CF:บทที่ 481 พัฒนาไว้ก่อน
คำประกาศจากฟิวเจอร์กรุ๊ปนั้นตอกหน้าญี่ปุ่น เพียงไม่กี่คำก็ทำให้การคำนวณของพวกเขานั้นถูกทำลาย
ฟิวเจอร์กรุ๊ปตัดสินใจสร้างผลกระทบต่อโลก ประเทศที่ขึ้นตรงกับบริษัท ซึ่งไม่สามารถจินตนาการได้มาก่อน แต่ตอนนี้มันได้เกิดขึ้นแล้ว
เรื่องแบบนี้ถูกบริษัทปฏิเสธโดยไม่ลังเลนั้นทำให้พวกเขาประหลาดใจ
ผู้คนจำนวนมากกำลังวิเคราะห์เรื่องนี้และอยากจะรู้ผลกระทบต่อโลก
แน่นอนว่าบางคนก็เห็นว่าทำไมญี่ปุ่นถึงทำเช่นนี้ หากพวกเขาทำสำเร็จเทคโนโลยีขั้นสูงของฟิวเจอร์กรุ๊ปจะเปิดเผยให้กับญี่ปุ่นซึ่งจะทำให้ญี่ปุ่นพัฒนาได้อย่างรวดเร็ว
ในตอนนี้ที่ญี่ปุ่น เนื่องจากกฎระเบียบทางทหารทำให้หลายอุตสาหกรรมขัดข้องจนอยู่ในช่วงวิกฤต
หากรัฐบาลญี่ปุ่นไม่สามารถแก้ไขวิกฤตินี้ได้พวกเขาจะต้องเผชิญกับการล่มสลายทางเศรษฐกิจ ความไม่สงบทางสังคมและปัญหาอื่น ๆ
ในห้องคณะรัฐมนตรีของญี่ปุ่นมีกลุ่มคนกำลังนั่งอยู่ สีหน้าของพวกเขาช่างน่าหดหู่ดวงตาบางส่วนยังคงปกคลุมไปด้วยสีแดงเลือด
"ตอนนี้จะทำยังไงต่อ? เป็นแบบนี้เศรษฐกิจทั้งญี่ปุ่นจะพังแน่"
"สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือการแต่งตั้งคนมาดำรงตำแหน่งที่ว่างอยู่ ไม่เช่นนั้นรัฐบาลก็จะไม่สามารถดำเนินการได้ แล้วผลที่ตามมาจะรุนแรงยิ่งกว่านี้"
"ฉันไม่คิดเลยว่าพวกเขาจะปฏิเสธ มันเป็นความผิดพลาด!"
"คุณทำตามแผนนี้ แล้วผมจะช่วยคุณแก้ปัญหาที่เหลืออยู่เอง"
คนอื่น ๆ ออกไปหมดจนเหลือเพียงสี่คนอยู่ในห้อง คือผู้เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่ฆ่าหัวหน้าผู้บริหารของเจ้าหน้าที่เหล่านั้น
"รู้รึเปล่าว่าจะต้องทำยังไง?"
"รู้แล้ว จักรวรรดิญี่ปุ่นจงเจริญ"
"เพื่ออาณาจักรญี่ปุ่นอันยิ่งใหญ่ ผมยินดีสละแม้แต่ชีวิตของตัวเอง จักรวรรดิญี่ปุ่นจงเจริญ"
"จงเจริญ..."
วันถัดมาชินโซ เบนายกรัฐมนตรีของญี่ปุ่นประกาศลาออก ก่อนที่จะมีการเลือกตั้งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ เขาจะรักษาการณ์ต่อไปอีกสักพัก
ในขณะเดียวกันข่าวญี่ปุ่นได้เปิดเผยอีกครั้งว่านายพลทหารสามนายที่ฆ่าเจ้าหน้าที่ได้ฆ่าตัวตายด้วยตัวเอง พวกเขารับผิดชอบอย่างเต็มที่ต่อเหตุการณ์นี้
เหล่าผู้ที่ยังไม่ตอบสนองต่อการปฏิเสธของของฟิวเจอร์กรุ๊ป หลังจากที่มีข่าวออกมาก็รู้ว่าญี่ปุ่นกำลังพยายามหาวิธีกำจัดผลกระทบของเหตุการณ์นี้
เรื่องตลกที่กำกับและแสดงโดยญี่ปุ่นจบลงเช่นนี้ แต่มันมีผลกระทบอย่างมากต่อโลก
เศรษฐกิจญี่ปุ่นทั้งหมดได้รับความเสียหายอย่างรุนแรง และรูปแบบของโลกได้มีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก เรือรบอเมริกาทั้งหมดได้ออกจากเอเชียแล้ว
ในเอเชีย จีนได้กลายเป็นผู้นำ ทุกประเทศรอบ ๆ ต่างก้มหัวให้
กองกำลังติดอาวุธอันทรงพลังของฟิวเจอร์กรุ๊ปสร้างความหวาดกลัวให้แก่หลายประเทศ สิ่งเดียวที่ทำให้พวกเขายังมีความสุขได้อยู่คือฟิวเจอร์กรุ๊ปดูเหมือนจะไม่มีความคิดที่จะครองโลกนั่นเอง
ในตอนนี้อู๋ ฮ่าวเหรินค่อนข้างสับสนว่ารัฐไม่ได้มีส่วนร่วมในเรื่องนี้
แต่เขาไม่มีเวลามาสนใจมัน หลังจากที่ยูนิเวอไซกลับมาแล้วเขาก็นำกลุ่มหุ่นยนต์ไปยังดาวเคราะห์ทรัพยากรรอบ ๆ และสร้างโรงงาน
ปัจจุบันการเจรจาต่อรองของเขากับอารยธรรมของโลกอนาคตนั้นเป็นไปอย่างเชื่องช้า อารยธรรมทั้งหมดกำลังส่งกองกำลังอันทรงพลังเข้าสู่รูหนอนเพื่อสำรวจเขตดาวใหม่
ด้วยแผนที่ดวงดาวนั่นทำให้ง่ายต่อการสำรวจมากขึ้นกว่าเดิม อย่างไรก็ตามสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งในเขตดาวใหม่ได้สร้างความเสียหายอย่างหนักต่ออารยธรรมที่ประมาท บ้างก็ถูกกำจัดจนหมดสิ้น
นั่นจึงทำให้อารยธรรมระดับต่ำจำนวนมากยอมแพ้ และไม่อยากสำรวจเขตดวงดาวใหม่ด้วยตัวเองอีกต่อไป การยอมตามรอยเท้าอารยธรรมขั้นสูงเพื่อเก็บเศษเล็กเศษน้อยนั้นปลอดภัยกว่า
การสำรวจในปัจจุบันพวกเขาไม่พบร่องรอยของอารยธรรมที่มีปัญญาในเขตดาวใหม่ สิ่งมีชีวิตที่ทรงพลังเหล่านั้นล้วนแต่เป็นสัตว์ป่าที่ไร้อารยธรรม
เป็นเพราะความอันตรายในเขตดวงดาวใหม่ อารยธรรมที่อยากเปลี่ยนแผนที่ดาวของตัวเองก็ไม่กล้าเสี่ยงมากเกินไป
ในกรณีนี้อู๋ ฮ่าวเหรินก็จะไม่รีบร้อน เพราะอย่างไรก็ตามเขาก็ไม่สามารถไปขุดขุมทรัพย์บนแผนที่ดาวนั้นได้ในตอนนี้
ยิ่งไปกว่านั้น คนพวกเหล่านั้นยังไม่สามารถพิชิตแผนที่ดาวชุดแรกได้ด้วยซ้ำ แม้ว่าจะมีแผนที่ดาวดวงใหม่ พวกเขาก็ไม่สามารถไปสำรวจมันได้
นอกจากนี้เขาได้รับข่าวร้ายว่าเทียนยูกรุ๊ปกำลังสืบสวนตัวตนของเขา แต่เดิมเรื่องนี้เป็นความลับสุดยอด หรือไม่เจ้าแห่งศิลปะบังเอิญได้รู้เรื่องนี้แล้วมาบอกเขา
ในระบบซองแดง ปัจจุบันมีเพียงผู้ใช้งานบางคนเท่านั้นที่เป็นมนุษย์ที่เหลือเป็นคนจากอารยธรรมอื่น
สถานการณ์นี้ทำให้อู๋ ฮ่าวเหรินพูดไม่ออก การสิ้นสุดของสงครามนำไปสู่การยกเลิกระบบสงครามและการฟื้นฟูระบบซองแดง
และสิ่งที่ทำให้เขาพูดไม่ออกคือเขาต้องการยกระดับ ซึ่งมันไม่ง่ายอย่างที่เคยเป็นแล้ว
หลังจากที่ได้รู้ข่าวจากคนคุ้นเคยอู๋ ฮ่าวเหรินวางแผนที่จะหยุดใช้ระบบซองแดงไปสักพัก เพื่อหลีกเลี่ยงการสอบสวนของเทียนยูกรุ๊ป
แล้วก็ใช้ประโยชน์จากเวลานี้ พัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของโลกก่อน
ในช่วงกลางเดือนมีนาคมอู๋ ฮ่าวเหรินนั่งในสวนบ้านของเขาในหมู่บ้าน ซุยฉุ่ยกำลังศึกษาการออกแบบเมืองใหม่
หลิง เหมิงเสวี่ยในชุดเดรสสีม่วงวิ่งออกจากห้อง เข้าด้านหลังอู๋ ฮ่าวเหรินแล้วคล้องแขนรอบคอของเขา ก่อนพูดขึ้นว่า "ฮ่าวเหรินเราจะไปที่เมืองใหม่กันในวันนี้และพี่เหมยหรูเชิญเราไปดูสวนที่เธอออกแบบด้วย"
อู๋ ฮ่าวเหรินวางสมองแสงในมือเขา หันกลับไปที่หลิง เหมิงเสวี่ยซึ่งกำลังมองไปที่มันและพูดว่า "เข้าใจแล้วพี่เหมยหรูเป็นคนเชิญ ฉันจะกล้าไม่ไปได้ยังไง จี้เตรียมรถให้พร้อม"
"ค่ะท่าน"
เมื่อได้ยินเสียงจี้ หลิง เหมิงเสวี่ยเย้ายวนริมฝีปากและพูดว่า "หิมะน้อยของฉันยังไม่ฉลาดขนาดนี้เลย"
"เสี่ยวเสวี่ยเป็นสมองแสงที่ดีที่สุดแล้ว แต่จี้แค่มีการวิวัฒนาการ ปกติเรื่องแบบนี้เป็นไปไม่ได้เลย"
"ไปเถอะ ไปหาพี่เหมยหรูกัน จี้บอกพวกเขาด้วยตอนที่พ่อแม่กลับมา"
หลิง เหมิงเสวี่ยคล้องแขนของอู๋ ฮ่าวเหรินและเดินออกไป
ในช่วงนี้หลังจากที่อู๋ ฮ่าวเหรินหยุดใช้ระบบซองแดงเขาได้นำเสนอเทคโนโลยีของฟิวเจอร์กรุ๊ป
เพราะใช้ชีวิตได้ตามสบายมากขึ้นความรู้สึกระหว่างเขากับหลิง เหมิงเสวี่ยก็กำลังพัฒนาไปอย่างก้าวกระโดด
เมืองที่ชื่อปราสาทลอยฟ้าได้สร้างโครงสร้างพื้นฐานเสร็จเกือบทั้งหมดแล้ว แน่นอนว่าเหตุผลที่ทำให้มันเร็วได้ขนาดนี้เพราะยูนิเวอไซได้ส่งทรัพยากรจำนวนมากกลับมาจากดาวทรัพยากรอื่น ๆ
เมืองที่สร้างขึ้นในภูเขา แต่ลอยอยู่ข้างบนทำให้โลกเข้าใจว่าเทคโนโลยีของฟิวเจอร์กรุ๊ปนั้นทรงพลังขนาดไหน
เนื่องจากที่เมืองนี้ผู้คนทั่วโลกได้พยายามศึกษาความรู้ทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีทุกชนิดที่เผยแพร่โดยฟิวเจอร์กรุ๊ป
อุปกรณ์ขั้นสูงในเมือง สภาพแวดล้อมที่สวยงาม และชีวิตที่สะดวกสบายนั้นทำให้ผู้คนทั่วโลกสุขสบาย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่บางคนในฟิวเจอร์กรุ๊ปย้ายเข้ามาอยู่ในเมืองใหม่ ข้อมูลจำนวนมากถูกส่งออกมาเพื่อให้โลกรู้ว่ามันเป็นเมืองแบบไหน
ในช่วงนี้อู๋ ฮ่าวเหรินไม่เพียงแต่สร้างเมืองใหม่บนทะเล แต่ยังสร้างเมืองแบบนั้นอีกบนที่ราบสูงด้วยความยินยอมของรัฐ
ในปัจจุบันหลายประเทศมีการติดต่อกับฟิวเจอร์กรุ๊ปโดยหวังว่าฟิวเจอร์กรุ๊ปจะสามารถสร้างเมืองที่ทันสมัยแบบนั้นในประเทศของตนได้
สำหรับคำขอดังกล่าวอู๋ ฮ่าวเหรินไม่ตกลงด้วย เพราะปัจจุบันทรัพยากรในมือของเขาไม่พอจะเปลี่ยนแปลงโลกทั้งโลกได้ในเวลาเดียวกัน
ยิ่งไปกว่านั้นเขาต้องใช้การบริหารจัดการแบบอนาคตในเมืองใหม่ ซึ่งจะขัดแย้งกับระบอบการปกครองของประเทศเหล่านั้น
ถ้าสร้างเมืองเช่นนี้ใหม่ในหลายประเทศ พอประเทศเหล่านั้นเจอการปกครองเช่นนี้จะต้องมีการต่อต้านอย่างรุนแรงแน่
อู๋ ฮ่าวเหรินจึงพร้อมที่จะทำการเปลี่ยนแปลงทีล่ะน้อยและทำให้ประเทศเหล่านั้นยอมรับรูปแบบการจัดการนี้โดยสมัครใจ
0 ความคิดเห็น