CF:บทที่ 584 ปลอมตัว

นิยายลงทุกวัน เวลา 6.00 น. ส่วนเรื่องไหน จำนวนกี่ตอนนั้น สามารถดูได้ ที่นี่

CF:บทที่ 584 ปลอมตัว

 

หลังจากที่ออกมาจากระบบซองแดงแล้ว, อู๋ฮ่าวเหรินก็ได้เริ่มศึกษาข้อมูลที่เขาได้รับมาอย่างตั้งใจ, เพราะมันเกี่ยวพันถึงความสำเร็จในการเป็นพันธมิตรกับทางสหพันรัฐ

 

เมื่ออ่านดูบทแนะนำของมิสต์แล้ว, อู๋ฮ่าวเหรินก็ได้รู้ซึ้งถึงความแข็งแกร่งของผู้การคนนี้, ในฐานะผู้บัญชาการกองยานที่ 3 ของสหพันธรัฐจักรวาล, ความสามารถในการสั่งการยานรบของเขาติดอยู่ในอันดับ 1 ใน 10 ของสหพันรัฐจักรวาล

 

ถ้าบนโลกมีสุดยอดผู้บัญชาการเช่นนี้บ้าง, อู๋ฮ่าวเหรินก็คงจะไม่ต้องกังวลถึงความปลอดภัยของโลกตอนที่เขาออกมาเช่นนี้เลย

 

ตัวตนของผู้บัญชาการเช่นนี้จะมีส่วนช่วยอย่างมากกับการฝึกทหารประจำการยานรบ

 

เขาส่ายหัวของเขา, และละทิ้งความคิดเพ้อฝันออกจากหัวของเขา, แล้วอู๋ฮ่าวเหรินก็มาศึกษาเรื่องการปลอมตัวต่อ

 

ร็อดแมน, เป็นนักท่องอวกาศที่รู้จักกับมิสต์, เขาเป็นคนที่แข็งแกร่งมากคนหนึ่งเช่นกัน, ความสำเร็จในปัจจุบันของมิสต์นั้นเรียกได้ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับนักท่องอวกาศคนนี้

 

เรียกได้ว่ามิสต์มีทุกวันนี้ได้เพราะตัวตนของร็อดแมน, เพราะซากอารยธรรมโบราณที่ร็อดแมนไปพบเข้านั้น, และสมบัติโบราณที่เขาไปเจอเข้านั้นก็ได้ให้ไว้กับมิสต์เพื่อนของเขา, จนสามารถประสบความสำเร็จได้จนถึงทุกวันนี้

 

แต่ทว่า, ร็อดแมนนั้นได้หายสาปสูญไปนานมากแล้ว, ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรสำหรับนักท่องอวกาศ

 

เพราะมีนักท่องอวกาศมากมายที่มักติดอยู่ซากโบราณสถานหรือไม่ก็ดาวดวงหนึ่งอยู่เป็นทศวรรษ

 

แน่นอนว่า, มีบางคนที่ตายอยู่ในซากโบราณสถานที่อันตราย, หรือไม่ก็ท่ามกลางทะเลดวงดาว

 

เหตุผลที่ว่าทำไมอู๋ฮ่าวเหรินที่ได้สังเกตเห็นบทความตรงนี้ เพราะในช่วงเวลานี้เดิมทีเป็นช่วงเวลาที่มิสต์นั้นจะต้องออกตามหาร็อดแมน

 

ซึ่งในบทความนี้ได้ระบุไว้ด้วยว่า, ร็อดแมนนั้นได้ตายอยู่ในเขตดาวที่อันตรายแห่งหนึ่ง, อู๋ฮ่าวเหรินนั้นไม่มั่นใจว่าร็อดแมนนั้นจะตายอยู่เขตดาวนั้นหรือไม่ ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรกับสำหรับเขา

 

ตราบเท่าที่เขารู้ว่าร็อดแมนนั้นอยู่ที่เขตดาวไหน, เขาก็จะสามารถใช้ข้อมูลตรงนี้ในการเข้าถึงตัวผู้การมิสต์ได้

 

เมื่อคิดแบบนี้, อู๋ฮ่าวเหรินเริ่มที่จะคิดว่า, ถ้าเขาใช้ข้อมูลตรงจุดนี้ให้เป็นประโยชน์ล่ะก็, บางที่เขาอาจจะหาคนหนุนหลังเขาได้ก่อนที่จะเข้าไปยังสหพันธรัฐก็ได้

 

และถ้าเขามีมิสต์คอยหนุนหลังล่ะก็, มันก็จะเป็นเรื่องง่ายสำหรับอู๋ฮ่าวเหรินในการทำอะไรหลายๆอย่างหลังจากที่เข้าไปยังสหพันธรัฐแล้ว

 

"จี้, สร้างยานรบรุ่นนี้ออกมาสัก 2 ลำที, แล้วก็ปรับแต่งให้ยานรบ 2 รุ่นนี้ไม่ต้องมีเทคโนโลยีล้ำสมัยมากนัก"

 

"รับทราบค่ะ"

 

อู๋ฮ่าวเหรินจึงได้เริ่มปลอมตัวเอง, เขาปลอมตัวเองเป็นนักท่องอวกาศ, และเป็นคนจากอารยธรรมที่ล่มสลายไปแล้ว

 

เพื่อที่จะให้การปลอมตัวนั้นสมบูรณ์ที่สุด, อู๋ฮ่าวเหรินจึงได้เริ่มทำความเข้าใจเกี่ยวกับเกร็ดความรู้ต่างๆของสหพันธรัฐ, นอกจากนี้ ยังต้องเรียนรู้เกี่ยวกับเขตดาวที่ยังไม่ได้สำรวจรอบๆสหพันธรัฐจักรวาล

 

สำหรับนักท่องอวกาศแล้ว, ถึงแม้จะไม่ได้ออกสำรวจเขตดาวต่างๆเหมือนนักสำรวจ แต่ก็เป็นเรื่องที่จำเป็นต้องรู้

 

ยิ่งไปกว่านั้นยานรบที่เขาใช้ปลอมตัวนั้น, อารยธรรมที่เคยผลิตยานรบรุ่นนี้ออกมาใช้งานนั้น, ได้ล่มสลายไปนานกว่า 10 ปีแล้ว

 

ด้วยเหตุนี้, ตัวตนของยานรบรุ่นนี้จะไม่ตกเป็นที่สงสัยมากนัก, จะมีปัญหาก็เพียงแค่พลขับยานรบที่เป็นหุ่นยนต์ทั้งหมดเท่านั้น

 

แต่ก็ไม่มีทางอื่นที่จะแก้ปัญหานี้ได้, แต่อู๋ฮ่าวเหรินก็ได้เตรียมคำตอบสำหรับเรื่องนี้ไว้แล้ว, เมื่อเวลานั้นมาถึง เขาก็แค่บอกออกไปว่าเป็นทักท่องอวกาศโดดเดี่ยวก็ไม่น่าจะมีปัญหา

 

แน่นอนว่า, หลังจากที่ได้เข้าไปยังสหพันธรัฐจักรวาลแล้ว, เขาอาจจะต้องหาทางจ้างคนมาช่วยขับยาน

 

กลับมายังโลก, อู๋ฮ่าวเหรินก็ได้ทราบว่าหลิงเมิ่งเสวี่ยนั้นอยู่ที่สำนักงานใหญ่ฟิวเจอร์กรุ๊ป จึงได้มุ่งหน้าไปที่นั่น

 

เมื่อเข้ามาที่ห้องออฟฟิศ, อู๋ฮ่าวเหรินก็พบหลิงเมิ่งเสวี่ยกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะของเขา, และกำลังจัดการกับเอกสารอย่างจริงจัง

 

อาจจะเป็นเพราะได้ยินเสียงเปิดประตู, หลิงเมิ่งเสวี่ยจึงได้เงยหน้าขึ้นมาและพบว่าเขาได้เดินเข้ามา

 

"เรียบร้อยแล้วเหรอคะ?"

 

"อืม"

 

อู๋ฮ่าวเหรินเดินไปข้างๆหลิงเมิ่งเสวี่ยและมองดูกองเอกสารของสภาสหภาพมนุษย์ที่อยู่ตรงหน้าเธอ, เขาจึงได้กุมไหล่ของเธอแล้วพูดขึ้น

 

"ไม่ต้องทำงานหนักขนาดนั้นก็ได้, ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของศูนย์กลางสมองกลบ้างก็ได้นะ"

 

หลิงเมิ่งเสวี่ยเอนตัวไปด้านหลังและเอียงหัวของเธอพิงอู๋ฮ่าวเหริน, แล้วพูดอย่างนุ่มนวล

 

"ในเมื่อฉันจะต้องจัดการเรื่องพวกนี้ในอนาคต, ฉันก็จำเป็นที่จะต้องเข้าใจเกี่ยวกับมัน, ไม่อย่างนั้นถ้าเกิดมีใครถามคำถามสามข้อฉันคงตอบไม่ได้ซักข้อแน่"

 

อู๋ฮ่าวเหรินส่ายหัวของเขา, เขาจัดการเรื่องนี้เหล่านี้เอาไว้อย่างดีแล้ว, ซึ่งหลังจากที่แผนการทั้งหมดได้วางเอาไว้เรียบร้อยแล้ว, ก็สามารถเอาปัญหาหาต่างๆไปให้ศูนย์กลางสมองกลไปจัดการได้ทันที

 

ไม่ใช่ว่าเขาไม่จริงจังอะไร, แต่ในความคิดของเขา, เรื่องพวกนี้มันเรื่องเล็กๆ

 

ตราบเท่าที่เขามีกองกำลังแข็งแกร่งอยู่ในมือ, เขาก็จะสามารถแก้ไขปัญหาต่างๆเหล่านี้ได้อย่างง่ายดาย

 

"ที่รัก, ใครจะมาถามคำถามแบบนั้นกับคุณกัน, นอกจากนี้ผมไม่รู้หรอกนะว่าจะมีใครกล้ามาต่อว่าอะไรคุณ, และถ้าคุณรู้สึกไม่สบายใจอะไร, คุณก็สามารถขอให้เหล่าผู้จัดการในบริษัทช่วยแก้ปัญหาให้คุณก็ได้นะ, ไม่อย่างนั้นพวกเขาคงไม่มีอะไรทำนอกจากศึกษากันอย่างเดียว"

 

หลิงเมิ่งเสวี่ยส่ายหัวของเธอแล้วพูดขึ้น "พวกเขากำลังเรียนรู้เทคโนโลยีใหม่ๆกันอยู่, พวกเขาจะไปมีเวลามาจัดการปัญหาพวกนี้ได้ยังไงล่ะคะ?"

 

"เอาเถอะ, กลับบ้านกันดีกว่า, บางทีในเร็วๆนี้ ผมอาจจะต้องออกจากโลกแล้วไปที่สหพันธรัฐจักรวาลแล้ว"

 

หลิงเมิ่งเสวี่ยหันหน้าไปมองอู๋ฮ่าวเหริน, เหมือนเธอต้องการที่จะพูดอะไรบางอย่าง, แต่เธอก็ตัดสินใจที่จะไม่พูดออกมาในที่สุด

 

เธอรู้ว่าอู๋ฮ่าวเหรินนั้นมีหน้าที่ที่จะต้องรับผิดชอบมากอยู่แล้ว

 

นั่งลงบนรถ, หลิงเมิ่งเสวี่ยหันหน้าไปมองที่โรงเรียนแล้วจู่ๆก็ถามขึ้นมา "เมื่อไรที่คุณจะบอกครอบครัวเรื่องที่คุณจะไปจากโลกกันคะ?"

 

อู๋ฮ่าวเหรินนิ่งคิดอยู่สักพักแล้วพูดขึ้น "อย่าเพิ่งพูดจะดีกว่า, ตอนที่ผมออกไปแล้ว, ผมจะบอกพวกท่านเอง"

 

เรื่องนี้ถือเป็นปัญหาใหญ่มากสำหรับอู๋ฮ่าวเหริน, ถ้าเกิดเขาปล่อยให้ครอบครัวของเขารู้ว่าเขาจะออกไปจากโลก, พวกเขาจะต้องไม่เห็นด้วยแน่

 

มันไม่ใช่เรื่องดีหากพวกเขารู้ว่า เขาเพิ่งจะแต่งกับหลิงเมิ่งเสวี่ยได้ไม่นานก็จะเดินทางออกจากโลกไปแล้ว

 

เขามองดูหลิงเมิ่งเสวี่ยแล้วเอียงหัวของเขาแนบหูของเธอแล้วพูดขึ้น "พวกเราน่าจะพยายามทำให้ดีที่สุดในช่วงนี้กันนะ, ถ้าเกิดคุณตั้งท้องล่ะก็ บางทีพวกท่านอาจจะไม่มีปัญหามากก็ได้นะ"

 

เมื่อได้ยินที่อู๋ฮ่าวเหรินพูด, สีหน้าของหลิงเมิ่งเสวี่ยก็กลายเป็นสีม่วงขึ้นมาทันที, เธอมองดูอู๋ฮ่าวเหรินด้วยความโกรธและทุบเขาด้วยมือเล็กๆของเธอ

 

"ว่ายังไงนะ"

 

"ผมพูดเรื่องจริงนะ, ถึงจะบอกว่าพวกท่านนั้นจะมีอายุยืนขึ้นมาแล้วก็เถอะ, แต่ทว่าพวกเขาเองก็ต้องการที่ให้พวกเรามีทายาทให้พวกเขาไวๆอยู่ดี"

 

อู๋ฮ่าวเหรินนั้นรู้ดีว่ายังไงเรื่องแบบนี้ก็ไม่สามารถที่เปลี่ยนได้เพียงแค่ชั่วข้ามคืน

 

ด้วยอายุขัยที่ยืนยาวขึ้น, ผู้สูงอายุจำนวนมากมายและผู้อาวุโสทั้งหลายต่างก็จะรู้สึกว่าสุขภาพของพวกเขานั้นดีขึ้นเรื่อยๆ และพวกเขาเองก็อาจจะต้องการมีลูกเองเช่นกัน, ซึ่งเรื่องนั้นก็ไม่ใช่ปัญหา

 

ในขณะที่ทั้งสองคนกำลังพูดถึงกันเรื่องของเด็กกันอยู่นั้น, ด้านนอกของทางช้างเผือก, กองยานที่ 3 ก็ได้เดินทางมาถึงแถบกลุ่มดาวเคราะห์น้อยแล้ว

 

เพียงแต่ว่าในเวลานี้มิสต์นั้นไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่ดีเท่าไร, ใครก็ตามที่ได้มาเห้นสภาพของกองยานที่ 2 แล้วก็จะต้องอารมณ์ไม่ดีทั้งนั้น

 

กับดักของอารยธรรมปีศาจนั้น, สร้างความเสียหายอย่างมากให้กับกองยานที่ 2

 

บนยานแม่ขนาดมหึมา, ผู้บัญชาการกองยานที่ 2 มองดูมิสต์ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา

 

"เกิดอะไรขึ้น? คุณกลายเป็นใบ้ไปแล้วรึไง?"

 

"ผู้การมิสต์, ขอบอกไว้ก่อนนะว่านี่ไม่ใช่ความผิดของพวกเรา, สถานการณ์ในแถบกลุ่มดาวเคราะห์น้อยนั้นมันยุ่งยากกว่าที่คิดมาก, พวกเรากลัวว่ากองยานของอารยธรรมชั่วร้ายจะหนีไปได้, พวกเราจึงต้องไล่ตามพวกเขาเข้าไปในแถบกลุ่มดาวเคราะห์น้อย, ใครจะไปรู้ว่าพวกเขามีอาวุธที่ทรงพลังมากมายซ่อนเอาไว้อยู่?"

 

"มันไม่ใช่ความผิดของคุณงั้นเหรอ? แต่จากที่ผมได้ยินมา ถ้าคุณไม่รีบร้อนที่จะไล่ฆ่าคนพวกนั้น เรื่องก็คงไม่เป็นเช่นนี้, คุณคิดว่าผมเดินทางมาที่นี่พร้อมกับกองยาน 3 เพื่อที่จะแย่งผลงานไปจากคุณรึไง?"

 

เมื่อเจอเข้ากับคำถามของมิสต์, กลุ่มคนเหล่านั้นก็มีสีหน้าบูดเบี้ยวขึ้นมาทันที เพราะพวกเขามีความคิดเช่นนี้จริงๆ

 

เพราะว่าใครก็ตามที่ชนะสงครามนี้ได้ก็จะได้รับผลประโยชน์มากมายจากเหตุการณ์คราวนี้อย่างแน่นอน, มิสต์มองดูคนเหล่านี้แล้วรู้สึกบอกไม่ถูก, คนพวกนี้เป็นกลุ่มคนเห็นแก่ตัวเสียจริงๆ



แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น