CF:บทที่ 586 ใจกลางทางช้างเผือก
ในขณะที่ผู้การมิสต์กำลังสะสางปัญหาของเขาอยู่นั้น, อู๋ฮ่าวเหรินก็ได้เตรียมการขั้นสุดท้ายบนโลกอยู่
วันนี้, เขากำลังนั่งยานขนส่งไปยังใจกลางของทางช้างเผือก
ในเวลานี้, เขาจะต้องขนหินพลังงานไปให้เพียงพอ, สิ่งนี้มันคือเงิน, สำหรับสหพันธรัฐจักรวาลแล้ว ถ้าปราศจากสิ่งนี้มันก็จะเป็นเรื่องยากมากที่จะพัฒนาสิ่งต่างๆ
หินพลังงานที่เขาเก็บไว้บนโลกก็มี, แต่เขาใช้มันไม่ได้จำเป็นจะต้องเก็บเอาไว้, ในใจกลางของทางช้างเผือกนั้น, มีเหมืองหินพลังงานมากกว่า 100 เหมืองที่กำลังขุดหาหินพลังงานจำนวนมากอย่างต่อเนื่อง, แต่ยังไม่ได้ขนกลับมา
โดยอาศัยโอกาสนี้, อู๋ฮ่าวเหรินนั้นต้องการที่จะไปที่ใจกลางของทางช้างเผือกเพื่อที่จะมาดูสถานการณ์, จากข้อมูลที่เขาได้รับมาจากในอนาคต, ใจกลางของทางช้างเผือกนั้นน่าทึ่งมาก
เพราะการพัฒนาด้านยานอวกาศ, ความเร็วของมันจึงเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิม
โดยเฉพาะการจัมพ์ข้ามอวกาศ, ซึ่งทำให้อู๋ฮ่าวเหรินรู้สึกถึงพลังของเทคโนโลยีเป็นครั้งแรก
การจัมพ์ข้ามอวกาศแบบนี้, ซึ่งเป็นการทำลายกฏของอวกาศและเมินเฉยเรื่องของระยะทาง, ทำให้รู้สึกวิเศษมาก
เดิมที, มันจะต้องใช้เวลานานมากในการเดินทางเป็นเส้นตรงจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่ง
แต่ด้วยการจัมพ์ข้ามอวกาศเช่นนี้, เหมือนนำเอาจุดสองจุดเข้ามาเชื่อมถึงกัน, แล้วลบเอาระยะทางตรงกลางทิ้งไป
แน่นอนว่า, อู๋ฮ่าวเหรินรู้ดีว่าถ้าเทคโนโลยีในการจัมพ์ข้ามอวกาศนี้ยังไม่สมบูรณ์, มันจะไร้ความหมายทันทีในการจัมพ์ข้ามอวกาศเช่นนี้
เพราะว่ามันแทบจะไม่มีชีวิตรอดได้เลยหากมีปัญหาเกิดขึ้นในการจัมพ์ข้ามอวกาศ, เพราะทุกอย่างจะทำลายสลายทำให้กลายเป็นอนุภาคขนาดเล็ก
ยิ่งไปกว่านั้น ในการจัมพ์ข้ามอวกาศเช่นนี้ไม่สามารถใช้แบบสุ่มสี่สุ่มห้าได้ด้วย
ลองนึกภาพว่าถ้าคุณไม่รู้ถึงสถานภาพของเป้าหมายดีพอ, แล้วคุณยังทำการจัมพ์ไป แล้วสถานที่ที่จะไปโผล่เป็นดาวเคราะห์แล้วล่ะก็, อะไรจะเกิดขึ้น?
ยานอวกาศก็จะพุ่งชนเข้ากับดาวเคราะห์ หรือพระอาทิตย์ ซึ่งไม่ว่าจะเป็นดาวไหน หากหลบไม่ทันแล้วล่ะก็จบเห่
ในการทดลองของเทคโนโลยีการจัมพ์นี้นั้นต้องสังเวยผู้คนไปเป็นจำนวนนับไม่ถ้วน, แน่นอนว่าอู๋ฮ่าวเหรินนั้นไม่จำเป็นที่จะต้องเสี่ยงทดลองด้วยชีวิตที่นี่, เพราะในอนาคตนั้นได้ทดลองมาแล้ว, ทำให้เขาสามารถใช้ได้ทันที
ถ้าต้องการที่จะจัมพ์ข้ามอวกาศ, ก็จะต้องมีแผนที่ดวงดาวที่แม่นยำ และต้องมั่นใจด้วยว่าจะต้องไม่มีอุกกาบาตหรือยานอวกาศอยู่บริเวณนั้น
จริงๆแล้ว, ทางออกของการการจัมพ์นี้, เป็นพื้นที่พิเศษที่มีการคุ้มกันโดยกองกำลังพิเศษอยู่
ในกรณีนี้, จึงทำให้มั่นใจได้ว่าเมื่อจัมพ์เสร็จแล้ว, จะไม่มีการชนกันกับดาวหรือยานอวกาศคนอื่นเกิดขึ้น
แน่นอนว่า, การจัมพ์นั้นจะมักจะใช้ในระยะสั้นๆ, เพราะการจัมพ์ครั้งหนึ่งจะทำให้สูญเสียพลังงานไปอย่างมาก, พลังงานของยานอวกาศลำหนึ่งนั้นไม่เพียงพอที่จะทำการจัมพ์ได้หลายๆครั้ง
ส่วนการเดินทางในระยะไกลนั้นจะใช้รูหนอนในการเดินทางแทน, ซึ่งเป็นช่องทางที่เกิดตามธรรมชาติ, พลังงานที่ต้องใช้ในการเดินทางข้ามช่องทางแบบนี้จึงลืมไปได้เลย
เพราะรูหนอนนั้นเป็นสิ่งที่เกิดตามธรรมชาติ, และพลังงานที่จำเป็นต่อการเปิดรูหนอนก็มาจากจักรวาลเอง
นั่นคือเหตุผลที่ว่าทำไมถึงต้องสร้างสตาร์เกทไว้ที่ทั้งสองฝั่งของรูหนอน, เพราะว่ารูหนอนนั้นเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ, มันอาจจะมีปัญหาได้ถ้ารู้หนอนนั้นอยู่ในสภาวะไม่เสถียร
อย่างไรก็ตาม, เมื่อสตาร์เกทถูกสร้างขึ้นมาแล้ว, จะสามารถทำให้รูหนอนเสถียรขึ้นมาได้, และจะไม่มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นระหว่างการเดินทางผ่านรูหนอน
กาแล็คซี่ทางช้างเผือกนั้นไม่ได้มีขนาดที่ใหญ่มากนัก, เพียงใช้การจัมพ์ข้ามอวกาศระยะไกลซักสองหนก็เพียงพอที่จะเดินทางจากโลกมายังใจกลางของทางช้างเผือกได้, แต่ทว่าในการจัมพ์ทั้งสองรอบนั้นเขาต้องสูญเสียพลังงานไปเป็นจำนวนถึง 90% ของพลังงานในยานอวกาศ
แน่นอนว่า, เมื่อใดที่ประตูจากรูหนอนอันนั้นสร้างเสร็จ, อู๋ฮ่าวเหรินก็จะไม่ต้องใช้วิธีการนี้อีก
เมื่อการจัมพ์เสร็จสิ้น, ก็จะเหลือระยะทางอีกไม่มากถึงจะถึงใจกลางทางช้างเผือก, เมื่อมองดูที่ใจกลางของทางช้างเผือกแล้ว, อู๋ฮ่าวเหรินก็เข้าใจทันทีว่าทำไมโลกนั้นถึงถูกเรียกว่าเป็นดาวที่ห่างไกล
ยืนอยู่ในห้องสังเกตการณ์ในยานอวกาศ, และมองดูหมู่ดาวที่นี่ที่อยู่กันอย่างหนาแน่นมาก
มันหนาแน่นอย่างกับตัวหมากที่อยู่บนกระดานหมากล้อม, ยิ่งไปกว่านั้นดาวเคราะห์ที่นี่ก็แปลกมาก, เพราะแต่ละดาวมีขนาดมหึมามาก
ดาวเหล่านี้ต่างวิ่งไปรอบๆด้วยกฏที่แปลกๆ, ดูแล้วคล้ายกับก้นหอยขนาดใหญ่, โดยศูนย์กลางก็ก้นหอยนั้นก็คือใจกลางของทางช้างเผือกนี้นั่นเอง
เมื่ออู๋ฮ่าวเหรินมาถึงที่นี่, เขาก็เข้าใจได้ว่าทำไมหินพลังงานถึงได้เกิดขึ้นที่นี่
แอ่งแปลกๆนี้จะสามารถรวบรวมพลังงานของจักรวาลได้, เมื่อพลังงานเหล่านั้นได้มารวมตัวกันอยู่ที่, มันจะถูกบีบอัดอยู่บนดวงดาวเหล่านั้น
แน่นอนว่า, มีบางส่วนที่จะถูกซัมซับเอาไว้ตรงใจกลางหลุมนั้น
อู๋ฮ่าวเหรินนั้นไม่กล้าที่จะไปที่ใจกลางก้นหอยที่อยู่ใกล้กับใจกลางของกาแล็คซี่นั้น, เพราะในอนาคตเคยมีบางอารยธรรมที่ทำแบบนั้นมาแล้ว
และผลของมัน, ทำให้ทั้งกองยานถูกดูดเข้าไปในใจกลางก่อนที่จะได้เข้าไปใกล้เสียอีก, ใจกลางน้ำวนนี้ไม่เหมือนกับหลุมดำ, แต่ในเมื่อมันรวบรวมพลังงานเอาไว้ในตัวมันอย่างมหาศาล, ทุกสิ่งทุกอย่างจะถูกทำให้กลายเป็นเถ้าธุลีเมื่อถูกดูดเข้าไป
ยิ่งเขาเข้าใกล้ศูนย์กลางมากขึ้นเท่าไร, เขาก็ยิ่งรู้สึกกลัวมากขึ้นเท่านั้น, โดยเฉพาะเมื่อมองผ่านอุปกรณ์ จะเห็นได้ว่าใจกลางของมันนั้นว่างเปล่าไม่มีอะไร ไม่แม้แต่ดวงดาว, มีเพียงเสาพลังงานที่อยู่ใจกลางก้นหอย ราวกับปากของสัตว์ประหลาด ที่จะกลืนกลินพลังงานของจักรวาลนี้
อู๋ฮ่าวเหรินไม่ได้กังวลว่าพลังงานของกาแลคซี่นี้จะถูกดูดไปอยู่ที่ใจกลางของแอ่งนี้ทั้งหมด เพราะหลังจากที่มันดูดซับเอาพลังงานไปแล้ว, ใจกลางก้นหอยนี้มันก็จะส่งพลังงานกลับไปทั่วทั้งกาแล็คซี่
ถ้าปราศจากก้นหอยนี้, ทั่วทั้งกาแล็คซี่ก็จะกลายเป็นกาแล็คซี่ที่ตายไป, และจะกลายเป็นการล่มสลายของกาแล็คซี่
ในอนาคตนั้น, เคยมีอารยธรรมหนึ่งที่ต้องการที่จะใช้กฏนี้ในการพัฒนาอาวุธทำลายล้างกาแล็คซี่, แต่ผลของมัน ตอนที่อารยธรรมนั้นทดลองใช้อาวุธต้องชดใช้ด้วยอารยธรรมทั้งอารยธรรม
การทำลายล้างกาแล็คซี่ถือเป็นการกระทำที่ฝืนกฏของจักรวาล, เพราะว่าหากมีอารยธรรมใดที่เชี่ยวชาญด้านพลังงานนี้ขึ้นมาได้ มันจะทำลายล้างทั้งจักรวาลได้
ไม่นานนัก, ยานอวกาศของอู๋ฮ่าวเหรินก็หยุดอยู่ที่ดาวดวงหนึ่ง
ดาวดวงนี้แปลกประหลาดมาก, หากมองจากภายนอกมันจะดูเหมือนลูกบอลคริสตัลขนาดมหึมา
แน่นอนว่าอู๋ฮ่าวเหรินรู้ว่านี่ไม่ใช่แค่คริสตัลธรรมดาๆ, แต่มันคือหินพลังงานที่ถูกบีบอัดอยู่บนพื้นผิวของดาว ที่ถูกเรียกกันว่าดาวแร่พลังงาน
อู๋ฮ่าวเหรินได้ยินมาจากพ่อค้าพลังงานในอนาคตว่า, มีเพียงผู้มีอำนาจมากจริงๆเท่านั้นถึงจะมีสิทธิควบคุมดูแลดาวเช่นนี้
ดาวแร่พลังงานนี้, ในจักรวาลนั้นถือว่าหาได้ยากมาก, เหตุผลที่ทำไมอู๋ฮ่าวเหรินค้นพบดาวดวงนี้ได้ก็เพราะได้มาจากข้อมูลจากในอนาคต
เขารู้ทุกสิ่งทุกอย่างเกี่ยวกับดาวส่วนใหญ่ที่อยู่ในกาแล็คซี่ทางช้างเผือกนี้ ข้อมูลเหล่านี้เขาได้มาจากในอนาคต, ซึ่งมนุษยชาติในอนาคตได้ทำการศึกษาทั่วทั้งทางช้างเผือกมาแล้ว
บนดาวดวงนี้, มีเหมืองขุดหินพลังงานขนาดใหญ่ที่สุดอยู่, แต่ทว่าหลังจากที่หินพลังงานบนดาวดวงนี้ได้ถูกขุดออกมาหมดแล้ว, มันจะไม่ถูกขนส่งไปที่โลก, แต่พลังงานทั้งหมดจะถูกเก็บเอาไว้ที่ดาวดวงนี้แทน
เพราะมีดาวแร่พลังงานเช่นนี้อยู่เพียงแค่ 3 ดาวเท่านั้นทั่วทั้งทางช้างเผือกนี้, และอีกสองแห่งนั้นก็อยู่ไกลจากโลกมากเกินไป, อู๋ฮ่าวเหรินจึงยังไม่คิดที่จะพัฒนาดาวเหล่านั้นในปัจจุบัน
เมื่อเปรียบเทียบดาวดวงนี้กับที่อื่นๆแล้ว, หินพลังงานที่อยู่รอบๆดาวนี้ค่อนข้างจะน้อย, นั่นคือเห็นผลที่ว่าทำไมทางช้างเผือกนั้นถึงเป็นกาแล็คซี่ที่ทรัพยากรน้อย
โกดังเก็บหินพลังงานในใจกลางทางช้างเผือกนี้ยังเอาไว้เก็บสะสมทรัพยากรอื่นๆในกาแล็คซี่นี้อีกด้วย
เพราะทุกสิ่งทุกอย่างนั้นล้วนก่อเกิดมาจากพลังงาน
เมื่อมองดูจากสภาพแล้ว, อู๋ฮ่าวเหรินจึงได้สั่งให้ยานอวกาศร่อนลงไปจอดที่พื้นผิวของดาว
0 ความคิดเห็น