CF:บทที่ 304 ขโมยยา
กลางดึกเลยห้าทุ่ม มีกล่มคนหลายคนมาที่ด้านหลังของโรงพยาบาล ในเวลานี้ที่โรงพยาบาลไม่เงียบสงบเหมือนกับที่อื่นๆ แพทย์ประจำการกำลังยุ่ง
“พี่ใหญ่ มันโอเคจริงๆ หรือ? ฉันเพิ่งเห็นว่ามีคนเยอะแยะอยู่ที่นั่น”
"ไม่เป็นไรหรอกน่า พอเราเข้าไป เราก็ระวังตัวและตรงไปที่ที่เก็บยา ว่าแต่ว่าตอนนี้แกอยู่ที่ไหน"
“ทางสะดวก ฉันอยู่ตรงที่ที่มีคนพลุกพล่านอยู่ตอนนี้นี่แหล่ะ แต่ฉันได้ยินมาว่ามีทหารคอยรักษาความปลอดภัยอยู่ที่นั่น แล้วก็ถือปืนด้วย พวกเขาจะไม่ทำให้พวกเราถูกจับตายใช่ไหม”
" เร็วเข้า ไร้สาระน่า ตราบใดที่เราได้ยา เราก็ไม่ต้องทนมองหน้าคนทุกวัน"
เห็นได้ชัดว่าทั้งห้าคนพร้อมแล้ว นอกจากนี้ยังมีบันไดมาด้วย พวกเขาพากันตรงเข้าไปที่กำแพงด้านหลัง
"มัวดูอะไรอยู่? นำทางไปเร็วๆ พอได้ยาเร็วก็ออกไปเร็วๆ ช่วงเย็นมีคนแทรกซึมเข้ามาในโรงพยาบาลแห่งนี้"
"หัวหน้า ดูเหมือนเราจะแอบเข้าไปไม่ได้"
ผู้ชายคนนำทางท่าทางน่าเกลียดกำลังมองไปยังสถานที่ที่มีแสงสว่างไสวด้านหน้า ตอนกลางคืนมีผู้คนจำนวนมากกว่าตอนกลางวันเสียอีก
"เป็นไปได้อย่างไร ทำไมมีคนมากมายเวลานี้? เข้ามาเถอะน่า ไปดูสิว่าเกิดอะไรขึ้น?"
ทันทีที่พวกเขาเข้าไปใกล้ พวกเขาได้ยินคนพูดว่า "โจรสามคนนี้ไม่อยากมีชีวิตอยู่ซะแล้ว พวกมันกล้าเข้าขโมยยาที่รักษาชีวิตของเรา ถ้าหมอไม่ห้ามผม ผมคงเตะพวกมันจนตายไปแล้ว"
พวกใจดำ ผมได้ยินว่ามีคนข้างนอกกำลังจะซื้อยานี้ในราคาสูง ดูเหมือนว่าพวกมันจะขายยาไปต่างประเทศตอนนี้ผมเข้าใจแล้วว่าทำไมเราถึงต้องใช้ยา ณ ตรงนั้น เพื่อป้องกันไม่ให้ใครบางคนแอบขายยาพวกนี้"
มีคนสองสามคนเดินเข้ามาและพบว่ามีคนสามคนนั่งยองๆ อยู่ที่มุมห้อง แพทย์กำลังช่วยจัดการบาดแผลให้พวกมัน
ดูที่จมูกเขียวคล้ำ และตาที่บวม บวกกับรอยเท้าบนเสื้อผ้า จะเห็นว่าน่าอนาถแค่ไหนที่พวกมันโดนจับ
ชายสองสามคนมองไปที่ผู้ป่วยโรคมะเร็งข้างนอก แล้วก็รู้สึกหนาวขึ้นมาทันใด
ผู้ป่วยโรคมะเร็งกลุ่มนี้อาจฆ่าคนที่มาขโมยยาได้ เพราะการขโมยยาเป็นการฆ่าพวกเขาทางอ้อม
ยามีจำนวนจำกัด หากยาถูกขโมย บางคนไม่อาจรอให้ยาใหม่ออกมาและพวกเขาอาจตาย
"หัวหน้า ไปกันเถอะ ฉันรู้สึกเหมือนพวกเขาทั้งหมดกำลังมองมาที่ฉัน ดูนั่นสิ"
คนเป็นหัวหน้ามองเข้าไปข้างในและแทบเป็นลม ทหารติดอาวุธสองคนอยู่ที่ประตูห้องยา หากพวกเขาไม่ได้มาดูที่นี่ พวกเขาก็คงจะอ้อมไปด้านหลังแล้วเปิดหน้าต่างเข้ามา แล้วพวกเขาก็อาจจะถูกขัดขวาง
หลายคนถอยห่างจากออกมาด้วยความกลัว บางคนดีใจที่สามคนนั่นช่วยให้พวกเขารอดพ้นจากภัยพิบัติ
"หัวหน้า ยังอยากขโมยยาอีกไหม?"
ลูกพี่ใหญ่นึกถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมา "ไปซะ กลับไปนอน เราไม่รับงานนี้ แต่ถ้าแกอยากตายก็ไปขโมยยา "
สถานการณ์แบบนี้เกิดขึ้นในโรงพยาบาลหลายแห่งที่ร่วมมือกับฟิวเจอร์กรุ๊ป บางคนไม่เข้าใจสถานการณ์ดังนั้นพวกเขาหาหนทางเข้ามา
จากนั้นพวกเขาพบว่าในห้องยามีกลุ่มผู้ป่วยโรคมะเร็งที่รอการรักษาด้วยยา พวกเขาคิดมากขึ้นเกี่ยวกับยาที่พวกเขาต้องการขโมย
ในปัจจุบันเมื่อปริมาณยาไม่เพียงพอ เขาไม่เห็นว่ายาจะถูกทิ้งไว้เรื่ยราดได้อย่างไร
เภสัชกรเหล่านั้นทำงานสามกะ ตราบใดที่มีการผลิตยา ยาพวกนี้ก็จะถูกใช้โดยผู้ป่วยโรคมะเร็งที่ตรงตามข้อกำหนดที่นี่
เห็นได้ชัดว่าคนที่ขโมยยาไม่เจอกับสถานการณ์นั้น ดังนั้นพวกเขาจึงลงเอยอย่างน่าสังเวช
ยังดีที่ถูกจับโดยแพทย์ ก็จะไม่เจอกับอาชญากรรม ถ้าหากโดนผู้ป่วยมะเร็งจับได้ก็จะเป็นเรื่องอนาถ
เมื่อ อู๋ ฮ่าวเหริน รู้ว่ามีการโจรกรรมยา 13 ครั้งเกิดขึ้นในคืนเดียว เขาคิดว่าโชคดีที่มีการตั้งเงื่อนไขเหล่านั้น ไม่เช่นนั้นจะสามารถนำยาไปใช้กับผู้ที่ต้องการยาได้หรือไม่
จี้ การผลิตอุปกรณ์เป็นอย่างไรบ้าง "
"ตอนนี้เราสามารถผลิตอุปกรณ์ได้มากกว่า 30 ชุดทุกวัน เราผลิตชิ้นส่วนหลักเอง การผลิตชิ้นส่วนอื่น ๆ ได้มอบหมายคนที่กองทัพส่งมาเป็นผู้ผลิต"
อู๋ ฮ่าวเหริน พยักหน้า ชิ้นส่วนหลักต้องมีการดูแลด้านเทคนิค บางทีก็เป็นการดีกว่าที่ไม่ปล่อยให้พวกเขาเข้าใจ
คงจะเป็นโศกนาฏกรรม ถ้าหากมีการพัฒนาอาวุธมะเร็งซึ่งมีความน่ากลัวกว่าอาวุธชีวภาพ และนำมาใช้กับมนุษย์
ไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับเขา เขาเข้าไปในระบบซองแดงเพื่อติดต่อจ้าวแห่งรถบิน และเตรียมส่งรถโบราณให้เขา
"พอผมส่งซองแดงไปแล้ว คุณต้องรีบคว้าไว้ให้ได้ ถ้าคุณโดนปล้นซองไปก็อย่าโทษผมเชียว"
"ไม่ต้องห่วง ไม่มีใครเร็วกว่าผม"
ในระหว่างวันนั้น เขาส่งซองแดงออกมาสองสามซอง และในที่สุดเขาก็ได้เลื่อนเป็นระดับสี่
เพื่อให้สามารถส่งรถโบราณไปได้ เขาแบ่งรถออกเป็นสองส่วน ดังนั้นจ้าวแห่งรถบินจะต้องคว้าถุงแดงสองครั้ง
หลังจากส่งซองแดงของชิ้นส่วนเครื่องยนต์แล้ว จ้าวแห่งรถบินที่เตรียมตัวอยู่แล้ว ก็คว้ามันได้เป็นครั้งแรก
อันที่จริง ซองแดงของ อู๋ ฮ่าวเหริน ถูกจับตามองเป็นปกติโดยไม่รู้ตัว ก็เพราะหากจะปล้นถุงแดงของเขาจะต้องจ่ายเหรียญพลังงานมากขึ้น 5%
หากเขาส่งอะไรสักอย่างที่เขาเคยปล้นมาก่อน ซองแดงเหล่านี้ก็จะโดนปล้นจากคนบางคน เพราะไม่สามารถช่วยเขาอัปเกรดได้
ซองแดงที่เพิ่งส่งออกโดยพ่อค้าของเก่าดูเหมือนเครื่องจักรไอน้ำของโลกโบราณซึ่งเป็นอุปกรณ์ไฟฟ้าที่เก่าแก่ที่สุดของมนุษย์ "
"จ้าวหนุ่มแห่งรถบิน รู้ไหมว่าเขาส่งอะไร นายถึงรีบร้อนนัก?"
"ได้โปรดปล่อยเถอะ มันเป็นรถโบราณที่ผมสั่งซื้อจากพ่อค้าของเก่า ใช้สำหรับการบรรทุกและใช้กำลังลากจูง ไม่ต้องห่วง ผมจะส่งซองแดงใหม่ให้คุณเพื่อให้คุณในภายหลัง"
"ฮ่าฮ่าฮ่า ลงเอยแบบนี้อีกแล้ว เข้าใจแล้ว"
"บ้าชิป, มันเป็นรถได้ยังไง? เจ้ารถนี่ไม่มีเครื่องจักรไอน้ำ นี่ฉันต้องสร้างมันด้วยตัวเองหรอกหรือ?"
“นั้นเป็นของผม ไม่ใช่ชิ้นส่วนทั้งหมด บอกแล้วไงว่าให้ปล่อย ตู้รถกับเครื่องจักรไอน้ำต้องรวมเป็นหนึ่ง” เขาบอก และแสดงภาพ
อู๋ ฮ่าวเหริน ถึงกับพูดไม่ออก เขาโดนคนอื่นปล้นซึ่งเป็นโศกนาฏกรรมจริงๆ
"จริงหรือ คุณอยากได้มันไหมล่ะ? ถ้าอยากได้ ก็ส่งอะไรดีๆสิ ถ้าพอใจ ผมก็จะส่งรถนี่ไป"
จ้าวแห่งรถบินเอ่ยขึ้นอย่างขมขื่น: "ส่งซองแดงสิบซองไปก่อน นี่เป็นรุ่นล่าสุดถ้าผมพลาดคราวนี้ ผมต้องกลายเป็นคนจนอย่างสมบูรณ์ แล้วถ้าถึงวันนั้นพวกคุณคงต้องส่งเสื้อผ้าและอาหารมาให้ผม"
อู๋ ฮ่าวเหริน จ้องมองที่ซองระดับสี่ซึ่งมีมูลค่าเหรียญพลังงาน 800,000 เหรียญ เขาพยายามที่จะคว้ามัน แต่ไม่ได้อะไรเลย
สำหรับรถบินประเภทนี้ อันที่จริงมันมีมูลค่าสูงกว่า 800,000 เหรียญพลังงาน หลายคนปล้นมันและนำมันไปใช้งานเสียเอง
ยิ่งไปกว่านั้นรถบินประเภทล่าสุดนี้เป็นรถยอดนิยมอย่างแน่นอน
"โธ่โว้ย ทำแบบนั้นได้ไง ผมส่งซองแดงไปแล้วไง ทำไมยังปล้นรถผม"
เจ้าหนุ่มจ้าวแห่งรถบินผู้ประสบโศกนาฏกรรม ถูกคนอื่นปล้นอีกครั้ง เขามองตามรถอย่างเซ็ง
"ฮ่าฮ่าฮ่า เลิกโวยวายแล้วส่งซองแดงต่อไป"
สุดท้ายชายผู้นั้นก็แทบจะไปจากระดับ 6 ถึงระดับ 7 เพราะรถนั่น จ้าวแห่งรถบินอยากจะร้องไห้จริงๆ อย่างไรก็ตามในที่สุดเขาก็ได้รับรถของเขา ตามที่ผู้ชายคนนั้นบอก ถ้าการติดตั้งสำเร็จในสองสามวันเขาจะมีคลื่นของซองแดงอีก
อู๋ ฮ่าวเหริน มองไปที่รถบินที่อยู่ในอวกาศซองแดง กับที่เหรียญสากลกว่า 70 เหรียญที่หายไป แล้วสงสัยว่าเขาสามารถเปลี่ยนไอเดียการเล่นนี้เป็นเหรียญพลังงานได้ไหม
ปัจจุบันรถบินประเภทนี้สามารถส่งไปมาในอวกาศซองแดงเท่านั้น การนำรถออกมาใช้ยังเป็นไปไม่ได้
"ในความเป็นจริงมันเป็นความคิดที่ดีที่จะคว้าไว้สักหนึ่งคัน หลังจากสร้างอุโมงค์เสร็จ คุณสามารถใช้รถประเภทนี้เดินทางไปยังเกาะได้อย่างรวดเร็วจากทางลอด"
การสร้างทางจากเกาะถึงที่นี่ สามารถประหยัดเวลาได้มาก
0 ความคิดเห็น