CF:บทที่ 548 เกมอัพเดต
ณ โลกเกม, บนดาวขนาดมหึมา, นักเรียนทั้งหมดในแผนกสงครามดวงดาวของฟิวเจอร์ได้ถูกแจ้งว่าให้มาเข้าร่วมที่ดาวเกมดวงนี้
หลิงเหยา, ในโลกแห่งเกมเขายังใช้ชื่อว่าหลานซิงแบบในเกมสงครามดวงดาว, เขามองดูสภาพแวดล้อมที่ดูแปลกตา, และร่างกายหุ่นยนต์พื้นฐานของตัวเอง, ก่อนจะยืนมองท้องฟ้าอย่างสงบ
"น้องเขยนี่จริงๆเล้ย, ให้พวกเรามาช่วยพัฒนาเกม แต่กลับไม่ช่วยอะไรพวกเราบ้างเลย, ร่างกายหุ่นกระป๋องแบบนี้โดนปืนพลังงานนัดเดียวก็ปลิวแล้ว"
หลังจากที่บ่นอยู่สักพัก, เขาก็มองดูแผนที่ตรงข้อมือของเขา, และรู้สึกท้อแท้ขึ้นเรื่อยๆ
ตำแหน่งจุดเกิดในเกมนี้เป็นแบบสุ่ม, และเขาในตอนนี้ก็อยู่ห่างจากเมืองที่อู๋ฮ่าวเหรินบอกให้ไปถึง 10,000 กิโลเมตร, หากเดินทางด้วยร่างกายหุ่นยนต์ของเขาเช่นนี้โดยปราศจากยานพาหนะแล้ว มันเป็นไปไม่ได้เลยสำหรับเขาที่จะไปถึงที่นั่นได้
ยิ่งไปกว่านั้น, ตอนนี้เกมได้เปิดระบบสงครามแล้ว, ถึงแม้ว่าเขาจะยังมีระบบป้องกันผู้เล่นใหม่คอยช่วยอยู่, แต่เวลาใช่ว่าจะมีไม่จำกัด, เขาจำเป็นที่จะต้องได้อุปกรณ์ใหม่ก่อนที่เวลาของระบบป้องกันจะหมดลง
มองดูแผนที่, แล้วก้าวเดินไปด้วยขาหุ่นกระป๋องมุ่งไปยังภูเขาแร่ที่อยู่ไม่ไกลออกไป, ดูเหมือนว่าเขาคงจะหนีไม่พ้นชะตากรรมที่จะต้องเป็นคนขุดเหมืองเสียแล้ว
อีกทางด้านหนึ่ง, โกวต้าหนิวซึ่งแน่นอนว่าในเกมเขาใช้ชื่อว่าหมิงเจี่ยน, คนๆนี้โชคดีกว่าหลิงเหยานัก, เขาได้เกิดใกล้เมืองพอดี
"พี่ชาย, พี่ชาย, พอดีผมเพิ่งจะมาที่นี่เป็นครั้งแรก?, พอจะมีอุปกรณ์ให้ผมบ้างไหมครับ แล้วเดี๋ยวผมจะเป็นวัวเป็นม้า(ทำงานใช้แรง)ให้ทีหลังครับ?"
"ไปไหนก็ไปเลย, ใครเป็นพี่ชายของแกกันยะ? แล้วคิดจะมาเป็นม้าเป็นวัวให้มาดามเปิ๋นคนนี้น่ะเหรอ, ดูสารรูปอันกะจ้อยร่อยของตัวเองก่อนเถอะ, วัวกับม้ายังตัวใหญ่กว่านายอีก"
การสนทนาครั้งแรกล้มเหลว, แถมยังระบุเพศเขาผิดอีกต่างหาก, มองดูคนๆนั้นอยู่ไกลๆ, หมิงเจี่ยนก็พูดบ่นพึมพำ
"นี่ถ้าไม่ติดว่าเป็นผู้หญิงนะ, จะชำแหละชิ้่นส่วนออกเป็นชิ้นๆเลยคอยดู"
มองดูเมืองที่อยู่ตรงหน้า, หมิงเจี่ยนก็เดินทางไปยังเหมืองเป้าหมายด้วยขาหุ่นยนต์อันกระจ้อยร่อยของเขา
มองดูเครื่องบินที่บินไปมาบนท้องฟ้า, สายตาของคนๆนี้ก็เต็มไปด้วยความอิจฉา, และพอนึกถึงหน้าของอู๋ฮ่าวเหริน, เขาก็รีบเดินอย่างรวดเร็วทันที
ในหลายวันมานี้, เขาต้องเรียนรู้อย่างหนักเพื่อให้อ่านออกเขียนได้, เขานั้นถูกทรมาณจนเกือบตาย, จนในที่สุดเขาก็สามารถเข้าเล่นเกมได้, เขาไม่คิดว่าจะต้องเป็นแบบนี้มาก่อน
เพราะเขาถูกคาดโทษเอาไว้ด้วยว่า ถ้าเขาไม่สามารถทำหน้าที่นี้ให้สำเร็จได้, พวกเขาจะต้องถูกส่งไปอยู่ที่แผนกขนส่ง
ในเวลานี้, มีคนๆหนึ่งได้ขี่หุ่นยนต์ยักษ์วิ่งผ่านเขาไป, แล้วหมิงเจี่ยนจึงรีบวิ่งตามไปทันที
"เฮ้, ผู้เล่นใหม่ตรงนั้นน่ะ, แกอยากตายมากนักรึยังไง? ถึงได้กล้ามาเกาะกระบะหลังของข้าแบบนี้
ทันทีที่หลิงเจี่ยนเห็นคนๆนี้, เขาก็มีแผนบางอย่างเก็บเอาไว้ในใจ, และงัดเอาความหน้าด้านออกมาใช้ทันที
"พี่ชาย, คุณนี่ช่างหล่อจริงๆ มองแค่ปราดเดียวก็รู้เลยทั้งหล่อและอ่อนโยน, ไม่ว่าใครก็ต้องชอบสุภาพบุรุษที่กำลังเบ่งบานอย่างพี่ชาย, ผมล่ะทึ่งในการเคลื่อนไหวของพี่ชายจริงๆผมอยากที่จะเป็นอย่างพี่ชายบ้าง"
"พูดได้ดี, พูดได้ดี, ในที่สุดก็มีคนที่เข้าใจการเคลื่อนไหวของข้าแบบเจ้า, ขนาดน้องชายของข้ายังทำให้ข้าต้องอับอายเลย"
"ไม่ต้องกังวลไปพี่ชาย, ข้าจะไม่ทำให้ท่านต้องผิดหวังแน่นอน"
ชายคนเมื่อสักครู่คิดอยู่ซักครู่, และด้วยมือใหญ่ๆของเขา เขาก็ยกหุ่นตัวเล็กๆของหมิงเจี่ยนขึ้นมาแล้วโยนไปไว้ที่กระบะหลัง
"วันนี้ข้ากำลังอารมณ์ดี, ดังนั้นข้าจะรับเจ้าเป็นน้องชายของข้า, มาไปที่เมืองกับข้ากัน, ข้าจะแสดงจิตวิญญาณที่ยิ่งใหญ่ของข้าให้เจ้าได้เห็น"
หมิงเจี่ยนมองดูรูปร่างของคนๆนี้แล้วก็ผิดหวังเล็กน้อย, ทำไมเขาไม่เจอคนที่ดูเท่ห์กว่านี้หน่อยนะ
ในขณะที่ทั้งสองคนกำลังอยู่ในโลกแห่งเกมนั้น, ในขณะเดียวกัน, โลกของเกมทั้งหมดก็ได้รับการอัพเดตเนื้อหาของเกมลงไปเพิ่มแล้ว
"สงครามดวงดาว, รางวัลคือยานรบ, เอาจริงดิ, ข้าไม่ได้ฝันไปใช่มั๊ย?"
"โอ้! นายไม่ได้ฝันไปหรอก, รางวัลเป็นยานรบจริงๆ"
"เร็วเข้า, เร็วเข้าพี่ชาย, เพื่อยานรบ, พวกเราจะต้องเป็นกองกำลังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเกมนี้ให้ได้"
ระบบสงครามดวงดาวที่เพิ่มขึ้นมาในเกมอย่างกะทันหันนั้น, ทำให้ผู้คนถึงกับลืมเรื่องอัพเดตอื่นๆในเกมไปเลย, และทุกคนต่างก็ตั้งใจและเพ่งเล็งเป้าหมายไปที่รางวัลที่หนึ่งของสงครามดวงดาว, ยานรบขนาดใหญ่นั้นทำให้คนจำนวนมากกำลังคลั่ง
กลุ่มกองกำลังใหญ่ในเกมนั้นต่างก็เริ่มที่จะลงมือกันทันที
ณ เมืองที่สร้างขึ้นมาโดยอู๋ฮ่าวเหริน, กลุ่มได้รับข้อความมาจากอู๋ฮ่าวเหริน
"กงจู้โชว, บางทีที่เจ้าเดาเอาไว้นั้นคงจะถูกต้องแล้วล่ะ" ป้าเทียนกล่าว
"อืม, ผมเองก็ไม่อยากจะเชื่อเหมือน, แต่อย่างน้อยพวกเราก็ไม่ต้องกังวลเรื่องจะไม่ได้เข้าฟิวเจอร์กรุ๊ปแล้วล่ะ, และข้ากล้าพูดเลยว่า, กลุ่มคนที่พากันมาที่นี่นั้นล้วนไม่ใช่คนธรรมดาแน่ๆ, คุณต้องเร่งการเรียนรู้แล้วล่ะ"
จ้านโต๋วเป๋าเล่ยพูดอย่างเศร้า "ดูเหมือนข้านี่แหละจะโชคร้ายที่สุดในตอนนี้เลย, เพราะพวกคนที่พากันมาที่นี่นั้นล้วนแล้วแต่เป็นสายต่อสู้ทั้งนั้นเลย, เจ้าจะต้องช่วยข้านะ"
"บ้าสิ, ผมน่ะจะต้องกังวลคุณน้อยที่สุดเลย, ถ้าคุณเป็นสายต่อสู้, ไม่ว่ายังไงงานนี้คุณก็ได้ผลประโยชน์ที่สุดอยู่แล้ว"
คนเหล่านี้รู้ดีว่าในเมืองนี้นั้นปัญหาที่ใหญ่ที่สุดคือนักรบ, เพราะไม่มีใครเลยนอกจากจ้านโต๋วเป๋าเล่ยที่เป็นสายต่อสู้
"คุณคิดยังไงบ้างกับระบบสงครามดวงดาวบ้างล่ะ?"
"ข้าคิดว่าเป้าหมายเรียนรู้เทคโนโลยีต่อไปของพวกเราควรจะเป็นการผลิตยานอวกาศนี่แหละ" จี๋ฟงกล่าว "บางทีอนาคตอันใกล้นี้, พวกเราอาจจะได้ใช้ความรู้เหล่านี้ก็เป็นได้"
จริงๆแล้ว, เมื่อได้เห็นระบบสงครามดวงดาวแล้ว, ก็เกิดความรู้สึกแปลกๆขึ้นมาในจิตใจของจี๋ฟง, เขารู้สึกอยากที่จะเรียนเรื่องของยานอวกาศขึ้นมา
"ข้าเองก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน, พวกเราควรจะตั้งเป้าไปที่เทคโนโลยีที่เกี่ยวกับการสร้างยานอวกาศ"
"ถ้าอย่างนั้นก็เปลี่ยนแผนกัน, จะว่าไปพวกคุณรู้มั๊ยว่าเทคโนโลยีที่พวกเราเรียกกันตอนนี้ ไม่ได้มีบอกเอาไว้ในหมวดเกมในเว็บบอร์ดเลยนะ"
"รู้นานแล้วล่ะ"
"ข้าด้วย"
คนพวกนี้ไม่ใช่คนโง่, หลังจากที่พวกเขาได้เดาตัวตนที่แท้จริงของช่วงชี่ได้, พวกเขาก็เข้าใจได้ว่ามันมีปัญหาอะไรบางอย่างกับเทคโนโลยีที่พวกเขากำลังเรียนรู้กันอยู่ในตอนนี้
แน่นอนว่า, พวกเขาเองก็ไม่ได้โง่พอที่จะเผยแพร่ความรู้เหล่านี้ใครอื่นเหมือนกัน, พวกเขานั้นจะมีโอกาสที่เพิ่มมากขึ้น ตราบเท่าที่พวกเขานั้นยังนำหน้าคนอื่นๆอยู่หนึ่งก้าว
อู๋ฮ่าวเหรินพบว่าในเกมนั้นได้มีการเปลี่ยนแปลงไป หลังจากที่เพิ่มระบบสงครามดวงดาวเข้าไป, ทำให้เขามีรอยยิ้มโผล่ขึ้นมาที่มุมปาก
ผลการตอบรับเช่นนี้คือสิ่งที่เขาอยากจะเห็น, เขาหวังว่าจะทำให้ผู้คนได้คุ้นเคยกับสงครามดวงดาวผ่านทางเกมนี้
ถึงแม้คนเหล่านี้อาจจะไม่มีคุณสมบัติพอที่จะเป็นทหารอวกาศได้, แต่อย่างน้อยพวกเขาก็จะไม่เป็นไอ้โง่ที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย หากต้องเจอกับสงครามดวงดาว
ยิ่งไปกว่านั้น, ระบบนี้จะสามารถช่วยเขาหาผู้มีความสามารถด้านสงครามดวงดาวจากในเกมด้วย
แต่ดูคนในเมืองของเขาที่ดูไม่ค่อยตกใจอะไร, ทำให้อู๋ฮ่าวเหรินรู้สึกคาดหวังกับพวกเขาขึ้นมา
"มีเรื่องดีอะไรเหรอคะ? ดูมีความสุขจัง"
เมื่อหลิงเมิ่งเสวี่ยตื่นขึ้นมา, มองดูสามีของเธอที่กำลังยิ้มอยู่, และเดินมาช่วยเขาจัดเก็บข้าวของ
อู๋ฮ่าวเหรินกุมมือนุ่มๆของหลิงเมิ่งเสวี่ยและจูบลงไปที่ริมฝีปากนุ่มๆของเธอ
"ที่รัก, ผมจะจัดงานแต่งของเราในอีก 2 เดือนข้างหน้านะ"
"จริงเหรอคะ"
หลิงเมิ่งเสวี่ยตกใจ, ถึงแม้ว่าเธอจะคิดอยู่แล้วในใจก็ตาม, แต่เธอก็ยังตกใจกับข่าวนี้อยู่ดี
ไม่นานนักก็ปรากฏรอยยิ้มหวานๆบนใบหน้าของเธอ, แล้วพูดขึ้นอย่างเขินอายว่า "ฉันจะไปพบกับท่านย่าเพื่อบอกข่าวนี้ให้เธอฟังนะคะ"
"ได้สิ, ได้, ถึงเวลาที่จะบอกพวกเขาได้แล้วล่ะ, แล้วก็งานแต่งนี้อาจจะพิเศษเสียหน่อย, คุณไม่จำเป็นที่จะต้องเตรียมตัวอะไรทั้งนั้น, เพราะผมต้องการที่จะเซอร์ไพรซ์คุณ"
อู๋ฮ่าวเหรินมองดูยานรบที่สร้างเสร็จแล้วที่โชว์อยู่บนหน้าจอ, ถ้าไม่ใช่ว่ามันเป็นของที่จะใช้ในงานแต่งงานของเขา, เขาก็คงจะแต่งกับหลิงเมิ่งเสวี่ยไปนานแล้ว
0 ความคิดเห็น