TB : ตอนที่ 14 ทูคอมโบ!
"โม่ซี เธอมีเรื่องไม่สบายใจอยู่รึป่าว?"
เฉินหลงถามจี้โม่ซีที่อารมณ์ไม่ค่อยจะดีนักหลังจากดื่มเบียร์ไปแล้วสามแก้ว
"ไม่นะ ฉันก็รู้สึกดีใจที่ได้เจอเพื่อนเก่าของฉันไง"
จี้โม่ซีส่ายหัวแล้วยิ้มออกมา
"เถอะน่า ดวงตาของเธอมันฟ้องออกมานะ เล่ามาสิ เผื่อฉันจะช่วยอะไรเธอได้ไง?"
ถึงประเด็นที่กำลังพูดถึงจะหนักไปสักนิด แต่จี้โม่ซีกลับอารมณ์ดี
เฉินหลงพูดจาติดตลกออกมา
"ตาของนายนี่เฉียบดีนะ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมนายถึงได้ถูกแจ๊คพอตเข้า"
จี้โม่ซีมองไปที่เฉินหลงและเธอเชื่อว่าเขาถูกรางวัลมาจริงๆ
"ว่ามาสิ" เฉินหลงรินเบียร์ลงในแก้วของจี้โม่ซี
ในตอนนี้ เบียร์ที่ตั้งอยู่บนโต๊ะได้เปลี่ยนไปแล้ว
"อันที่จริง นายได้ช่วยฉันแล้วล่ะ"
จี้โม่ซีจ้องมองเฉินหลงด้วยความรู้สึกขอบคุณผ่านดวงตาของเธอ
"ช่วยเธอ? เมื่อไหร่กัน?" เฉินหลงรู้สึกประหลาดใจ
เขาจำไม่ได้ว่าเขาช่วยจี้โม่ซีเอาไว้เมื่อไหร่ อย่างมาก
เขาก็แค่ช่วยเธอขับไล่พวกแมลงหวี่แมลงวันน่ารำคาญตัวนั้น
แต่สิ่งนี้ไม่น่าจะนับว่าเป็นการช่วยเหลือได้สักเท่าไหร่
"นี่นายลืมไปแล้วเหรอ? ค่านายหน้าที่นายให้ฉันไงล่ะ" จี้โม่ซียิ้ม
"โม่ซี เธอมีเรื่องต้องใช้เงินจำนวนมากเหรอ?" หลังจากได้ยินคำพูดของจี้โม่ซี
ในที่สุดเฉินหลงก็ได้เข้าใจว่าทำไมเธอถึงเป็นกังวลนัก
ในความเป็นจริงแล้ว สิ่งที่คนส่วนใหญ่กังวลมากที่สุดในตอนนี้
นั่นก็คือสิ่งที่เรียกว่า ‘เงิน’
"ก็ใช่น่ะสิ ฉันต้องการเงินมาก แต่ในตอนนี้ ด้วยค่าคอมมิชชั่นที่นายให้ฉันมานั้น
มันก็เกือบจะได้แล้วล่ะ" จี้กล่าว จากนั้นก็กระดกไวน์ที่ยังเหลืออยู่ในแก้วจนหมด
"เกิดอะไรขึ้น? ถ้ามีอะไรไม่สบายใจก็เล่าให้ฉันฟังได้นะ
แต่ถ้าไม่สะดวกใจสักเท่าไหร่ ก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าเธอต้องการให้ฉันช่วยอะไร
ขอแค่บอกมาเท่านั้น ถึงแม้ว่าฉันจะไม่ได้มีความสามารถมากมายขนาดนั้น
แต่ฉันก็พอจะมีเงินอยู่บ้าง แล้วก็ไม่ต้องกลัวว่าฉันจะไม่ให้เธอยืมหรอกนะ"
เฉินหลงรินเบียร์ในแก้ว
"ทำไมจะเล่าให้นายฟังไม่ได้ล่ะ
น้องชายของฉันป่วยเป็นโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดเฉียบพลัน
หากเขาต้องการรับการรักษา เขาต้องใช้เงินมากกว่า 800,000 หยวน
แต่เงินฝากของครอบครัวเราอยู่ที่ประมาณ 300,000 หยวนเท่านั้น
นอกจากการยืมเงินจากญาติพี่น้องและเพื่อนๆแล้ว เรารวบรวมมันมาได้แค่ 600,000
หยวนเอง แน่นอนว่ายังขาดอยู่ตั้ง 200,000 หยวน
แต่ว่าฉันได้เก็บออมเงินหลายหมื่นในช่วงสองปีที่ผ่านมา
ถ้าบวกกับค่าคอมมิชชั่นของนายแล้วเกือบจะได้ครบตามจำนวนแล้วล่ะ แล้วกับจ้าวหงไป๋
ฉันคิดว่าเขาค่อนข้างจะใช้ได้ทีเดียว ดังนั้นฉันจึงอยากขอยืมเงินจากเขานิดหน่อย
แต่เขาก็ได้หยิบยกข้อเสนอที่มันมากเกินไปสำหรับฉัน
เพราะอย่างนั้นฉันเลยถอดใจจากอีกฝ่าย ฉันไม่คิดว่ามันจะทำให้นายเดือดร้อน
ฉันต้องขอโทษนายด้วยจริงๆนะ" จี้โม่ซีบอกเหตุผลให้อีกฝ่ายฟัง
“มันคงเป็นเรื่องที่หนักหนาสำหรับเธอจริงๆนั่นละ
แต่ถ้าเธอต้องการอะไรจากฉันในอนาคต ขอเพียงเพียงแค่พูดออกมาตรงๆ
ไม่ต้องสุภาพหรืออ้อมค้อมกับฉันเลยนะ” เมื่อได้ยินคำพูดของจี้โม่ซีแล้ว
เฉินหลงรู้สึกเห็นใจและชื่นชมเธอขึ้นมา
นอกจากนี้ยังรู้สึกประทับใจที่ผู้หญิงคนหนึ่งต้องแบกรับความกดดันเช่นนี้ไว้
แม้ว่าเฉินหลงจะอยากจะให้เงินกับเธอโดยตรง
แต่เพราะเขารู้ว่าจี้โม่ซีเป็นผู้หญิงที่เข้มแข็งคนหนึ่ง
ถ้าเขาทำมันออกมาไม่ได้ดี และได้ผลลัพธ์ที่ตรงกันข้าม
บางทีเขาควรจะพูดอะไรแบบนี้ออกไปก่อนเป็นอันดับแรก
"ไม่ต้องกังวลหรอกถู่หาว เพราะนายเป็นเพื่อน ฉันเองก็จะไม่กังวลอะไรเลยเหมือนกัน"
จี้โม่ซีพูดขึ้นพร้อมกับรอยยิ้ม
"ฉันจะตามน้ำเธอไปก็แล้วกัน" เฉินหลงตอบด้วยรอยยิ้มเช่นกัน
......
ทั้งสองพูดคุยกัน ยิ่งพูดคุยกันมากเท่าไร
พวกเขาก็ยิ่งพิจารณาใคร่ครวญและต่างชื่นชมกันและกันมากขึ้นเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้ ได้มีผู้ชายคนหนึ่งเข้ามาทำลายบรรยากาศ
มีรถสีขาวใกล้เข้ามาและผู้ชายหกหรือเจ็ดคนลงมาจากรถ
เดินนำโดยผู้ชายที่มีเอวหนาคนหนึ่ง
เมื่อชายคนนั้นออกมา เขาจ้องไปที่จี้โม่ซีและเฉินหลง
"นังผู้หญิงไร้ยางอาย ฉันทำงานหนักแทบตายเพื่อหารายได้จากข้างนอก
แต่แกกลับมานั่งดื่มกับเศรษฐีน้อยที่นี่เนี่ยนะ เหอะ ฉันจะฆ่าแก"
สีหน้าโกรธแค้นบนใบหน้าของผู้ชายคนนั้น และเขาได้ต่อว่าจี้โมซี
ในเวลาเดียวกันนั้น เขาก็หยิบท่อเหล็กออกมาจากรถ
และรีบตรงไปทางเฉินหลงและเพื่อนสาวของเขา
และกลุ่มคนพวกนั้นที่อยู่ข้างหลังเขาที่ถือท่อเหล็กในมือ
ต่างรีบวิ่งตามเขาไปราวกับว่าพวกเขาต้องการจะทุบตีเฉินหลงให้แหลกเป็นชิ้นๆ
จี้โม่ซีตกใจกับคำพูดของผู้ชายคนนี้ในทันที
แต่เมื่อเฉินหลงเข้าใจว่าคนพวกนี้อยู่ที่นี่เพื่อสร้างปัญหา
ดังนั้นเขาจึงหยิบขวดสองขวดขึ้นมาทันที แล้วปาใส่พวกเขาที่อยู่ข้างหน้าสองคนแรก
ในเวลานี้ ร่างกายที่แข็งแรงของเฉินหลงได้แสดงออกมาให้เห็นว่ามันแข็งแกร่งเพียงใด
เนื่องจากพละกำลังของเฉินหลง ขวดไวน์สองขวดเปรียบเสมือนกับกระสุนเล็กๆสองลูก
ก่อนที่หัวหน้าและผู้เคราะห์ร้ายที่อยู่ข้างหลังเขาจะตอบโต้และหลบหลีก
พวกเขาถูกโจมตีไปที่ส่วนหัว
"ปัง ปัง ปัง" เสียงของกระทบกันสองเสียง
เบียร์ทั้งสองขวดถูกขว้างออกไปเป็นสองทางพุ่งไปที่หัวของคนทั้งสอง
มีเลือดไหลออกจากหน้าผากของพวกเขาด้วย
โชคดีที่ขวดเบียร์ทั้งสองขวดไม่มีน้ำเหลืออยู่เป็นแค่ขวดเปล่าเท่านั้น
แต่ถ้าหากมันยังเหลือไวน์อยู่ในขวด คาดว่าผลของมันน่าจะรุนแรงมากกว่านี้
"อ๊า เอาเลย ฆ่ามันให้ฉันสิ ฆ่ามัน"
หัวหน้าของมันกอบกุมหัวของเขาแล้วตะโกนออกมาด้วยความโกรธ
ในคราวนี้ เขามาที่นี่เพื่อสั่งสอนเฉินหลง
สิ่งที่เขาควรทำได้มากที่สุดคือต่อสู้กับเฉินหลง
โดยที่เขาไม่คิดเลยว่าเฉินหลงกล้าลงมือถึงขั้นทำร้ายตัวเขาเอง
มันทำให้เขารู้สึกโกรธอีกฝ่ายทันที
ทันใดนั้นความคิดของเขาก็ได้เปลี่ยนจากการต่อสู้เป็นการฆ่าฟันในทันที
เมื่อได้ยินคำพูดของเจ้านาย
เหล่าลูกน้องจึงอยากจะแสดงฝีมือต่อหน้าเจ้านายของเขาในทันที
เหมือนกับเชือดเลือดไก่ และพุ่งตรงไปที่เฉินหลง
แต่ถึงอย่างนั้น เมื่อเฉินหลงหยิบขวดไวน์ขึ้นมาอีกสองขวด
ลูกน้องพวกนี้ก็ลดความเร็วในการจู่โจมลงในทันที
ล้อเล่นน่ะ ความเร็วของขวดทั้งสองขวดนี้เร็วเกินไปที่จะหลบต่างหากล่ะ
บวกกับพละกำลังที่อยู่ในใจของหนุ่มคนนี้
เฉินหลงเหมือนจะตั้งท่ายิงเอาไว้ตั้งแต่แรก
"แกกลัวมันเหรอ จัดการมันให้ฉันนี่ ฉันจะรับผิดชอบสิ่งที่เกิดขึ้นเอง เอามา
ส่งมันมาให้ฉันสิ แล้วก็ไปฆ่ามันให้ฉันซะ โอ๊ย เจ็บชะมัด
มีเศษแก้วติดอยู่ในเนื้อด้วย"
เมื่อเห็นว่าลูกน้องของเขาบางคนไม่กล้าออกไปข้างหน้า
ชายที่ยืนอยู่คนแรกยังคงแผดเสียงร้องคำรามออกมา
แต่เฉินหลงมีขวดอยู่ในมือ นั่นทำให้ลูกน้องตัวจ้อยลังเล
เขาไม่อยากเป็นนกตัวแรกที่ถูกยิงเสียหน่อย
มาถึงตอนนี้ เจ้าของร้านบาร์บีคิวได้เรียกตำรวจมายังที่เกิดเหตุเรียบร้อยแล้ว
"ไร้ประโยชน์ ไอ้พวกสวะ ใช้การไม่ได้" เมื่อเห็นเหล่าลูกน้องไม่กล้าออกมาข้างหน้า
ชายที่ยังยืนอยู่คนแรกถูกบังคับให้ต้องอดทนกับความเจ็บเนื่องจากสิ่งที่เฉินหลงได้ทำไว้กับเขา
ชายคนหนึ่งที่ถือท่อเหล็กอยู่ในมือมุ่งหน้าไปที่เฉินหลงที่ยืนอยู่ตรงหน้า
เขาเล็งไปที่ศีรษะของเฉินหลง
ร่างกายของเฉินหลงเคลื่อนตัวหลบหลีกท่อเหล็กของชายคนนั้น
จากนั้นขวดไวน์ที่อยู่ในมือขวาของเขาก็กระแทกเข้าไปที่หน้าของชายคนนั้นโดยตรง
จากนั้นเขาก็เตะไปที่เป้าของชายคนนั้นอีกหนึ่งที
หลังจากนั้น ทุกคนก็ได้ยินเสียงเหมือนกับไข่แตก
ในตอนนี้ คนที่รู้สึกเหมือนกับว่าไข่แตก เขาล้มลงไปกองที่พื้น
แล้วม้วนตัวเหมือนกับกุ้ง
เมื่อเห็นสถานการณ์ที่น่าอนาถของชายคนนั้น
เพื่อนร่วมชาติทุกคนที่อยู่ในที่เกิดเหตุไม่สามารถช่วยอะไรเขาได้
นอกเสียจากหนีบขาของพวกเขาเอาไว้ ในฐานะที่เป็นผู้ชาย
พวกเขารู้ซึ้งถึงความเจ็บปวดของการไข่แตกดี ในเวลาเดียวกัน
พวกเขาทุกคนต่างมีคำถามอยู่ในใจว่า
คนที่ไข่แตกไปแล้วจะสามารถแข็งตัวขึ้นอีกในอนาคตได้หรือไม่
เฉินหลงใช้ขวดสวยๆทั้งสองขวดในการต่อสู้ จากนั้นก็สอยหัวหน้าของพวกมันจนร่วงได้
ทำให้เหล่าลูกน้องต่างพากันตกใจอย่างสมบูรณ์
"บอกฉันมาสิ ใครเป็นคนจ้างวานให้แกมาสร้างปัญหาให้ฉัน"
เฉินหลงเดินไปทางลูกน้องที่ถูกเขาทำร้ายก่อนหน้านี้แล้วถาม
ในตอนนี้ หัวหน้าของมันไม่สามารถพูดอะไรได้อีกเพราะความเจ็บปวด
เขาจึงทำได้เพียงถามไถ่จากเหล่าลูกน้องเท่านั้น
0 ความคิดเห็น