CF:บทที่ 765 ขุมกำลังที่คิดไม่ซื่อ
การล่มสลายของอารยธรรมคานส์นั้นเป็นผลสรุปที่คาดไม่ถึง, แต่ทว่ามันก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงการพลังทลายของพวกเขาในอนาคตได้อยู่ดี
อย่างไรก็ตาม, ผลกระทบจากเรื่องนี้ยังไม่จบลง, โดยเฉพาะหลังจากที่เมืองจักรกลได้เข้ามาคุยติดต่อเรื่องความร่วมมือกับอู๋ฮ่าวเหริน, อารยธรรมข้างเคียงจึงได้พบว่าสถานการณ์นี้นั้นไม่ถูกต้อง
อารยธรรมอย่างจักรวรรดิจักรกลนั้น, ซึ่งไม่เคยเตรียมการมาก่อนเลยแท้ๆ, แต่จู่ก็กลับบุกเข้าโจมตีอารยธรรมคานส์ซึ่งเห็นได้ชัดว่าไม่ใช่อะไรที่ปกติ
ส่วนเรื่องของการร่วมมือของอารยธรรมอื่นๆที่ตามมานั้น, อาจจะเห็นว่าจักรวรรดิจักรกลอาจจะครอบครองพื้นที่ทั้งหมดของอารยธรรมคานส์ได้ จึงได้ลุกขึ้นมาสู้เพื่อชิงผลประโยชน์
แต่หากมีการสืบเข้าไปลึกๆของอารยธรรมข้างเคียงแล้ว, ก็จะพบได้ว่าเรื่องนี้มันไม่ธรรมดาเลย
"พวกคุณได้ยินรึเปล่าว่า เหตุผลที่จักรวรรดิจักรกลถึงได้โจมตีอารยธรรมคานนั้นเป็นเพราะพวกเขาหวังที่จะได้ผลประโยชน์จากอู๋ฮ่าวเหรินน่ะ?"
"อารยธรรมของพวกเราเองก็พบข่าวทำนองนี้อยู่เหมือนกันแต่ก็ยังไม่ชัดเจน, แต่ว่านะ อู๋ฮ่าวเหรินเนี่ยสุดยอดจริงๆเลยนะ, เขาสามารถทำให้จักรวรรดิจักรกลประกาศทำสงครามกับอารยธรรมคานส์ได้"
"ไม่ใช่เพราะว่ากองทัพซีซาร์ได้ฆ่ากำลังรบของอารยธรรมคานส์ไปแล้วถึง 1 ใน 3 หรอกรึ"
"แต่ก็เรียกได้ว่าอารยธรรมคานส์นี่ไปรนหาที่ตายจริงๆ, อยู่ดีไม่ว่าดีดันไปหาเรื่องกับกองทัพซีซาร์"
"ดูเหมือนว่าพวกเขาจะพบเขตดาวที่ๆอู๋ฮ่าวเหรินกำลังบุกเบิกอยู่นั้นเป็นเขตดาวที่มีค่ามาก ก็เลยคิดอยากจะครอบครองน่ะ
แต่ก็คงไม่คิดว่า, อู๋ฮ่าวเหรินนั้นจะไหว้วานให้ชาวซีซาร์มาบุกเบิกเขตดาวนี้น่ะสิ, ซึ่งถ้าไปยั่วโมโหชาวซีซาร์เข้า, ก็อย่างที่รู้กันชาวซีซาร์น่ะบ้าสงครามมากขนาดไหน"
หลังจากที่ได้รู้เกี่ยวกับเรื่องนี้, ผู้คนมากมายต่างก็มีความรู้สึกเกี่ยวกับอารยธรรมคานส์ต่างกันออกไป
อย่างไรก็ตาม, ก็ได้มีการทำความเข้าใจกันเสียใหม่เกี่ยวกับเขตแดนนั้น
ถ้ายังไม่รู้อะไรแน่ชัด, ก็อย่าไปยุ่งกับอู๋ฮ่าวเหริน, ไม่อย่างนั้นก็รอการล่มสลายได้เลย
เพราะมีมาหลายอารยธรรมแล้ว, ที่เข้าไปยุ่งกับคนๆนี้, แล้วผลสุดท้ายก็คือจบไม่สวย
ดังนั้น, อารยธรรมข้างเคียงจึงได้ตีตราอู๋ฮ่าวเหรินว่าเป็นคนที่ไม่ควรไปแตะต้อง
แต่สิ่งที่อารยธรรมเหล่านี้ไม่รู้คือ, ข่าวที่พวกได้มานั้นคือสิ่งที่อู๋าวเหรินได้ส่งให้กับจักรวรรดิจักรกล
เป้าหมายก็เพื่อเป็นการเตือนให้อารยธรรมเหล่านี้อย่าเข้ามายุ่งวุ่นวาย
ซึ่งในเวลานี้ดูเหมือนว่าการเตือนนี้จะได้ผลดีมาก, อารยธรรมข้างเคียงต่างก็ไม่อยากเข้ามายุ่งกับหรือสร้างปัญหาให้ในเขตดาวนั้น
-----------------------------------------------------------------
บนโลก, ขอบเขตของการดำเนินการของมนุษย์นั้นกว้างขวางออกไปมากขึ้นเรื่อยๆ, มีบางคนที่ขับยานอวกาศเอง แล้วทำการบุกเบิกทางช้างเผือกโดยไม่มีหยุดพัก
ด้วยเหตุนี้, จึงได้มีขุมกำลังบางประเทศที่ได้เริ่มคิดที่จะเข้าควบคุมฟิวเจอร์กรุ๊ป
ณ ดาวดวงหนึ่งที่อยู่ไกลออกไป, มีกลุ่มมนุษยชาติได้ออกมาจากโลกเพื่อบุกเบิกดาว
สมาชิกของกลุ่มผู้บุกเบิกดาวกลุ่มนี้คือขุมกำลังหลักของสหรัฐอเมริกาเดิม
หลังจากที่พวกเขาได้ออกมาจากโลกแล้ว, พวกเขาก็ได้สร้างฐานทัพเป็นของตัวเองบนดาวที่อยู่ห่างไกลจากโลก
หลังจากที่ทำการสร้างฐานของตัวเองเสร็จแล้ว, คนพวกนี้ก็ได้เริ่มทำการขุดเอาทรัพยากรออกมาและขนกลับไปที่ดาวดวงนี้จากดาวใกล้เคียง
พวกเขาก็ได้เริ่มทำการวิจัยและผลผลิตยานอวกาศของตัวเองขึ้นมาโดยอาศัยความรู้ที่ได้เรียนมาจากฟิวเจอร์กรุ๊ป
ในห้องประชุมขนาดมหึมา, มีกลุ่มคนได้มารวมตัวกันและมีการหารือกันในประเด็นเดือด
"ผมคิดว่าในตอนนี้, พวกเราควรที่จะทดลองติดต่อกับอารยธรรมต่างดาวดู, แล้วถ้าพวกเราสามารถได้รับการสนับสนุนจากอารยธรรมต่างดาวได้, บางทีพวกเราอาจจะสามารถกำจัดฟิวเจอร์ได้ไวยิ่งขึ้น" อดีตเจ้าหน้าที่ของสหรัฐพูดขึ้น
"ผมเองก็เห็นด้วย, ถ้าพวกเราได้รับการช่วยเหลือด้านเทคโนโลยีมาจากพวกต่างดาวล่ะก็, พวกเราก็จะสามารถหลุดออกจากการควบคุมของฟิวเจอร์กรุ๊ปได้แน่นอน, บางที่พวกเราอาจจะสามารถแทนที่ฟิวเจอร์กรุ๊ปและกลายมาเป็นผู้นำของมนุษยชาติเลยก็ได้"
"ผมไม่เห็นด้วย, ผมไม่คิดว่าการได้เทคโนโลยีของพวกต่างดาวมาจะสามารถสั่นคลอนบัลลังค์ของฟิวเจอร์กรุ๊ปได้
จากสงครามอวกาศครั้งล่าสุด, พวกคุณก็น่าจะเห็นแล้วว่ายานรบของพวกต่างดาวพวกนั้นไม่สามารถที่จะตอบโต้พลังของฟิวเจอร์กรุ๊ปได้เลย
แล้วถ้าการกระทำของพวกเราถูกรู้โดยฟิวเจอร์กรุ๊ปเข้าล่ะก็, มันก็จะกลายเป็นหายนะสำหรับพวกเราเลยล่ะ"
"พวกเราสามารถเรียนรู้เทคโนโลยีของฟิวเจอร์กรุ๊ปแล้วแข็งแกร่งขึ้นให้ได้ด้วยตัวเอง, แล้วในขณะเดียวกัน พวกเราก็จะส่งยานอวกาศออกไปเพื่อตามหามนุษย์ต่างดาวในอวกาศและเอาเทคโนโลยีของพวกเขามาด้วย"
"ใช่, นี่เป็นความคิดที่ดี,
พวกเรามาพยายามติดต่อกับพวกต่างดาวกันเถอะ, แล้วค่อยมาตัดสินใจว่าเทคโนโลยีของต่างดาวนั้นจะสามารถเอาชนะฟิวเจอร์กรุ๊ปได้หรือไม่ก็ยังไม่สาย"
ไม่นานนักผู้คนในห้องประชุมต่างก็เห็นด้วยกับวิธีการนี้
จากนั้น, กลุ่มคนก็ได้เริ่มส่งยานอวกาศที่พวกเขาศึกษาขึ้นมาออกไปปฏิบัติภารกิจเพื่อค้นหาพวกต่างดาว
แน่นอนว่า, คนพวกนี้ไม่รู้จักอวกาศเลย, พวกเขาไม่รู้ว่ามันยากมากขนาดไหนที่จะออกจากทางช้างเผือกและตามหาอารยธรรมต่างดาวด้วยความเร็วของยานอวกาศของพวกเขา
ในอวกาศนั้น, มันไม่ได้ปลอดภัยอย่างที่พวกเขาคิดนัก, บางที่อาจเป็นเพราะพวกเขาไม่เคยเจอกับอันตรายในทางช้างเผือกมาก่อน, ถึงได้คิดว่าไม่มีอันตรายอะไรในอวกาศ
แต่ไม่รู้เลยว่าอันตรายทั้งหมดในทางช้างเผือกนั้นล้วนถูกขัดขวางโดยอู๋ฮ่าวเหรินหมดแล้ว
บนโลก, อู๋ฮ่าวเหรินซึ่งยังไม่รู้เรื่องนี้, ไม่สิบางอู๋ฮ่าวเหรินอาจจะคิดอยู่แล้วว่าคงจะมีคนคิดที่จะทำแบบนี้, แต่เขาก็ไม่ได้สนใจ
อู๋ฮ่าวเหรินได้มอบแผนที่ดวงดาวที่จำเป็นต้องได้รับการพัฒนาให้กับอารยธรรมซีซาร์ไป
เขตดาวที่ต้องพัฒนาในครั้งนี้เป็นเขตดาวหนึ่งที่อยู่ในแผนที่ดวงดาว, ที่อู๋ฮ่าวเหรินนั้นคิดที่จะไปทดลองใช้กับแผนที่ดวงดาวเพื่อดูว่าเขาจะสามารถค้นหาหนทางไปยังจักรวาลอื่นได้หรือไม่
ไม่นานมานี้, เขาได้ทราบมาจากในระบบซองแดงว่าพบร่องรอยของการต่อสู้ของยานรบที่อีกฟากของพื้นที่ที่มีผู้พิทักษ์พรหมแดนในอนาคตและตัวทำลายล้างอยู่, ซึ่งจู่ๆก็ปรากฏขึ้นมาและหายไป
อู๋ฮ่าวเหรินนั้นกังวลถึงการเปลี่ยนนแปลงนี้, ถ้าสิ่งนี้เกิดขึ้นในช่วงยุคของเขาบ้าง, ทางสหพันธรัฐนั้นไม่สามารถที่จะต่อต้านผู้รุกรานได้เลย
ดังนั้นเขาต้องการที่จะรู้เรื่องของจักรวาลอื่น, และถ้าเขาสามารถได้เทคโนโลยีที่ล้ำสมัยของพวกเขามาได้, มันก็จะเป็นการดีกว่า
แน่นอนว่า, เขาไม่ต้องการที่จะไปที่จักรวาลอื่นด้วยตัวเขาเอง, ถ้าเขาสามารถหาทางช่องทางได้แล้วล่ะก็, เขาก็จะบอกเรื่องนี้ให้กับอารยธรรมในยุคอนาคตให้ทดลองดู
ยิ่งไปกว่านั้น, ด้วยการนำกลับมาใช้ใหม่ของกลุ่มซองแดงกับอารยธรรมอื่นๆ, จึงได้มีบางอารยธรรมที่เริ่มเข้ามาติดต่อกับเขาบ้างแล้ว
ในช่วงที่ผ่านมานี้, อารยธรรมมากมายได้พยายามที่จะเข้าหาเขาผ่านกลุ่มซองแดง
คนเหล่านี้ฉลาดมากพอที่ติดต่อกับเขาด้วยการส่งซองแดง
ดังนั้น,อู๋ฮ่าวเหรินจึงได้รับของดีมามากมายผ่านการเก็บซองแดงเหล่านี้
แต่ทว่า, ในปัจจุบันเขาไม่มีเวลาที่จะออกจากโลกเลย
ด้วยท้องของหลิงเมิ่งเสวี่ยที่โตมากขึ้นเรื่อยๆ อู๋ฮ่าวเหรินก็เริ่มที่จะไม่สนใจงานของฟิวเจอร์กรุ๊ปและสนใจกับการอยู่ร่วมกับภรรยาของเขาให้มากยิ่งขึ้น
ในบ้านของอู๋ฮ่าวเหรินนั้น, ชีวิตของเขานั้นไม่ง่ายเลยในหลายวันนี้
หลิวหมิงเยี่ย, ที่เป็นเหมือนตัวแทนของกลุ่มผู้หญิง ซึ่งสามารถพูดได้ว่านอกจากตอนกลางคืนแล้ว เธอใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการอยู่ที่นี่
ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเขานั้นชัดเจนดีอยู่แล้ว, แต่การที่หลิ่งเมิ่งเสวี่ยยังมีท่าทีสนับสนุนอยู่ทำให้อู๋ฮ่าวเหรินพูดอะไรไม่ออก
ถ้าเขาไม่หลีกเลี่ยงอยู่ตลอดเวลา, เขาคงจะต้องพลาดท่าเข้าซักวันแน่
ในเวลานี้, จึงได้มีการแสดงครั้งใหญ่เกิดขึ้นในสวน, โดยมีตัวละครหลักเป็นอู๋ฮ่าวเหรินและหลิวหมิงเยี่ย
0 ความคิดเห็น