TB:บทที่ 153 กลุ่มผู้ลวงตา

นิยายลงทุกวัน เวลา 6.00 น. ส่วนเรื่องไหน จำนวนกี่ตอนนั้น สามารถดูได้ ที่นี่

TB:บทที่ 153 กลุ่มผู้ลวงตา 


“หากผมพูดคำแก้ตัวอื่นอีก ผมเกรงว่าพี่เฉินจะดูถูกผมนี่สิ ผมมาที่นี่เพื่อเจอพี่เฉินโดยเฉพาะเลยนะ ผมล่ะอยากเห็นจริงๆว่าคนแบบไหนกันที่ขัดขวางการฆ่าตัวตายของอี้หยางน่ะ” ไป๋ชิงเหวินยิ้มให้เฉินหลง เขาพูดเข้าประเด็นทันที 


ในตอนนี้ที่เฉินหลงรู้ตัวตนของเขาแล้ว ไป๋ชิงเหวินไม่ต้องการจะแกล้งเป็นคนโง่ใส่เฉินหลงต่อ 


“ผมไม่คิดว่าน้องไป๋มาเพื่อเจอหน้าผมโดยเฉพาะหรอก บางทีน่าจะมาเพราะหมายหัวผมไว้มากกว่า”


เฉินหลงเหลือบมองไป๋ชิงเหวิน


เฉินหลงไม่เชื่อว่าไป๋ชิงเหวินจะข้ามน้ำข้ามทะเลมาเพียงเพื่อเจอหน้าเขา 


“ใช่สิ ตอนที่ไป๋มา อาจารย์บอกว่าให้เอาหัวคุณกลับไปด้วยนี่ เมื่อได้เจอเขาแล้ว ไป๋รู้ได้เลยว่าการเอาหัวพี่เฉินไปต้องยากมากแน่ๆ ตอนนี้เลยยกเลิกความคิดนั้นไปแล้ว อย่างไรเสียถ้าไป๋มีโอกาส ไป๋คงไม่พลาดที่จะเอาหัวพี่เฉินไปหรอก” แม้ตอนที่ไป๋ชิงเหวินพูดเกี่ยวกับหัวเฉินหลง เขายังดูเป็นอาจารย์หนุ่มที่ดีอยู่เลย 


จุดประสงค์ก่อนกลับบ้านของไป๋ชิงเหวินในตอนแรกคือการฆ่าเฉินหลง อย่างไรก็ตามเขาพบว่าเขาไม่สามารถมองเห็นพลังทั้งหมดของเฉินหลงได้ อีกทั้งยังไม่สามารถเห็นพลังของกู่เฟ่ยได้เลยด้วย เขาจึงยกเลิกแผนไปอย่างชาญฉลาด 


“จะว่าไป ผมยังไม่รู้เลยว่าน้องไป๋เป็นปิศาจประเภทไหน” ถึงเฉินหลงจะได้ยินเรื่องที่ไป๋ชิงเหวินต้องการนำหัวเขากลับไปด้วยแล้วก็ตามแต่เขายังใจเย็นได้อยู่


“เป็นพวกที่มีเวทมนต์น่ะ พวกที่อยู่ในแดนนางฟ้าและมีคัมภีร์ขาว” แล้วไป๋ชิงเหวินก็แนะนำตัวเขาอย่างเป็นทางการ


พวกปีศาจมีอยู่ด้วยกันแปดพวก แต่ละพวกมีรูปแบบเป็นของตน อย่าง อี้หยางที่เป็นปีศาจที่ไร้ความปราณีเป็นกลุ่มผู้เที่ยงตรง(mieqing) ในขณะที่ไป๋ชิงเหวินมีพลังลวงตาจากตระกูลที่ยิ่งใหญ่และสูงศักดิ์ในโลกที่ว้าวุ่นนี้


“น้องไป๋ นายมาที่นี่เพื่อเป็นครูจริงๆหรือ” เฉินหลงซักถาม 


ในความคิดของเฉินหลง เขามองว่าไป๋ชิงเหวินแทรกซึมเข้ามาในโรงเรียนนี้ด้วยเหตุผลบางประการ แต่ในเมื่อตอนนี้ตัวตนของเขาได้เปิดเผยแล้ว เขาก็ควรที่จะไปเสีย 


“แน่สิครับ ผมเป็นนักเรียนชั้นต้นๆจากเอมไอที คุณสมบัติผมมากเกินพอจะเป็นครูสอนฟิสิกส์ในโรงเรียนมัธยมปลายไปไกลเลย” ไป๋ชิงเหวินยกยิ้ม 


เฉินหลงใจเย็นลง เขามองไป๋ชิงเหวินและกล่าวต่อไป “แล้วนายต้องการจะทำอะไรละ” 


หากจะมีคนประเภทนี้วนเวียนอยู่รอบตัวคนในครอบครัวเขา เฉินหลงไม่มีทางนิ่งนอนใจ หากไป๋ชิงเหวินไม่มีเหตุผลที่สมเหตุสมควร เฉินหลงคงไม่สนใจความมีเสน่ห์ของเขาแล้วฆ่าเขาทิ้งเสียตรงนี้

“แน่นอนว่าผมต้องเป็นครู ผมรู้ว่าคุณกังวลเรื่องอะไร ผมมีคำสั่งให้นำหัวคุณกลับไปนะ ผมน่ะไม่ยุ่งกับครอบครับคุณหรอก อีกอย่างแม้ผมจะเป็นปิศาจแต่ผมไม่ใช่นักฆ่า คุณวางใจได้เลย ผมจะไม่ยุ่งเกี่ยวอะไรกับครอบครัวคุณเด็ดขาด” ไป๋ชิงเหวินว่าอย่างจริงจัง 


เฉินหลงเห็นว่าไป๋ชิงเหวินพูดจากใจจริง แถมโอกาสในการฆ่ายังค่อยๆหายไปอีกด้วย


เขามองไป๋ชิงเหวินอย่างเด็ดขาด “การที่นายอยากทำอะไรฉันไม่ใช่เรื่องสำคัญหรอก ฉันจะให้นายเห็นพลังของฉันเอง แต่ถ้านายริอาจทำอะไรครอบครัวของฉันล่ะก็ ฉัน เฉินหลงคนนี้ รับประกันได้เลยว่านายจะไม่เหลือร่องรอยอยู่บนโลกนี้”


เมื่อกล่าวเช่นนั้นแล้ว เฉินหลงและกู่เฟ่ยก็จากไป 


หลังจากฟังคำของเฉินหลงแล้ว ไป๋ชิงเหวินได้จมอยู่ในความคิดตนทันที เขาคิดว่าเฉินหลงคงทำอย่างที่พูดได้จริงๆ บางทีการทำให้แม่ทัพรู้เรื่องของศัตรูคงไม่ใช่ตัวเลือกที่ฉลาดนัก 


“เอาล่ะ จะต้องการอะไรให้มากมาย ถ้าตอนนี้ฆ่าเฉินหลงไม่ได้ ก็ปล่อยให้อีกเจ็ดคนทำไปสิ ฉันจะเป็นครูสอนนักเรียนฉันไป” ตอนที่เฉินหลงไปแล้ว ไป๋ชิงเหวินว่า พร้อมยกยิ้มเย้ยหยันให้ตนเอง 


จากนั้นเขาจึงลุกขึ้นและเดินออกไปจากร้าน 


เฉินหลงกล่าวว่ามื้อนี้จะเลี้ยงเขาเอง ไป๋ชิงเหวินจึงเชื่อว่าเฉินหลงจ่ายค่าอาหารให้แล้ว 


เมื่อกลับถึงบ้านเฉินหลงขอให้กู่เฟ่ยช่วยปกป้องครอบครัวเขาอย่างลับๆต่อไป จากนั้นเขาได้ใช้ “หินแห่งแสง” อีกครั้งครั้งนี้กับ ลั่วเสวี่ย


เฉินหลงรู้จากคำของไป๋ชิงเหวินว่า เขาไม่ใช่ปิศาจตนเดียวที่พวกปิศาจส่งมา 


ดังนั้นเฉินหลงจึงรู้สึกว่าพลังที่เขามียังไม่พอ 


และหลังจากได้รู้ชื่อและเผ่าบรรพบุรุษของไป๋ชิงเหวินแล้ว พลังของเขาก็ตรวจสอบได้โดยใช้เครื่องตรวจสอบ พลังของเขามีความแข็งแกร่งเท่าๆเฉินหลงเพียงแต่แข็งกล้ามากกว่าเล็กน้อย แต่พลังของพวกของไป๋ชิงเหวินนั้นมีพลังน้อยกว่า เฉินหลงจึงคิดว่าเขาควรเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับตนเอง


ลั่วเสวี่ยที่ได้ใช้“หินแห่งแสง”เช่นเดียวกับกู่เฟ่ยเจอกับปัญหาในตอนพัฒนาเช่นเดียวกับกู่เฟ่ย นั่นคือเธอไม่รู้สึกถึงฉีแห่งสรวงสวรรค์และพสุธา แต่ต่อมาด้วยความช่วยเหลือของ พลัง“แสงภายหลัง” แล้ว เธอก็ได้ก้าวเข้าสู่ระดับกำเนิด 


ในขณะเดียวกันนั้น เธอไม่ได้เพียงมีพลังคุมพืชพรรณที่แข็งแกร่งเท่านั้นแต่ยังมีพลังใหม่อีกนั่นคือ การเลียนแบบ หรือการที่ตราบใดที่เห็นของชิ้นใดหรือคนคนไหนแล้วเธอสามารถเปลี่ยนรูปร่างตามได้ 


ตอนที่ลั่วเสวี่ยเปลี่ยนใบหน้าเป็นเฉินหลงอีกคนที่เหมือนเขาอย่างกับแกะ อีกทั้งยังเหมือนเขาแม้กระทั่งเสียง เฉินหลงอึ้งไปพักหนึ่ง จากนั้นเธอเปลี่ยนรูปร่างไปอีกเรื่อยๆ หากกล่าวตามตรงทุกๆอย่างเหมือนเขาไปหมดยกเว้นว่าใส่เสื้อผ้าผู้หญิงอยู่ เฉินหลงรู้สึกจริงจังขึ้นอีกนิดหน่อย 


เฉินหลงอยากรู้เหลือเกินว่าจะเหมือนเขาได้แค่ไหนแต่เมื่อคิดขึ้นได้ว่าลั่วเสวี่ยเป็นผู้หญิงเขาก็ล้มเลิกความคิดไป 


“นอกจากรูปลักษณ์ภายนอกกับเสียงแล้ว เธอเลียนแบบพลังของฉันได้หรือไม่” เฉินหลงถาม 


หากลั่วเสวี่ยสามารถเลียนแบบพลังเขาได้จริงๆ เธอคงเป็นเหมือนนางฟ้านางสวรรค์สำหรับเขาที่ต้อนฝูงสัตว์ขึ้นไปบนสรวงสวรรค์ 


“ไม่ได้ค่ะ ฉันทำได้เพียงเลียนแบบรูปลักษณ์ภายนอกเท่านั้น” ลั่วเสวี่ยส่ายหน้าให้เฉินหลง 


เมื่อเห็นตัวเขาอีกคนส่ายหัวแล้ว เฉินหลงรู้สึกอึดอัดใจเล็กน้อย เขาจึงให้ลั่วเสวี่ยเปลี่ยนร่างกลับเป็นตนเอง


และหลังจากลั่วเสวี่ยเปลี่ยนร่างกลับดั้งเดิมแล้วเฉินหลงค่อยรู้สึกสบายใจขึ้น 


จากนั้นเฉินหลงได้ขอให้ลั่วเสวี่ยและกู่เฟ่ยปกป้องครอบครัวเขาอย่างห่างๆต่อไป และเขาก็กลับบ้าน 


เฉินหลงกลับไปที่ห้องของเขา เขาเข้าระบบและไปที่ร้านค้าที่ขาย “สูตรกระบวนท่าอสูรทั้งหมื่น” ที่เขาเห็นในระบบก่อนหน้านี้  ร้านค้านี้ไม่มีชื่อ มีเพียงสัญลักษณ์รูปหัวอสูรเท่านั้น 


นอกจาก“สูตรกระบวนท่าอสูรทั้งหมื่น”แล้วร้านค้านี้ยังขายไข่ของสัตว์ต่างๆ รวมถึงกระดูก และขนนกและสิ่งต่างๆอีกมากมาย ในส่วนของแต้มแลกเปลี่ยนนั้นช่างน่าสงสัยว่าเจ้าของร้านคิดอย่างไร เพราะมีทั้งราคาที่สูงลิ่วอย่างบางชิ้นที่มากถึงหลายร้อยล้าน ในขณะที่บางชิ้นมีราคาแลกเปลี่ยนเพียงหนึ่งแต้มเท่านั้น แต่ถึงแม้ของชิ้นนั้นจะราคาเพียงหนึ่งแต้มแต่ก็คงไม่มีใครแลกมันหรอก เฉินหลงมองเวลาที่ร้านนี้เริ่มกิจการแล้วพบว่าเปิดมาเพียงแค่สองวันเท่านั้น ดูท่าทางแล้วเขาคงเป็นแขกคนแรกของร้านนี้ 


หลังจากนั้นเฉินหลงส่งวิดีโอคำร้องเพื่อติดต่อเจ้าของร้าน


ครู่หนึ่งผ่านไปอีกฝ่ายได้เข้าร่วมสายวิดีโอ 


ปลายสายปรากฏตัวตนจริงแต่นั่นกลับทำให้เฉินหลงกลัว เพราะว่าใบหน้าของเขามีหน้าตาคล้ายสิงโตมากกว่าจะเป็นมนุษย์ 


“เจ้าเป็นใคร และต้องการสิ่งใด” อีกฝ่ายพูดขึ้นทันทีด้วยน้ำเสียงที่มีความขู่เข็ญ 


“ผมอยากติดต่อธุรกิจด้วยน่ะ” เฉินหลงอธิบายจุดประสงค์ของเขา 


“อยากจะซื้อสิ่งใดจากข้ากันหรือ” เมื่อได้ยินเฉินหลงบอกว่าเขาต้องการจะซื้อของปลายสายแสดงสีหน้าตื่นเต้น 


“ใช่แล้ว ผมจะซื้อของถ้าราคามันเหมาะสมแล้ว” เฉินหลงพยักหน้า 


แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น