TB : ตอนที่ 23 การสอบ
อย่างไรก็ตาม เฉินหลงคิดว่าไอคิวของเยียนไท่เกาอาจไม่สูงนัก
ใครมันจะซื้อสูตรยาสองครั้งกันบ้างละไม่เห็นจำเป็นต้องจำกัดการซื้อ
ดังนั้น เฉินหลงจึงซื้อ"สูตรเสริมความงาม"
ซึ่งยอดคะแนนแลกเปลี่ยนของเฉินหลงคงเหลือ 30 คะแนน หลังจากที่ซื้อยา
ก็ได้มีกระดาษเหนียวสีน้ำตาลชิ้นพิเศษในมือของเฉินหลง
ในกระดาษเหนียวชิ้นพิเศษนี้ มีสมุนไพรที่ใช้ทำครีมเสริมความงาม
เมื่อเขาเห็นสมุนไพรพวกนี้ เฉินหลงก็ชะงัก
"ฉันไม่อยากเชื่อเลยว่าสมุนไพรจะเป็นของพวกนี้" หลังจากที่เห็นวัตถุดิบยา
เฉินหลงก็อด ไม่ได้ที่จะตกตะลึง
เดิมทีเฉินหลงคิดจะเตรียมพร้อมรัยมือการสูตรครีมเสริมความงามที่ไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน
แต่ตอนนี้สิ่งที่เขาเห็นคือใบกะหล่ำปลี รากหัวไชเท้า แตงกวาหั่นสไลด์
สตรอเบอร์รี่ มะเขือเทศลูกเล็ก ลูกแพร์แคระและสับปะรดปรากฏอยู่ตรงหน้าพวกเขา
พวกมันไม่ใช่ส่วนผสมที่แปลกเลย
ดังนั้นเฉินหลงจึงจะถามเยียนไท่เกาในระบบ แต่เมื่อคิดถึงความเป็นไปได้
เฉินหลงก็หยุดและมองที่"กระดาษเหนียว" ในมือ
มันดูมีลววดลายและคำบางอย่างอยู่บนกระดาษ
เพราะหลังจากที่เปลี่ยนแปลงตามระบบของสูตรนี้ ได้มีข้อความข้างต้นขึ้น
เฉินหลงก็เข้าใจโดยอัตโนมัติ
เนื้อหาของข้อความนั้นง่ายมาก ตามขั้นตอนที่เขียนบนกระดาษนั้นก็คือ
วาดสัญลักษณ์การแปรธาตุอย่างง่ายๆ จากนั้นสมุนไพรประเภทหญ้าสด รากขม หัวไชเท้า
ผลไม้ขนาดใหญ่วางไว้ที่สัญลักษณ์การแปรธาตุจะมีการเปลี่ยนแปลงพลังงานของการเล่นแร่แปรธาตุ
คุณก็จะสามารถได้รับ"ครีมเสริมความงาม" ตามรูปแบบข้างต้น
เฉินหลงทราบว่าสมุนไพรสดและสมุนไพรรสขมคือกะหล่ำปลีและแตงกวา
กะหล่ำปลีและแตงกวาเป็นยาที่ดีที่สุดในการทำครีมเสริมความงาม แน่นอน
ว่าเขามีสารทดแทน อย่างไรก็ตาม"ครีมเสริมความงาม"
ที่ทำจากสารทดแทนนั้นไม่มีประสิทธิภาพเท่า"ครีมเสริมความงาม"ที่ทำจากกะหล่ำปลีและหัวไชเท้า
อย่างไรก็ตาม เฉินหลงก็ต้องชะงักเมื่อเขาเห็นสารทดแทนพวกนี้
เพราะสารทดแทนพวกนี้ก็คือ โสมร้อยปี โชวูร้อยปี บัวหิมะร้อยปี เห็ดหลินจือร้อยปี
หอยหิมะร้อยปี เป็นต้น
เมื่อเขาเห็น ความคิดของเฉินหลงก็เริ่มกระตือรือร้น ในสูตรมีใบกะหล่ำ
และหัวไชเท้าเป็นสิ่งที่ล้ำค่ามากซึ่งนั้นพิสูจนให้เห็นว่าใบกะหล่ำและหัวไชเท้าเป็นของหายากบนดาวเคราะห์ของเยียนไท่เกา
ในขณะที่สารทดแทนเหล่านั้นต้องเป็นแค่ของธรรมดามาก
หากคุณใช้ใบกะหล่ำและหัวไชเท้าแลกกับโสมจีนร้อยปีและโชวูร้อยปีกับเยียนไท่เกาซึ่งเป็นสารทดแทนในสูตรนี้เท่านั้น
แต่มันคือไอเท็มที่ล้ำค่าและหายากบนโลก เขาคงเอาไปแลกเป็นทองคำจนเอามาปูถนนได้แน่
ขณะเฉินหลงกำลังจะทิ้งข้อความไว้ให้เยียนไท่เกา
เฉินต้าม่านก็ออกมาหลังจากที่อาบน้ำเสร็จ เฉินหลงจึงต้องหยุดพิมพ์ไปชั่วครู่
"พ่อครับ วันนี้ได้ไปที่การสอบรึเปล่า?" เฉินหลงพูดกับเฉินต้าม่าน
"แหม วันนี้เป็นวันแรกนะ พ่อหวังว่าน้องสาวของแกจะได้ผลการสอบที่ดีนะ"
สำหรับพ่อแม่ทุกคนในแผ่นดินจีน พวกเขาเป็นกังวลมากเกี่ยวกับผลการสอบของลูกๆ
โดยเฉพาะผลการสอบเข้ามหาลัย อย่างไรก็ตาม
ความสำเร็จนี้เกือบจะมีอิทธิพลต่อลูกๆของพวกเขา
"โอเค เดี๋ยวผมจะไปรับน้องหลังมื้อเย็น" เฉินหลงพยักหน้า
ผมไม่ได้เจอน้องสาวมานานแล้ว ตอนที่ไปรับน้อง ผมจะให้โทรศัพท์กับเธอ
เธอจะได้มีความสุข ในเวลาเดียวกัน เฉินหลงก็กำลังเข้าไปในเมืองเพื่อไปทำบางอย่าง
ไม่นาน หลิวซิงหลานก็ทำอาหารเสร็จ
จานสามจานกับซุปหนึ่งถ้วย เนื้อผัดพริก ไข่ดาว ผัดกะหล่ำปลีพร้อมกับซุปมะเขือเทศ
ซึ่งเป็นกับข้าวบ้านง่ายๆ
แต่มันเป็นกับข้าวง่ายๆที่บ้านที่ทำให้หัวใจของเฉินหลงเปี่ยมไปด้วยความสุขและความอบอุ่น
ความรู้สึกแบบนี้ไม่สามารถรับได้จากคฤหาสน์ใหญ่ในซิงเฉิง
"แม่ อาหารของแม่อร่อยมาก" หลังจากที่กินไปคำใหญ่
เฉินหลงก็พูดกับหลิวซิงหลานอย่างมีความสุข
"ถ้าลูกชอบก็ทานนเยอะๆสิ"
หลิวซิงหลานยิ้มด้วยพร้อมกับคีบตะเกียบหยิบผักใส่ถ้วยของเฉินหลง
"พ่อกับแม่ก็ทานด้วยสิครับ" เฉินหลงก็คีบอาหารให้พ่อกับแม่เขาด้วย
หลังจากที่ทานมื้อเย็นเสร็จ เฉินหลงก็คุยกับพ่อแม่อยู่สักพักหนึ่ง
จากนั้นก็มีเพื่อนบ้านและเพื่อนในหมู่บ้านเข้าเยี่ยมเพราะข่าวของเฉินหลงที่ขับรถหรูกลับบ้านกระจายไปทั่วจึงได้มีเครือญาติและเพื่อนเข้ามาดู
เมื่อเห็นเฉินหลง พวกเขาก็ต่างชมเขาจนทำให้เฉินต้าม่านและหลิวซิงหลานหน้าบาน
ชื่อเสียงของการกลับบ้านพร้อมกับอนาคตที่สวยงามคืออะไร?
นี่แหละถึงเรียกว่าการกลับบ้านมาพร้อมกับอนาคตที่สดใส แน่นอน
เมื่อมีป้าสามคนมาพร้อมกับลูกสาว พวกเขาย่อมมีวัตถุประสงค์ที่จะถามคำถามเฉินหลง
โชคดีที่เฉินหลงบอกหลิวซิงหลานไว้ก่อนแล้วว่าจี้โม่ซีเคยเป็นเพื่อนเขามาก่อน
ไม่เช่นนั้นพวกเขาคงต้องนั่งตอบคำถามเป็นแน่
"พ่อครับ วันนี้เป็นวันแรกที่น้องผมสอบ ซึ่งเกือบจะสอบเสร็จแล้ว
ให้ผมไปรับเธอนะครับ"
เฉินหลงรู้สึกโดนควบคุมเกินไปเมื่อมีคนเฒ่าคนแก่มาที่บ้านเป็นครั้งคราว ดังนั้น
เขาจึงอยากออกไปสูดอากาศข้างนอก แน่นอนว่าการไปรับน้องสาวนั้นไม่ใช่ข้ออ้าง
มันแค่เป็นสิ่งที่ต้องทำ
"โอเค ไปเลยลูก ขับรถดีๆนะ" ใบหน้าของเฉินต้าม่านแดง
วันนี้ เฉินต้าม่านรู้สึกจริงๆว่าวันนี้เป็นวันแห่งความสุขในชีวิตเขา
แม้แต่วันที่เขาแต่งงาน เขายังไม่มีความสุขเท่าวันนี้
"คุณป้า เสี่ยวอี่เธอใกล้จะสอบเสร็จแล้ว ผมขอไปรับเธอก่อนนะครับ
คุณป้านั่งกันต่อได้เลย"
เฉินหลงออกตัว
"ไม่เป็นไร ไปรับเสี่ยวอี่สำคัญกว่า ไปเถอะจ้ะ"
"สมแล้วที่เสี่ยวหลง เรียนมหาวิทยาลัย เขาเป็นคนสุภาพมาก"
"ใช่ ฉันเคยเจอเสี่ยวหลงและรู้ว่าเขาต้องประสบความสำเร็จในอนาคต ไม่
ฉันไม่ได้เข้าใจผิด"
…
หลังจากที่ขับรถออกจากบ้านมา เฉินหลงก็รู้สึกสบายใจขึ้น
หลังจากผ่านไปยี่สิบนาที เฉินหลงก็ได้มาถึงโรงเรียนมัธยมในเมือง
ตอนนี้ มีพ่อแม่บางคนอยู่ข้างนอกโรงเรียนกำลังรอลูกๆพวกเขาออกมา
"สงสารพ่อแม่สมัยนี้"
เมื่อมองไปที่พ่อกับแม่ที่รออยู่ข้างนอกโรงเรียน เฉินหลงก็ถอนหายใจอยู่ในใจ
ยุคสมัยนี้ ระบบการสอบเข้ามหาวิทยาลัยเป็นระบบเดียวกันกับสมัยก่อน
พ่อแม่บางคนตั้งหน้าตั้งตารอลูกของตนและทำแบบทดสอบอย่างจริงจัง ในใจของพวกเขา
การอ่านเป็นสิ่งที่ดีที่สุด
แน่นอน มีบางคนประสบความสำเร็จอย่างมากจากาความสามารถในการเรียนรู้ของพวกเขา
แต่ท้ายที่สุด นั้นก็ไม่ใช่ทั้งหมด
ผู้คนต่างมีความแตกต่างกันออกไป บางคนอาจจะเหมาะกับระบบนี้แต่บางคนอาจจะไม่เหมาะ
คนเป็นพ่อเป็นแม่กำหนดความควาดหวังของลูกพวกเขาเอาไว้ซึ่งนั้นทำให้นำมาซึ่งความกดดันอันใหญ่หลวงแก่เด็ก
อย่างไรก็ตาม พวกเขาก็ไม่มีวิธีอื่น หากความกดดันไม่เกิดขึ้น
มันจะมาจากสังคมและถูกแรงกดดันจากสังคม ท้ายที่สุด ถ้าคุณไม่มีงานทำ
คุณก็ไม่มีประโยชน์ที่จะใช้ชีวิตอยู่ต่อ ซึ่งมันเหมือนกับต่างประเทศ
แต่ในใจเฉินหลง
เขายังคงมองโลกในแง่ดีเกี่ยวกับการศึกษาฟรีในต่างประเทศซึ่งเป็นเรื่องง่ายที่จะหาจุดแข็งในตัวเด็ก
นี่เป็นความคิดในใจของเฉินหลงว่าเขาอยากให้อนาคตเด็กๆจะได้รับการศึกษาฟรีเหมือนประเทศตะวันตก
0 ความคิดเห็น