อ เฉินหลงไม่มีทางเลือกที่จะไม่ทำตาม
เพราะเขาต้องการที่จะสร้างรายได้ เขาจึงทำได้เพียงตอบรับการสนทนาผ่านภาพสมือนจริง
หลังจากที่ได้เห็นภาพเสมือนจริงของเยียนไท่เกา ความรู้สึกแรกของเฉินหลงนั้นก็คือ
"คนคนนี้ ชื่อช่างเหมาะกับเขาเสียจริง มูลค่าที่ตราไว้นั้นช่างสูงจริงๆ"
ภาพเสมือนของเยียนไท่เกานั้นเกือบจะเหมือนมนุษย์บนโลก ช่างงดงาม
มีสิ่งเดียวที่เยียนไท่เกาแตกต่างจากมนุษย์โลกคือสิ่งที่อยู่กลางหน้าผากของเขาที่มีขนาดประมาณเท่ากับเหรียญสิบและหรือเม็ดทับทิมซึ่งเหมือนกับว่ามันมีชีวิต
แต่คำพูดแรกของเยียนไท่เกานั้นเกือบทำให้เฉินหลงกระอักเลือดออกมา
"ช่างน่าเกลียด ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมคุณถึงต้องการซื้อสูตรเสริมความงาม
แต่คุณสามารถมั่นใจได้เลยว่าตราบใดที่คุณซื้อสูตรเสริมความงามและสกัดมันจนเป็นเนื้อครีมบิวตี้ครีม
คุณก็จะไม่ขี้เหร่อีกต่อไป" หลังจากที่ได้เห็นเฉินหลง
หน้าของเยียนไท่เกาก็แสดงให้เห็นถึงความเห็นอกเห็นใจ
นั้นมันไม่ได้ทำให้เยียนไท่เกาแปลกใจที่พูดสิ่งนั้นไป
เพราะบนดาวเคราะห์ของเขาไม่ว่าจะหญิงหรือชาย
รูปร่างหน้าตาของพวกเขาต่างสวยและดูดีมาก แม้ว่าพวกเขาบางคนอาจจะดูไม่ดี
แต่พวกเขาก็พยายามทำให้ตัวเองดูดี
ดังนั้นฉันเคยเห็นพวกที่รูปร่างหน้าตาดีมาก่อน แน่นอนว่าถ้าให้มองฉินหลงอีกครั้ง
ฉันก็ไม่คิดว่ามันดูดี ฉันคิดว่าเฉินหลงดูขี้เหร่เสียอีก
"คุณเยียนไท่เกา คุณจะไม่คุยธุระกับคนที่ดูไม่หล่อหน่อยหรอ?"
เฉินหลงพยายามใจเย็นและพูด
เพื่อที่จะสร้างรายได้ ขี้เหร่ก็คือขี้เหร่ ไม่มีใครที่จะสูงและหล่อเกินไป
ถ้าคิดได้เช่นนี้ เฉินหลงก็จะรู้สึกสบายใจขึ้น
"แน่นอนว่าไม่ คะแนนแลกเปลี่ยนในระบบไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะได้รับ
ถ้าไม่มีใครซื้อสินค้าของฉัน ฉันก็จะไม่ได้รับเงินจากคะแนนแลกเปลี่ยน
สำหรับงานในระบบ ฉันยังทำไม่สำเร็จ คุณยินดีที่จะส่งคะแนนแลกเปลี่ยนให้ฉันไหมละ
ฉันจะมีความสุขมากเลยนะถ้าได้ทำธุรกิจกับคุณ แต่ยังไง
คุณก็ต้องซื้อส่วนประกอบของ"บิวตี้ครีม"และของล้ำค่าที่แนะนำจากฉันอยู่ดี
คุณจะโอเคไหมละ?ฉันไม่ขายมันที่นี่หรอก
แต่ถ้าสินค้าทดแทนเท่ากับหนึ่งคะแนนแลกเปลี่ยน
คุณก็สามารถซื้อมันได้ตามที่คุณต้องการ"
รอยยิ้มของเยียนไท่เกาที่แสดงออกมามันทำให้เฉินหลงรู้สึกดี
แต่เหยียนไท่เกาดูเหมือนมีศักยภาพพระถังอยู่บ้าง เฉินหลงพูดเพียงประโยคเดียว
แต่เขากลับพูดกลับมาหลายประโยค แต่มันก็มีประโยชน์บ้าง
เพราะเฉินหลงได้ข้อมูลจากสิ่งที่เขาพูด
หนึ่งก็คือมีงานในระบบ
อีกอย่างก็คือมีสิ่งล้ำค่ามากมายอย่างโสมร้อยปีและบัวหิมะพันปีอยู่ที่นี่
"คุณเยียน ก่อนที่จะทำธุรกิจ ผมมีคำถามจะถามคุณ" เฉินหลงพูด
"พูดมาเถอะ ฉันไม่ปิดบังหรอกถ้าฉันสามารถตอบคำถามคุณได้" เยียนไท่เกาพูด
จากนั้นเฉินหลงก็ยกคำถามเรื่องเครื่องหมายรสายนเวทขึ้นมาถาม
เยียนไท่เการู้ว่าหากไม่ใช้พลังไฟ
เฉินหลงก็ไม่สามารถสร้างเครื่องหมายรสายนเวทได้เลย
เพราะส่วนประกอบที่ต้องการในการวาดเครื่องหมายรสายนเวทนั้นต่างเป็นของที่ล้ำค่ามาก
คะแนนแลกเปลี่ยนของเฉินหลงก็ไม่สามารถที่จะจ่ายทั้งหมดได้ไหว ดังนั้น
เฉินหลงจึงอยากจะรู้ว่าเยียนไท่เกาจะอธิบายกับสถานการณ์นี้อย่างไร
"โอ้ เรื่องนี้ มันง่ายมากๆเลย
คุณแค่ต้องซื้อส่วนประกอบบางอย่างในการวาดเครื่องหมายรสายนเวทในร้านค้าของฉัน
ส่วนประกอบพวกนั้นถูกจัดหาโดยพี่ชายของฉัน เหยียนเกา ซึ่งคุณภาพดีที่สุด
พวกมันใช้สำหรับวาดเครื่องหมายรสายนเวท จำนวนการผิดพลาดสูงสุดไม่เกินห้าครั้ง"
เยียนไท่เกาพูดพร้อมรอยยิ้ม
เพียงแค่รอยยิ้มจากเยียนไท่เกา เฉินหลงก็เหมือนจะเห็นถึงรอยยิ้มที่ชั่วร้าย
จากนั้น
เฉินหลงก็มองไปที่ราคาของวัสดุที่นำมาใช้ในการวาดเครื่องหมายรสายนเวทบนร้านค้าของเยียนไท่เกา
ราคาของวัสดุแต่ละอันนั้นมากกว่า 20 คะแนนแลกเปลี่ยน หากเขาต้องการซื้อวัสดุ 5
อย่าง มันจะมีราคามากกว่าถึง 600 คะแนนแลกเปลี่ยน เขาต้องแลก 450
คะแนนแลกเปลี่ยนเพื่อที่จะซื้อสูตรและแลกมากกว่า 600
คะแนนแลกเปลี่ยนเพื่อที่จะซื้อวัสดุในการวาดเครื่องหมายรสายนเวท
ธุรกิจนี้มันช่างดูเอาเปรียบไป
ก่อนหน้านี้เฉินหลงคิดว่าคุณเยียนมีสติปัญญาสูงและต่ำในเวลาเดียวกัน
ซึ่งดูเหมือนว่ามันจะผิดพลาดครั้งใหญ่
"นั้นผมไม่ได้ต้องการ ผมต้องการเพียงแค่ถาม
ผมไม่ได้มีคะแนนแลกเปลี่ยนมากพอที่จะซื้อวัสดุพวกนี้"
เฉินหลงตำหนิเยียนไท่เกาที่เขาไม่ซื่อสัต์ในใจ แต่เขาก็ยังพูดออกมาอย่างสุภาพ
"ไม่ได้มีคะแนนแลกเปลี่ยนมากมาย ธุรกิจแบบไหนละที่คุณอยากจะทำกับฉัน?
ฉันจะบอกคุณให้นะว่าเราไม่ยอมรับเครดิตพวกธุรกิจขนาดเล็กหรอกนะ"
เมื่อได้ยินว่าเฉินหลงไม่มีคะแนนแลกเปลี่ยน รอยยิ้มของเยียนไท่เกาก็หายไปทันที
0 ความคิดเห็น