CF:บทที่ 461 อิทธิพลของภาพยนตร์
มีการดูภาพยนตร์เกินกว่า 2 พันล้านครั้งในหนึ่งวัน เป็นเรื่องตื่นเต้นเกรียวกราวมาก
หลายคนเข้าใจเนื้อหาของภาพยนตร์เรื่องนี้และอะไรบางอย่าง ด้วยเหตุนี้อิทธิพลของภาพยนตร์จึงเกินความคาดหมายของอู๋ ฮ่าวเหริน
ที่หน้าเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของฟิวเจอร์กรุ๊ป วันนี้มีคนส่งข้อความสอบถามเข้ามาเกินกว่า 200 ล้านโพสต์ และบริเวณด้านนอกของฟิวเจอร์กรุ๊ปก็รายล้อมไปด้วยนักข่าว
การอภิปรายตรงพึ้นที่ด้านล่างของภาพยนตร์ยิ่งน่าอัศจรรย์มากขึ้นไปอีก มีคนเขียนบทวิเคราะห์ภาพยนตร์อย่างครอบคลุม
“เมื่อมีการปล่อยหนังเรื่องนี้ออกมา แน่นอนว่าเป็นการตบหน้าประเทศเหล่านั้น พวกเขาไม่ได้ตั้งใจจะบอกว่าท่าเทียบยานอวกาศนั่นเป็นสถานีอวกาศที่พวกเขาสร้างขึ้น เพราะอย่างนั้นพอได้เห็นท่าเทียบยานอวกาศในภาพยนตร์เรื่องนี้แล้ว นับประสาอะไรกับความคิดที่ว่าฟิวเจอร์กรุ๊ปขโมยความคิดคนพวกนั้นมาทำภาพยนตร์
"เป็นความจริงที่ว่า ถ้าหากท่าเทียบยานนั่นเหมือนกับในภาพยนตร์ ฟิวเจอร์กรุ๊ปก็จะมีอำนาจมากเกินไป"
ภาพยนตร์เรื่องนี้สะท้อนให้เห็นถึงหลายสิ่งหลายอย่าง เช่น เทคโนโลยีที่ประกาศโดยฟิวเจอร์กรุ๊ป เมืองที่ก่อสร้างโดยฟิวเจอร์กรุ๊ป และท่าเทียบยานอวกาศบนท้องฟ้า คิดว่านี่เป็นสิ่งที่ฟิวเจอร์กรุ๊ปกำลังบอกเราเกี่ยวกับการพัฒนาของพวกเขา"
“ถ้าเป็นเช่นนั้น เราต้องหาทางเข้าเมืองของฟิวเจอร์กรุ๊ป ดูจากเมืองที่ปรากฏในหนังเรื่องนี้แล้ว ชีวิตแบบนั้นเป็นที่พึงปรารถนาจริงๆ”
"สิ่งที่สงสัยในตอนนี้ก็คือ เทคโนโลยีของกลุ่มจะสามารถไปถึงระดับที่เห็นในภาพยนตร์ได้จริงหรือไม่ ระดับที่ยานอวกาศพวกนั้นสามารถทำการอพยพระหว่างดวงดาวได้"
"ไม่ว่าจะมียานอวกาศหรือไม่ ผมต้องเข้าสู่ฟิวเจอร์กรุ๊ป เพื่อเผชิญหน้ากับเมืองนั่น"
"..."
หลังจากดูภาพยนตร์จบแล้ว หลายคนก็เกิดความคิดบ้าๆขึ้นมาว่าอยากจะเข้าไปในเมืองแห่งฟิวเจอร์กรุ๊ปเพื่อใช้ชีวิตแบบเดียวกับในหนัง
ไม่ว่าเด็กหรือครอบครัว การใช้ชีวิตแบบนั้นเป็นความสนุกสนานอย่างแน่นอน
แน่นอนว่าผู้คนจำนวนมากอยากรู้ว่า เมืองในภาพยนตร์เรื่องนี้เหมือนกับเมืองที่สร้างขึ้นโดยฟิวเจอร์กรุ๊ปหรือไม่
เมืองในภาพยนตร์ก้าวล้ำไปมากจนทำให้พวกเขารู้สึกว่าไม่สมจริง
มิหนำซ้ำ ยานอวกาศเหล่านั้น ก็ดูเหมือนว่าจะทำให้สับสนมากขึ้นไปอีก ลักษณะของท่าเทียบยานอวกาศในภาพยนตร์พิสูจน์ให้เห็นว่าท่าเทียบยานอวกาศที่อยู่นอกโลกนั่น ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับประเทศเหล่านั้น แต่เป็นสิ่งที่ก่อสร้างขึ้นโดยฟิวเจอร์กรุ๊ปต่างหาก
แต่เพราะท่าเทียบยานอวกาศนั่น ก็หมายความว่าฟิวเจอร์กรุ๊ปเป็นเจ้าของยานอวกาศแล้ว ไม่อย่างนั้นจะสร้างท่าเทียบไปทำไม
ดูเหมือนจะไม่ได้การ
ผู้คนทั่วโลกกำลังแสดงปฏิกิริยาและประเทศเหล่านั้นก็ไม่มีข้อยกเว้น พวกเขาเริ่มตรวจสอบปฏิกิริยาตอบสนองต่อภาพยนตร์
หากเมืองที่ทางกลุ่มสร้างขึ้นในอนาคตมีความก้าวล้ำไปมากเหมือนดังที่เห็นในภาพยนตร์เรื่องนี้ ย่อมไม่ใช่เรื่องดีสำหรับพวกเขา
เพราะเมืองที่มีเทคโนโลยีขั้นสูงประเภทนี้ จะส่งผลกระทบร้ายแรงต่อระบบการเมืองทั่วโลก
ในเวลานี้ ฟิวเจอร์กรุ๊ปมีความอยากรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้มากขึ้น
หากมีเมืองอย่างในภาพยนตร์ พวกเขาจะเป็นคนกลุ่มแรกที่ได้รับผลประโยชน์ ซึ่งนั่นทำให้พวกเขาตื่นเต้น
นอกจากนี้พวกเขายังสงสัยมากไปกว่านั้นว่า ภาพยนตร์เรื่องนี้ถูกสร้างขึ้นมาได้อย่างไร? ดูเหมือนว่าไม่มีใครเกี่ยวข้อง มันสร้างขึ้นโดยเจ้านายคนเดียวอย่างนั้นหรือ
"ขอบอกข่าวอะไรอย่างหนึ่งนะ เมืองที่อยู่ในหนังเรื่องนี้น่าจะเป็นจริง 80% เมื่อกี้นี้ฉันเห็นแผนการสร้างเมืองบนภูเขาซึ่งคล้ายกับเมืองในภาพยนตร์มากยิ่งกว่านั้น เทคโนโลยีที่เผยแพร่บนอินเทอร์เน็ตนั้นสอดคล้องกับอุปกรณ์ในภาพยนตร์มาก "
"อ่า! จะว่าไป เทคโนโลยีนั่นมีไว้เพื่อการบริการของเมือง"
"ใช่ ดังนั้นเราต้องเรียนรู้อย่างรวดเร็ว หากเราตามคนเหล่านั้นไม่ทัน พนักงานเก่าอย่างเราก็จะสูญเสียความได้เปรียบ"
“เฮ้ย มันเหมือนกันจริง ๆ คุณเห็นไหม อาคารเหล่านี้เหมือนกับอาคารในหนัง เจ๋งสุดๆ บริษัทเรานี่ยิ่งใหญ่สุดๆ”
ข่าวประเภทนี้ เดิมทีเป็นข่าวภายในของฟิวเจอร์กรุ๊ป แต่ในที่สุดก็แพร่กระจายออกไป
พอได้ยินว่าเมืองที่สร้างโดยฟิวเจอร์กรุ๊ปมีหลายอาคารที่เหมือนกับเมืองในภาพยนตร์ ยิ่งการยืนยันอย่างเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าฟิวเจอร์กรุ๊ปจะสร้างเมืองให้ก้าวล้ำเหมือนกับเมืองที่เห็นในภาพยนตร์
ทุกคนพากันตื่นเต้น รู้สึกว่าคนที่อาศัยในเมืองที่อยู่ในหนังช่างน่าอิจฉา
ตอนนี้พวกเขาก็มีโอกาสได้เข้าไปใช้ชีวิตในเมืองแบบนั้น ถ้าไม่คว้าโอกาสนี้ไว้ก็โง่เกินไปแล้ว
มีการประกาศเงื่อนไขในการเข้าเมืองออกมา นั่นก็คืออีกสามเดือนทางฟิวเจอร์กรุ๊ปจะประเมินความรู้เทคโนโลยี
ทุกวันนี้ มีคนหลายคนที่ลาออกจากงานทันทีเพื่อเรียนรู้เทคโนโลยีที่ทางฟิวเจอร์กรุ๊ปประกาศออกมาและต้องการเป็นคนแรกที่เข้าไปในเมืองนั่น
การลาออกจำนวนมากเช่นนี้นำไปสู่ผลลัพธ์ที่ตามมาโดยตรง และทำให้หลายประเทศมีวิกฤตการณ์ที่รุนแรง
เมื่อรู้ถึงผลกระทบจากภาพยนตร์เรื่องนี้ อู๋ ฮ่าวเหรินจึงเริ่มก่อสร้างเมืองที่สี่ เมืองนี้ไม่ได้อยู่บนอาณาเขตของประเทศใดเลย อู๋ ฮ่าวเหรินสร้างเมืองขึ้นบนทะเลหลวง
เมืองนี้แบ่งออกเป็นสองชั้นคือ ทะเลกับทะเล เทคโนโลยีที่ต้องนำมาใช้นั้นยากกว่าบนพื้นดิน
โครงการเบื้องต้นส่วนใหญ่เป็นการก่อสร้างเมืองใต้น้ำซึ่งสร้างเสร็จโดยหุ่นยนต์ของฐานลับใต้น้ำ
เนื่องจากการรวบรวมทรัพยากรก้นทะเล วิวัฒนาการของฐานลับก้นทะเลจึงรวดเร็วกว่าบนดิน ทรัพยากรของโลกเริ่มจำกัดการพัฒนาของอู๋ ฮ่าวเหริน
และนี่เองที่ทำให้เขากระตือรือร้นที่จะพัฒนาทรัพยากรของดาวเคราะห์ดวงอื่น นอกจากนี้ในสถานการณ์ปัจจุบันเป็นเรื่องยากที่เขาจะซื้อวัสดุก่อสร้างจำนวนมากจากประเทศเหล่านั้น
โชคดีที่เขาไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับปัญหาวัสดุเนื่องจากวัสดุที่เหลืออยู่
เมื่อยูนิเวอร์ไซส์ กลับมาถึงก็ไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับวัสดุ นอกจากนี้อู๋ ฮ่าวเหรินได้เริ่มวางแผนพัฒนาดาวอังคารดาวเสาร์และดาวเคราะห์อื่น ๆ ที่อยู่ใกล้โลกมาก
แม้ว่าการอพยพระหว่างดวงดาวไม่ใช่ปัญหา แต่จะมีการต่อต้านเกิดขึ้นและความหวาดกลัวอันตรายเมื่ออพยพมนุษย์ไปยังดาวเคราะห์ที่ห่างไกล
ดังนั้น อู๋ ฮ่าวเหรินจึงคิดว่าผู้อพยพกลุ่มแรกควรพัฒนาดาวเคราะห์เหล่านี้ซึ่งค่อนข้างใกล้เคียงกับโลก
ด้วยวิธีนี้เขากำลังออกนโยบายจูงใจบางอย่าง และแล้วประชากรของมนุษย์จะต้องเต้นเร่าๆ
อีกครั้ง เขาได้รับพืชจำนวนมากจากชาวไร่ พืชเหล่านี้ส่วนใหญ่ใช้เพื่อเปลี่ยนสภาพแวดล้อมของดาวเคราะห์ เพื่อให้ดาวเคราะห์สามารถปรับตัวเข้ากับการอยู่รอดของมนุษย์อย่างเร่งด่วนที่สุด
แน่นอนว่าถ้าไม่มีดวงดาวอย่างดาวอาทิตย์ ก็เป็นการยากที่จะทำการเปลี่ยนแปลงเช่นนี้
เทคโนโลยีการแปรสภาพดาวเคราะห์นี้มีความสมบูรณ์มากในอนาคต เพราะที่ขอบกาแลคซี เราต้องการกองกำลังป้องกัน แต่ไม่ใช่ที่ขอบกาแลคซีทุกขอบจะมีดวงดาวอยู่จำนวนมาก
ดังนั้นมนุษย์ได้ศึกษาเทคโนโลยีแปรสภาพดาวเคราะห์และด้วยการแปรสภาพทางเทคโนโลยีทำให้ดาวเคราะห์เหล่านี้สามารถเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมให้เข้าถึงสภาพแวดล้อมของชีวิตมนุษย์
อย่างไรก็ตามการเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ จำเป็นต้องใช้พลังงานเป็นจำนวนมาก จำเป็นต้องแปรสภาพดาวอังคาร ดาวพฤหัส ดาวเสาร์และดาวเคราะห์อื่นๆ เพื่อไม่ให้สวาปามพลังงานมหาศาลขนาดนั้น
อู๋ ฮ่าวเหริน สั่งการผู้บุกเบิกโดยตรงให้นำกลุ่มของหุ่นยนต์ไปยังดาวอังคาร
------------------------
0 ความคิดเห็น