CF:บทที่ 541 เกมสงครามดวงดาว
หลังจากที่ออกมาจากเกม, อู๋ฮ่าวเหรินก็พลันคิดถึงบางเรื่องขึ้นมาได้
"จี้, ช่วยนำวิดีโอการต่อสู้ภายในเกมอารยธรรมออกมาให้ดูหน่อย"
ถึงแม้ว่าเข้าจะได้รับอะไรมาหลายอย่างจากการเล่นเกมรอบนี้, แต่ก็มีปัญหาบางอย่างตามมาเช่นกัน, เช่นว่า, การต่อสู้ในเกมนั้นเขารู้สึกว่ามันดูธรรมดาๆเกินไปหน่อย
ในเมื่อเขาจะเฟ้นหาคนมีความสามารถจากในเกม, เขาเองก็ควรจะหาคนมีความสามารถด้านการทหารในเกมด้วยเลย
ทุกคนย่อมมีความสามารถในตัวเองกันอยู่แล้ว, แต่คนเหล่านั้นมักถูกกองทับถมอยู่กับคนจำนวนมากเป็นเวลานาน
สิ่งที่อู๋ฮ่าวเหรินต้องทำคือขุดหาผู้มีความสามารถเหล่านี้จากในเกมขึ้นมาแล้วใช้พวกเขาให้เกิดประโยชน์
หลังจากที่ดูวิดีโอการต่อสู้, อู๋ฮ่าวเหรินก็ถึงกับพูดไม่ออก, ถึงจะเป็นการต่อสู้, มันคือการเข้าปะทะกันโดยอาศัยอาวุธและโชคเท่านั้น
ไม่ได้มีวางแผนจัดการอะไร, และก็ดูเหมือนจะไร้ประโยชน์ด้วย ที่พอใช้ได้ก็มีแต่แผนการเล็กๆน้อยๆเท่านั้น
หลังจากที่คิดอยู่สักพัก, เขาก็ได้เดินทางไปที่โรงเรียน เผื่อจะได้ไอเดียบางอย่างเพิ่มเติมลงไปในเกม
ณ โรงเรียน, อู๋ฮ่าวเหรินได้เข้าไปที่ห้องเรียนและฝึกฝนการต่อสู้, ที่ๆนักเรียนทั้งหมดจะได้เรียนรู้การต่อสู้
แน่นอนว่า, ผู้คนที่นี่จะได้เรียนรู้เรื่องของการต่อสู้ด้วยยานรบด้วย รวมถึงใช้อาวุธไฮเทคต่างๆ
เมื่อเห็นกลุ่มนักเรียนกำลังรวมกลุ่มกันทำอะไรบางอย่าง, อู๋ฮ่าวเหรินก็สงสัยและถามขึ้น "พวกเขากำลังทำอะไรกันงั้นรึ?"
"วันนี้เป็นวันสุดท้ายของสงครามดวงดาวครับผม, ตอนนี้พวกเขากำลังสู้กันอยู่ครับ"
อู๋ฮ่าวเหรินรู้สึกตกตะลึง, ไม่คาดคิดว่า, พวกเขาจะสร้างดวงดาวในเกมขึ้นมากันเอง, แต่ทว่า ทำออกมาได้ดีซะด้วย, การแข่งขันที่สูงขึ้นทำให้คนกระตือรือร้นอยากที่จะเรียนรู้มากขึ้น, คงมีเพียงการแข่งขันแบบนี้เท่านั้นที่ทำให้คนกระตือรือร้นได้ขนาดนี้
แทนที่จะไปรบกวนคนอื่นๆ, อู๋ฮ่าวเหรินก็มองหาที่นั่งและคอยดูพวกเขากำลังสู้กัน
ในเวลานี้การแข่งขันเพิ่งจะเริ่ม, ในตอนที่อู๋ฮ่าวเหรินเข้ามานั้นทั้งสองฝ่ายเป็นผู้บัญชาการในระดับ 5, ซึ่งถือได้ว่าเป็นผู้มีความสามารถในด้านการสั่งการ
เพราะน้อยคนนักที่จะสามารถมาถึงระดับนี้ได้ในเวลาอันสั้นนั้น, ถึงแม้ว่าจะเป็นการประเมินผ่านเครื่องจำลองและไม่ได้เข้าร่วมสงครามจริงมาก่อนก็ตาม, แต่ก็ถือได้ว่ามีความสามารถมาก
"เยี่ยม, มันน่าสนใจมาก, คนที่ชื่อว่าหลานซิงนั้นเลือกที่จะไม่ใช้ยานแม่, เขาเลือกใช้แต่ยานรบ, ดูเหมือนเขาตัดสินใจที่จะละทิ้งการเติมเสบียงไป"
ถ้านี่เป็นสงครามจริง
การวางแผนเช่นนี้จะถูกนำมาใช้แค่ 2 สถานการณ์เท่านั้น, หนึ่งคือไม่มีเลือกทางเลือกนอกจากจะต้องสู้ด้วยกองยานแบบนี้, อีกหนึ่งคือเป็นการแสดงพลังให้เห็นว่าจะสามารถจัดการศัตรูได้โดยปราศจากสงครามที่ยืดเยื้อ
แน่นอนว่า, เวลาในการแข่งขันนี้มีไม่นานมากนัก, ดังนั้นคนที่ชื่อหลานซิงจึงไม่น่าจะใช้เพราะเหตุผลแรก แต่น่าจะเป็นอย่างหลังมากกว่า
เนื่องจากเป็นการแข่งขัน, อู๋ฮ่าวเหรินจึงคิดว่าไม่ควรที่จะไม่เข้าไปยุ่งหรือแสดงความเห็นอะไรแบบสุ่มสี่สุ่มห้า, ดังนั้นเขาจึงตั้งใจดูอย่างเงียบๆ
เมื่อเทียบกับอีกคนที่ชื่อว่าหมิงเจี่ยง, วิธีการต่อสู้ของหลานซิงนั้นค่อนข้างแปลกประหลาด
ดูเหมือนว่าหมิงเจี่ยงนั้นจะเรียนรู้กลยุทธ์ต่างๆของสงครามอวกาศที่เขาได้รวบรวมมาเป็นอย่างดี, จึงไม่มีอะไรที่น่าแปลกมากนัก
แผนการรบเช่นนี้, ในมุมมองของอู๋ฮ่าวเหรินคิดว่ามันเหมาะสมกับการป้องกันเป็นที่สุด, หากต้องเจอกับแผนการรบเช่นนี้, มันจะเป็นการยากสำหรับคนอื่นที่จะเอาชนะเขาได้ ถ้าเขาไม่รุกกลับมา
แต่ทว่า, การแข่งในวันนี้, อู๋ฮ่าวเหรินไม่ได้คาดหวังอะไรจากเขาเท่าไร, เพราะการแข่งขันนี้คือการเอาชนะ, ถ้าเขาจะมาตั้งรับตลอดเวลา ก็ยากที่เขาจะชนะได้
ยิ่งไปกว่านั้นคนที่ชื่อหลานซิงดูเหมือนการสั่งการของเขาจะประหลาดมาก, ดูเหมือนจะไม่มีรูปแบบที่ตายตัวสำหรับการต่อสู้ของเขา, น่าจะเป็นพวกที่ชอบปรับเปลี่ยนวิธีการต่อสู้ตามสถานการณ์การรบที่เปลี่ยนไป
และดูเหมือนคนๆนี้จะชื่นชอบการบุกมากกว่าการที่จะมาตั้งรับ
ไม่นานนักเขาก็ได้แบ่งกองยานรบออกมา 1 ใน 3 แล้วเคลื่อนประชิดดวงดาว
ส่งยานรบที่เหลือบินบุกเข้าไปที่กองยานรบของฝ่ายตรงข้าม, อู๋ฮ่าวเหรินก็ได้เริ่มสงสัยว่าหลานซิงต้องการจะทำอะไรกันแน่
แล้วยานรบทั้งสองฝ่ายก็ได้เข้าประจัญหน้ากัน, แต่ยังไม่มีฝ่ายไหนที่เริ่มโจมตี, ซึ่งนั่นไม่ใช่เรื่องดีสำหรับทางหลานซิง
เพราะเขาไม่มีการส่งเสบียงจากยานแม่, และถ้าสถานการณ์ยังยืดเยื้อออกไปแบบนี้, มันก็จะเป็นการฉุดให้เขาตกลงมาเท่านั้น
ไม่นานนัก, ทั้งสองฝ่ายก็เริ่มการโจมตีแบบหยั่งเชิง, ซึ่งไม่ต่างอะไรไปจากการรบจริงๆ
แต่ทว่า, เมื่ออู๋ฮ่าวเหรินหันไปมองที่กองเรือยานรบส่วนที่สามที่บินแยกตัวออกมาในตอนแรก, สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป
เพราะเขาได้เข้าใจจุดประสงค์ของกองเรือรบเหล่านี้แล้ว, เพราะเป้าหมายของเขาคือยานแม่ที่หมิงเจี่ยงวางเอาไว้ด้านหลัง
ในเวลานี้เอง, มีบางคนได้ตะโกนขึ้นมา "หลานซิงเจ้าเล่ห์มาก, เขาใช้กองยานรบเป็นตัวล่อ, เพราะหมิงเจี่ยงไม่รู้ว่าเขาไม่มียานแม่"
เมื่ออู๋ฮ่าวเหรินได้ยินเช่นนี้, เขาก็เข้าใจได้ในทันที จำนวนของยานรบที่หลานซิงทิ้งเอาไว้หลังจากที่แยกกองยานรบออกไปเป็นจำนวน 1 ใน 3 ส่วนนั้น คือจำนวนยานรบที่เท่ากับการมียานแม่อยู่ในกองยานด้วย
เขาเข้าปะทะกับหมิงเจี่ยงแบบนี้, เพื่อเป็นการบอกกับหมิงเจี่ยงว่าเขาจะทำสงครามยืดเยื้อด้วย, มันจึงเป็นไปไม่ได้เลยที่หมิงเจี่ยงจะคิดว่าหลานซิงนั้นไม่มียานแม่อยู่เลย
ในกรณีเช่นนี้, หลังจากที่ใช้กองยานรบเพื่อดึงความสนใจจากกองเรือหลักของหมิงเจี่ยง, กองยานรบที่เหลือแค่ 1 ใน 3 ก็จะบุกเข้าโจมตีกองยานแม่ของหมิงเจี่ยง และถ้าทำสำเร็จก็จะลดกำลังรบของหมิงเจี่ยงไปได้ครึ่งนึง
สำหรับในสนามรบ ถึงแม้กำลังใจนั้นจะเป็นสิ่งที่มองไม่เห็น แต่ก็สำคัญอย่างมาก
แน่นอนว่ากำลังใจนั้นไม่มีผลอะไรกับการแข่งนี้, จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมถึงสูญเสียกำลังรบแค่ครึ่งเดียว
และถ้าหมิงเจี่ยงสามารถจมกองยานรบที่หลานซิงส่งมาได้หมดหลังจากที่ยานแม่โดนถล่มก็ตาม, ก็จะเหมือนกับว่าพวกเขากลับไปเริ่มต้นที่จุดสตาร์ทใหม่
แต่ทว่า ก็เหมือนอู๋ฮ่าวเหรินจะเข้าใจอะไรบางอย่าง, ถึงแม้หมิงเจี่ยงจะจมกองยานรบของหลานซิงได้หมด, สถานการณ์ก็น่าจะยังไม่เข้าข้างเขาอยู่ดี
เพราะจากสถานการณ์ในปัจจุบัน, หลานซิงเลือกที่จะโจมตี ในขณะที่หมิงเจี่ยงเลือกที่จะตั้งรับแล้วโต้กลับ, ถ้ายานแม่ของเขาโดยจมหมด การโต้กลับก็จะใช้การไม่ได้
แน่นอนว่าหมิงเจี่ยงเองก็ไม่ธรรมดาเช่นกัน, หลังจากที่พบว่าสถานการณ์ไม่ชอบมาพากล, เขาจึงเริ่มทำการสำรวจรอบๆโดยทันที
แต่ทว่า, เขาก็ไม่ได้คาดคิดว่าหลานซิงนั้นจะไม่ได้ใช้ยานแม่, ยานทุกลำล้วนแต่เป็นยานรบ, ยิ่งไปกว่านั้น ยานรบที่เขานำเข้ามาเป็นพิเศษนั้นก็ได้บินอ้อมเข้าข้างหลังเขาและโจมตียานแม่
หลานซิงนั้นไม่ต้องการที่จะให้สงครามยืดเยื้่อนานนัก, เพราะเขารู้ดีว่ายิ่งยืดเยื้อออกไปมากเท่าไร, เขาก็ยิ่งเสียเปรียบมากขึ้นเท่านั้น
หลานซิงจึงใช้กองยานหลักเข้าโจมตี เพื่อให้หมิงเจี่ยงนำยานรบที่เสียหายกลับมาที่ยานแม่เพื่อซ่อมแซม, ซึ่งจะทำให้หลานซิงรู้ตำแหน่งของยานแม่
หลังจากที่ทราบตำแหน่งยานแม่ข้าศึกแล้ว, หลานซิงก็ได้รีบส่งกองยานที่บินอ้อมมา เข้าโจมตียานแม่ข้าศึกทันที
และเพื่อป้องกันไม่ใช้หมิงเจี่ยงส่งกำลังมาช่วยยานแม่ได้, เขาก็ส่งกองยานหลักเข้าโจมตีกองกำลังหลักของหมิงเจี่ยงด้วย แม้ว่าการโจมตีของเขาจะเป็นเหมือนเป็นแค่การก่อกวน, แต่ก็สามารถดึงกองเรือหลักของหมิงเจี่ยงไว้ได้และป้องกันไม่ใช่ส่งกองกำลังมาช่วยยานแม่ได้
หมิงเจี่ยงก็เข้าใจของจุดประสงค์ของหลานซิงแล้ว, แต่ในเวลานี้เขาไม่มีทางเลือกอื่น
ถ้าเขาจะถอนกำลังไปช่วยยานแม่, เขาก็สูญเสียกำลังจากแนวหน้าไปมาก, แม้เขาจะรักษายานแม่ไว้ได้, แต่เขาก็อาจจะไม่สามารถต้านทานการโจมตีของหลานซิงได้อยู่ดี
แต่ถ้าเขาไม่ถอนกำลังมาตั้งรับ, ยานแม่ก็อาจจะถูกจมโดยอีกฝ่ายได้, ถึงแม้เขาจะยังไม่แพ้แต่ก็จะเสียหายอย่างมาก
คนๆนี้เองก็ฉลาดมากเช่นกัน, เขาใช้วิธีเครื่องยานแม่เข้าหากองยานหลัก, เพราะเขารู้แล้วว่าหลานซิงไม่มียานแม่, ทันทีที่ยานแม่ของเขาสามารถเข้าสู่การคุ้มกันของกองยานหลักได้ก่อนที่กองยานแม่ของเขาจะจมหมด, เขาก็จะสามารถชนะสงครามนี้ได้
อู๋ฮ่าวหลินดูการต่อสู้นี้อย่างตั้งใจ, และถ้าไม่มีอุบัติเหตุอะไรเกิดขึ้น
ไม่ว่าจะหลานซิงหรือหมิงเจี่ยงชนะในสงครามดวงดาวนี้, เขาจะต้องเป็นอัจฉริยะด้านการเป็นผู้บัญชาการรบในหมู่มนุษย์อนาคตอย่างแน่นอน
0 ความคิดเห็น