CF:บทที่ 426 ปฏิกิริยาตอบกลับของอเมริกา

นิยายลงทุกวัน เวลา 6.00 น. ส่วนเรื่องไหน จำนวนกี่ตอนนั้น สามารถดูได้ ที่นี่

CF:บทที่ 426 ปฏิกิริยาตอบกลับของอเมริกา

ผู้คนต่างกังวลว่าอาจจะมีปัญหากับการใช้งานที่เพิ่มเข้ามาของเครื่องไฟฟ้าชีวภาพบำบัด แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อพวกเขาได้รู้ว่าการเพิ่มมาตรงนี้สามารถเพิ่มความหวังในชีวิตของตนบวกกับพืชที่ฟิวเจอร์กรุ๊ปปล่อยออกมาอีก ทุกอย่างอาจจะต่างไปจากเดิมก็ได้

คงยากที่จะปฏิเสธความน่าสนใจในเรื่องที่เพิ่มช่วงชีวิตของคนเข้ามาด้วย

หลังจากได้เห็นข้อมูลที่อู๋ ฮ่าวเหรินปล่อยออกมา คนจากกระทรวงเกษตรจึงเริ่มศึกษาและโปรโมตการลงพืชพวกนี้ไปทั่วประเทศ

จากสถานการณ์นี้ พืชบางชนิดบนโลกจึงต้องถูกกำจัดไป

อย่างเช่น ข้าวและข้าวสาลี อาหารพื้นฐานของมนุษย์ที่มีแนวโน้มว่าจะถูกแทนที่ด้วยพืชที่อู๋ ฮ่าวเหรินนำมา

จริงๆแล้ว ก่อนที่กระทรวงเกษตรจะเริ่มลงพืชที่อู๋ ฮ่าวเหรินเป็นคนนำมาให้นั้น พวกเขากลับเห็นความจำเป็นของกองทัพก่อน

แต่อย่างไรก็ตาม การอัพเกรดเครื่องไฟฟ้าชีวภาพแบบทันทีทันใดของอู๋ ฮ่าวเหรินรวมถึงข้อมูลที่ปล่อยออกมานั้นมีแนวโน้มที่จะก่อให้เกิดปัญหาที่คาดไม่ถึง

การประชุมที่ว่าถูกจัดขึ้นเพื่อเอาไว้ศึกษาเรื่องนี้เพราะการโปรโมทเรื่องการปลูกพืชไปทั่วประเทศนั้นไม่ง่ายเลย

เมื่อเกิดปัญหาเรื่องการลงพืชขึ้นมา ก็ทำให้เมล็ดพืชของเกษตรกรไม่ประสบความสำเร็จซึ่งตรงนี้ทำให้สังคมรู้สึกไม่สบายใจ

เกษตรกรคือหัวใจหลักของประเทศ ถ้าเกิดมีปัญหาขึ้นมาแล้ว ผลที่ตามมาก็อาจเป็นสิ่งที่เราไม่สามารถจินตนาการได้

ในช่วงสุดท้าย  หัวหน้าได้ให้คำแนะนำ ก็คืออย่างแรกเราควรหาที่ที่ใช้แทนและดำเนินโครงการนำร่องเพื่อที่จะดูว่ามีการลงพืชอย่างไร

ถ้าไม่มีปัญหาอะไร เราก็จะได้ดำเนินการปลูกพืชทั้งประเทศรวมกัน

ไม่มีประเทศใดที่จะรู้ว่าในการเสริมสร้างความแข็งแกร่งของเครื่องไฟฟ้าชีวภาพบำบัดนี้เป็นปัญหาแค่ไหนไปกว่ารัฐบาลจีน

ถ้าเราแก้ปัญหาเรื่องการเสริมพลังงานนี้ไม่ได้ สถานการณ์ของผู้คนทั้งประเทศก็จะคล้ายกับสถานการณ์ของกองทัพซึ่งมีแนวโน้มว่าจะก่อให้เกิดปัญหาเรื่องการขาดแคลนอาหาร

คำว่าอดอยากซึ่งเกิดขึ้นในประเทศจีน ช่วงศตววรษที่ 21 คงเป็นเรื่องตลกน่าดู

แต่อย่างไรก็ตาม ร่างกายของคนเราจะแข็งแกร่งขึ้นด้วยระดับที่แน่นอนก็ต่อเมื่อเสริมด้วยพลังงานที่จำเป็น ดังนั้นความอดอยากจึงมีความเป็นไปได้จริงอยู่

ประเทศจึงเริ่มเตรียมพร้อมสำหรับปัญหาของการบริโภคอาหารที่เพิ่มขึ้นเนื่องด้วยความแข็งแกร่งของร่างกายมนุษย์ที่เพิ่มขึ้นในยุคต่อไปจากนี้

จริงๆแล้ว อู๋ ฮ่าวเหรินเองก็ไม่คิดว่าเขาจะปล่อยพืชพลังงานสูงเช่นนี้ออกไป

การใช้งานด้านความแข็งแกร่งของเครื่องไฟฟ้าชีวภาพบำบัดก่อให้เกิดผลหลายอย่าง

ประชากรกว่าครึ่งโลกต้องการอาหารมากขึ้นเป็นสองเท่าในทุกๆวัน และผลลัพธ์ที่ว่านั่นก็ค่อนข้างน่าตกใจ

แม้แต่บางคนที่ไม่ได้มีเงินมากพอก็ต้องกินอาหารของตนเหมือนกัน พอถึงตอนนั้น ผลที่ออกมาฉับพลันนี้น่าจะทำให้ทั้งโลกขาดเสถียรภาพ

แต่อู๋ ฮ่าวเหรินไม่ได้ดูแลปัญหาในการลงพืชที่ต่างออกไปนักรวมถึงทุกประเทศเองต่างก็ให้ความสำคัญกับปัญหาดังกล่าวอย่างเท่าเทียมกัน

ประเทศที่ต้องการปลูกเมล็ดพืชสามารถติดต่อกับฟิวเจอร์กรุ๊ปเพื่อซื้อไปปลูกได้

ยิ่งไปกว่านั้น อู๋ ฮ่าวเหรินก็ยังไม่ได้ฆ่าเชื้อเมล็ดพันธุ์พวกนี้ เพราะนับตั้งแต่ที่พืชพวกนี้กลายเป็นอาหารหลัก พวกเขาก็ไม่ต้องมานั่งกังวลเกี่ยวกับเรื่องที่มีพืชพวกนี้เข้ามารุกล้ำ

ข้อมูลแปลกๆนั่นทำให้เขายิ่งกระตือรือร้นเพื่อที่จะเร่งมือพัฒนาโลก

เพราะถ้ามีการรุกรานจากต่างดาว โลกจะไม่มีทางรับมือได้เลย

ที่สหรัฐอเมริกาในตอนนี้ สมิธได้นำข้อความจากอู๋ ฮ่าวเหรินไปให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายข่าวกรองในอเมริกา

เมื่อประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาได้รู้ว่าอู๋ ฮ่าวเหรินกำลังจะเข้ามาทำข้อตกลงกับประเทศ เขาก็รู้สึกประหลาดใจ

ในห้องประชุมเพนทากอน ประธานาธิบดีและเจ้าหน้าที่สหรัฐอเมริกาต่างก็กำลังดูข้อความที่สมิธส่งมา

“คุณคิดยังไงกับเรื่องนี้”

“ก็เป็นเรื่องที่ดีนะครับ แม้เราจะไม่รู้ว่าข้อตกลงแบบไหนที่สุภาพบุรุษท่านนี้จะทำกับเรา แต่พฤติกรรมเช่นนี้จะทำให้เรามีความก้าวหน้าในการติดต่อกับเขามากขึ้น”

 “ไม่ว่าจะเป็นข้อตกลงอะไร ก็นับว่าเป็นเรื่องดีที่พวกเราได้ติดต่อกับเขาโดยตรงโดยไม่ต้องผ่านรัฐบาลจีน แล้วอีกอย่าง เกิดอะไรขึ้นกับหน่วยลอบสังหารหรือครับ”

เจ้าหน้าที่จากกองพันรู้สึกอับอาย แต่ก็พูดออกไปด้วยน้ำเสียงปกติ “ล้มเหลวครับ คนที่เราส่งไปส่งข่าวกลับมาว่าพวกเขายกเลิกแผนการที่จะสังหารยอดอัจฉริยะแบบนั้น และในตอนนี้ เขาได้ทำลายสัญญากับเราแต่ไปเน้นเรื่องการศึกษาในโรงเรียนของฟิวเจอร์กรุ๊ปแทนครับ”

เจ้าหน้าที่ทุกคนต่างนั่งตัวแข็งไปแม้แต่ประธานาธิบดีเองก็ย่นคิ้ว

อาจจะดูตลกไปหน่อยที่คนที่ตัวเองฝากให้ทำงานกลับล้มเลิกภารกิจเพียงเพราะเหตุผลแบบนี้

“ความรู้ในโรงเรียนนั่นช่างน่าอัศจรรย์เสียจนเปลี่ยนทหารที่เราฝึกไว้ได้เลยงั้นหรือ”

“เหลือเชื่อจริงๆ มีคนบอกว่าความรู้ทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับการขับขี่ยานอวกาศรวมถึงสิ่งต่างๆบนท้องฟ้า ข้อมูลบางตัวที่เปิดเผยบนอินเทอร์เน็ตยืนยันได้ว่าฟิวเจอร์กรุ๊ปมีความรู้มากมายเหนือเทคโนโลยีของโลกเราเสียอีกครับ”

 “แล้วฟิวเจอร์กรุ๊ปเป็นผู้ควบคุมเทคโนโลยีการผลิตยานอวกาศจริงๆหรือเปล่าล่ะ”

“ก็อาจจะ แต่พวกเขาก็ไม่น่าที่จะสามารถสร้างยานอวกาศได้ในเวลาแบบนี้นะครับ ด้วยเทคโนโลยีแบบนั้น คุณก็ไม่น่าจะทำมันขึ้นมาได้”

“โชคร้ายที่เราไม่เข้าใจเรื่องยานอวกาศเลย ไม่งั้นเราคงได้เทคโนโลยีการผลิตยานอวกาศผ่านทางอวกาศนั่นมาแล้ว”

เจ้าหน้าที่ที่ดูแลพื้นที่ 51 กล่าวขึ้น “แม้ว่าเราจะได้เทคโนโลยีมาแล้ว แต่เราก็ไม่สามารถสร้างยานอวกาศแบบนั้นได้ และหลังจากที่พวกเราได้วิเคราะห์กันแล้ว เราก็ไม่เห็นจะได้วัสดุที่ว่านั่นเลย”

ในตอนนั้นเอง ประธานาธิบดีก็ได้กล่าวขึ้น “อืม เดี๋ยวประเด็นนี้ค่อยพูดกันทีหลัง เดี๋ยวให้ใครติดต่อเขาไปด้วยช่องทางนี้ และเราจะต้องรู้ให้ได้ว่าเขาต้องการจะทำอะไรกับเรา”

เมื่ออู๋ ฮ่าวเหรินได้รับสายจากเจ้าหน้าที่อเมริกาด้วยช่องทางที่เขาให้ไว้ เขาก็นึกประหลาดใจเพราะคาดไม่ถึงว่าจะติดต่อมาเร็วขนาดนี้

“คุณอู๋ ผมไม่รู้ว่าคุณต้องการทำธุรกิจในเรื่องอะไรถึงได้ให้เราติดต่อมาทางนี้”

อู๋ ฮ๋าวเหรินเองก็ไม่ได้อยากจะเกริ่นอะไรที่ดูไม่เข้าทีเหมือนกัน เขาจึงพูดไปตรงๆเลยว่า “ผมอยากจะซื้อยานบินเขต 51กับคุณ คุณเอามันมาให้ผม แล้วเดี๋ยวผมจะเอาสำเนาเทคโนโลยีการผลิตยานบินให้”

หลังจากได้ฟังที่อู๋ ฮ่าวเหรินพูดนั้น ทั้งห้องก็ต่างอึ้งไป เพราะไม่ได้คาดหวังว่าอู๋ ฮ่าวเหรินจะมาเจรจาด้วยข้อตกลงแบบนี้

“คุณอู๋ รอก่อน เดี๋ยวผมจะติดต่อคุณไปอีกที”

เจ้าหน้าที่ต่างมองไปยังท่านประธานาธิบดีที่คาดไม่ถึงว่าอู๋ ฮ่าวเหรินจะเสนอข้อตกลงนี้ขึ้นมา

พวกเขาเองก็ไม่รู้สึกประหลาดใจมากนักที่อู๋ ฮ่าวเหรินรู้ว่ามียานอวกาศในเขต 51 เพราะเมื่อพวกเขาเปิดเผยพลังงานอาวุธและเทคโนโลยีฟิชชันนิวเคลียร์ พวกเขาก็รู้ได้เลยว่าเรื่องนี้จะต้องเผยออกมา

“ท่านประธานาธิบดีครับ เราควรทำยังไงกับเรื่องนี้ดี”

“ผมคิดว่าเราควรปฏิเสธเรื่องนี้ไปตามตรงนะครับ เพราะยังไงมูลค่าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของเครื่องบินในเขต 51 นั้นสูงกว่าเทคโนโลยีการผลิตยานบินแน่นอน” เจ้าหน้าที่ท่านหนึ่งกล่าวขึ้น

แต่เจ้าหน้าที่อีกรายตอบกลับมาว่า “แม้ว่าเทคโนโลยีข้างต้นจะมีมูลค่าสูง  แต่พวกเราก็ยังใช้งานมันไม่ได้รวมถึงสร้างมูลค่าขึ้นมาให้กับเรา นอกจากนี้ อย่าลืมว่าไม่มีทางอื่นแล้วที่จะทำให้ยานอวกาศก้าวไปถึงชั้นบรรยากาศที่สามได้ในตอนนี้”

 “มีทางไหนที่จะทำให้ยานไปไกลกว่านี้ไหม” ประธานาธิบดีถามเจ้าหน้าที่ที่ดูแลเขต 51

“ไม่มีทางอื่นแล้วครับ เราทำมาทุกวิธีแล้วก็ไม่สามารถสร้างความเสียหายให้กับชั้นถัดไปได้เลย แล้วก็เพราะต้องป้องข้อมูลของยาน เราเลยต้องฆ่าช่างไปห้าคน”

 “ด้วยวิธีนี้ เราเลยต้องเร่งพัฒนาเรื่องยานอวกาศไปให้ไกลกว่านั้น ทั้งยังต้องต่อรองกับเขาที่อยู่ทางโน้นอีก เทคโนโลยีการผลิตยานอวกาศ เราต้องยืนยันเรื่องนี้ว่าเราเองก็ผลิตได้ และยิ่งไปกว่านั้น เพียงแค่ใช้เทคโนโลยีการผลิตยานอวกาศ เราก็ต้องเปลี่ยนยานอวกาศที่สภาพไม่ดีแล้ว เราต้องการให้เขานำเอาการดำเนินการทางธุรกิจในเรื่องเทคโนโลยีมาให้มากกว่านี้”

ประธานาธิบดีคิดว่าไม่ว่าจะเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์เอย เทคโนโลยีฟิวชันนิวเคลียร์เอย และอื่นๆ

เทคโนโลยีพวกนี้ต่างเป็นสิ่งที่ประเทศสหรัฐอเมริกาอยากจะได้มาอย่างที่สุด


แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น