CF:บทที่ 419 คำเตือน

นิยายลงทุกวัน เวลา 6.00 น. ส่วนเรื่องไหน จำนวนกี่ตอนนั้น สามารถดูได้ ที่นี่

CF:บทที่ 419 คำเตือน

อู๋ ฮ่าวเหรินเห็นว่าเมื่อข่าวนี้ถูกเผยแพร่ออกไป เขาก็ไม่ได้นึกกลัวเวลาทำอะไร

ถือซะว่าข้อมูลนี้ทำให้ประเทศมีอะไรโดดเด่นขึ้นมา ด้วยวิธีดังกล่าว ไม่มีใครรู้สึกประหลาดใจหากเขาจะทำในสิ่งที่คนทั่วไปไม่เข้าใจ

อย่างเช่น เมื่อเขาสร้างเมือง ใครหลายคนต่างก็คิดไม่ถึง แต่ตอนนี้ทุกคนกลับคิดว่านั่นคือเรื่องปกติ

เหตุผลแสนง่าย ใครหลายคนต่างก็คิดว่าเขาน่ะโม้ไปวันๆ

แต่อย่างไรก็ตาม ในหุบเขา หุ่นยนต์ต่างๆเริ่มการก่อสร้างฐานวิศวกรรมที่ชานเมืองแล้ว แต่ถึงจะสร้างเสร็จก็อยู่แค่ในหุบเขา มองจากภายนอกก็จะไม่เห็นความเปลี่ยนแปลงอะไร

...

ในตอนเช้าหลิงเมิ่งเสวี่ยและเสี่ยวชานรวมถึงจ๋วน จ๋วนนั่งอยู่ในรถลอยฟ้าของเขาเพื่อที่จะไปฟิวเจอร์กรุ๊ปด้วยกัน

หลิงเมิ่งเสวี่ยและจ๋วน จ๋วนนั่งอยู่เงียบๆ ต่างกับน้องสาวที่เอ่ยถามโน่นนี่นั่นราวกับเด็กทารกที่อยากรู้อยากเห็น

 “พี่คะ ที่เขาบอกว่าพี่ศึกษาเรื่องยานอวกาศ จริงหรือเปล่าคะ”

“ก็จริงน่ะสิ เดี๋ยวพอน้องโตขึ้น พี่จะสร้างตึกสวยๆให้ แล้วเธอก็จะขับยานอวกาศไปเล่นเกมดวงดาวได้”

อู๋ ฮ่าวเหรินหันไปมองหลิงเมิ่งเสวี่ย ก่อนจะถามขึ้น “ช่วงนี้เป็นยังไงบ้าง”

“ดีกว่าเดิมมากแล้วค่ะ เสียงหายไปแล้ว”

อู๋ ฮ่าวเหรินพยักหน้า เขาคิดว่าหลิงหยิ่งที่หายไปคงทำอะไรเธอไม่ได้แล้ว และตอนนี้ดูเหมือนว่าหลายๆสิ่งจะเปลี่ยนไปอีกแล้ว

ก่อนหน้านี้ หลิงเมิ่งเสวี่ยบอกว่ามีเสียงแปลกๆดังขึ้นในหัวเธอ และในตอนนั้นคนจากตระกูลหลิงต่างก็คิดว่าเธอมีอาการประสาทหลอนเพราะป่วยหนัก

เมื่ออู๋ ฮ่าวเหรินรู้ข่าวและเข้าใจถึงสถานการณ์โดยละเอียดแล้ว เขาจึงรู้ว่าเสียงดูเหมือนจะเกี่ยวข้องกับหลิงหยิ่งที่หายไป

เมื่อคิดถึงอารยธรรมมนุษย์ในโลกอนาคต สงครามยุคมืดที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วครั้งหนึ่ง ก็อาจจะเกี่ยวกับอารยธรรมนี้ด้วย

ถ้าอารยธรรมพาลอสสามารถสร้างพื้นที่ท่องอวกาศได้ล่ะก็ บางทีอารยธรรมพวกนั้นอาจจะส่งผลถึงห้วงเวลาในอวกาศได้

อู๋ ฮ่าวเหรินไม่ได้นึกกลัวอะไรเช่นนั้นในสงครามมืด ถ้าอารยธรรมกล้าจู่โจมโลกในตอนนั้น อู๋ ฮ่าวเหรินก็จะทำให้พวกเขาเข้าใจว่าอารยธรรมมนุษย์ในเวลานี้และอวกาศไม่ได้เป็นอารยธรรมมนุษย์ที่แสนอ่อนแออีกต่อไปแล้ว

อาจจะดูว่าเขาเป็นคนแปลกๆไปบ้าง

หลิงเมิ่งเสวี่ยไม่มีความทรงจำหรือการเปลี่ยนแปลงใดๆรวมถึงเสียงในใจของเธอที่ทำให้ตัวเธอเองหายไปจากโลกนี้จริงๆ ทั้งยังคอยบอกว่าโลกนี้มันอันตราย

สิ่งนี้ทำให้อู๋ ฮ่าวเหรินสับสนเล็กน้อยแต่ก็แปลกมากด้วย เพราะที่นั่นมันอันตราย เป็นไปได้ไหมว่าอารยธรรมพารอสจะเข้ามาในห้วงเวลาเช่นนี้

ในอนาคต จะมีข่าวที่ว่าจะเกิดสงครามการต่อสู้บนโลกเพราะอารยธรรมพาลอส

มีคนบอกว่าแม้แต่ดาวดวงใหม่ยังมีอะไรกับอารยธรรมนี้เหมือนกัน รวมกับความสัมพันธ์ที่ตัดกันไม่ขาดระหว่างอารยธรรมดังกล่าวและอารยธรรมมนุษย์ อู๋ ฮ่าวเหรินรู้สึกว่าเรื่องนี้ดูจะแปลกขึ้นทุกทีๆ

ที่บริษัท พนักงานไม่กี่คนมาเข้าก่อนชั่วโมงงาน พวกเขาล้วนแต่หมกมุ่นอยู่กับโรงเรียนและศึกษาความรู้ด้านนิยายวิทยาศาสตร์

ไม่ว่าผู้คนบนอินเทอร์เน็ตจะพูดให้ร้ายสักเท่าไหร่ แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่พนักงานของฟิวเจอร์กรุ๊ปมีเวลาก็จะมาเรียนเมื่อไหร่ก็ได้

แม้แต่พนักงานรักษาความปลอดภัยบางคนก็ใช้เวลาศึกษาความรู้เรื่องการต่อสู้ในจักรวาลที่อู๋ ฮ่าวเหรินได้มาจากนอกโรงเรียน

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สารานุกรมจักรวาลของอู๋ ฮ่าวเหรินที่กลายเป็นหนังสือที่ทุกคนต้องเรียน

แน่นอนว่า บางคนได้อ่านเรื่องราวต่างๆเพื่อดูว่ามีอะไรใหม่ๆในจักรวาลบ้าง ส่วนบางคนก็ศึกษาความรู้ข้างต้นอย่างหนักเพื่อให้พร้อมที่จะเข้าไปสู่จักรวาลและไปสำรวจสิ่งเหล่านี้จริงๆ

วิชาที่ใช้เรียนหลายวันมานี้ ยังมีความรู้ที่รั่วไหลออกไปจากฝีมือนักเรียนบนอินเทอร์เน็ต และสำหรับความรู้เหล่านี้ คนหลายคนบนอินเทอร์เน็ตต่างก็อยากรู้เพื่อที่จะนำมาวิจัยและให้เหตุผล

โดยสำหรับคนที่กล่าวมาก่อนหน้านี้ก็ได้ฝากถามจื่อ หยงให้ถามเขาว่าเขาสามารถจัดกลุ่มทหารระดับชาติเพื่อเข้ามาเรียนความรู้ตรงนี้ได้หรือไม่

แม้ว่าประเทศจะไม่ได้เชื่อในสิ่งที่เขาพูดมากนักแต่เมื่อดูหลักสูตรที่ใช้สอนในโรงเรียนก็เห็นว่าสมบูรณ์แบบมากและดูเหมือนว่าจะไม่ก่อปัญหาวุ่นวายอะไร

เมื่อรถยนต์จอดตรงหน้าบริษัท ซูรุย น้องสาวของ  ซูเถากำลังรออยู่ที่นี่ก่อนแล้ว โดยตอนนี้กำลังดูแลหลิงเมิ่งเสวี่ย

อู๋ ฮ่าวเหรินมองจื่อหยงที่นั่งอยู่ในห้องโถงก่อนจะพูดกับซูรุย ว่า “พาพวกเขาไปโรงเรียนก่อน”

ซูรุยดึงหลิงเมิ่งเสวี่ยและพาทั้งสามคนไปขึ้นรถบัสโรงเรียน

อู๋ ฮ่าวเหรินไปหาจื่อ หยงพลางถามขึ้น “เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า ทำไมพวกคุณถึงมาที่นี่กันเช้านัก”

“ก็เพราะมีบางอย่างที่ทำให้ผมอยากไปโรงเรียนคุณน่ะสิ นี่ก็ไม่รู้ว่าจะทำได้ไหม”

“คุณน่ะหรือ ไปโรงเรียน ผมได้ยินถูกใช่ไหมเนี่ย คุณคงจะไม่ได้หมายความว่าโรงเรียนที่ผมบริหารเป็นสิ่งหลอกลวง แล้วตอนนี้ผมจะไปโรงเรียนได้ยังไง”

อู๋ ฮ่าวเหรินหัวเราะ เมื่อได้รู้ว่าโรงเรียนที่กำลังสอนถูกคิดว่าเป็นโรงเรียนที่สอนเรื่องหลอกลวง เหมือนกับคนอื่นๆ

จื่อ หยงว่าอย่างเศร้าๆ “ต้องขอโทษคุณด้วย เพราะตอนนี้ผมรู้สึกว่าความรู้ทั้งหมดที่สอนในโรงเรียนของคุณเป็นเรื่องจริง แต่ถ้าไม่จริง คุณก็นับว่าเป็นนักเล่าเรื่องตัวฉกาจ สามารถแต่งเรื่องราวได้เป็นฉากๆ”

“ความจริงแล้ว ผมไม่ได้สนใจเรื่องที่คนอื่นกำลังเรียนอย่างความรู้ต่างๆในโรงเรียนหรอกนะ หรือแม้แต่หวังว่าคนจะมาเรียนเพิ่มขึ้นก็เถอะ จุดประสงค์ของการบริหารโรงเรียนก็เพียงแค่อยากจะฝึกสาขาพวกนี้ของฟิวเจอร์กรุ๊ปไว้ล่วงหน้าเท่านั้น”

 “ถ้างั้น ทำไมคุณถึงห้ามไม่ให้เผยแพร่ความรู้ออกไปล่ะ”

“อิทธิพล ตอนนี้มีหลายคนที่มองผมว่าเป็นคนบ้า แล้วถ้าผมเผยความรู้ออกไปจริงๆ คุณคิดว่าอะไรจะเกิดขึ้นล่ะ ให้เชื่อรัฐบาลเถอะ เพราะยังมีคนอีกมากมายที่มองว่าผมเป็นคนบ้า ใช่ไหมล่ะ

จื่อหยงพยักหน้า ตามที่เขาเข้าใจ ยังมีอีกหลายคนที่ทำให้อู๋ ฮ่าวเหรินดูเหมือนเป็นคนบ้า แม้กระทั่งเสนอให้การสมัครเรียนในโรงเรียนของเขาเป็นสิ่งต้องห้าม

“ผมขอบอกคุณเลยนะว่าคนที่เรียนการขับยานอวกาศจะสามารถทำงานได้แค่ในฟิวเจอร์กรุ๊ปเท่านั้น และนอกจากนี้ ก็ดูเหมือนจะมีข้อห้ามออกมาบ้างแล้ว แต่เมื่อยุคของการสำรวจจักรวาลครั้งยิ่งใหญ่มาถึงเมื่อใด คุณคิดว่าสถานการณ์บนโลกจะดำเนินต่อไปแบบนี้ได้ไหม”

หลังจากได้ยินคำพูดดังกล่าวที่อู๋ ฮ่าวเหรินว่าในตอนหลัง จื่อ หยงก็มองไปที่เขาด้วยดวงตาเบิกกว้าง เข้าใจความหมายนี้ในที่สุด

เมื่อยุคการสำรวจครั้งยิ่งใหญ่มาถึงเมื่อใด จักรวาลก็จะขยายใหญ่มากขึ้นจนแม้แต่กาแล็กซี่ดวงเดียวก็จะใช้เวลาสำรวจยาวนาน ยุคของโลกในฐานะประเทศแห่งขุมพลัง ก็มีแนวโน้มจะได้รับผลกระทบอย่างมาก

“คุณทำอะไรอยู่ตอนนี้ นี่ไม่ใช่สิ่งที่คุณต้องการจะทำหรอกหรือ”

ถ้านี่เป็นเรื่องจริง จื่อหยงก็รู้สึกว่ามันออกจะบ้าๆอยู่บ้าง เขารู้สึกว่าความคิดของอู๋ ฮ่าวเหรินนอกกรอบของเวลาไปล่วงหน้าเล็กน้อย

อู๋ ฮ่าวเหรินยิ้มก่อนจะพูดขึ้น “ผมไม่ได้กลัวพวกคำพูดที่พูดกันในวันนี้หรอกครับ บางทีคนหลายคนเขาก็มองผมเป็นคนบ้าไปแล้ว ดังนั้น การที่ผมจะทำลายโลกเสียตอนนี้เลยก็คงไม่ยาก ที่นี่ก็มีวิดีโอ คุณจะเอากลับไปดูก็ได้นะ”

เมื่อได้เห็นท่าทีที่ประหลาดใจของจื่อ หยงแล้วนั้น อู๋ ฮ่าวเหรินจึงได้รู้ว่าเป้าหมายของเขาสำเร็จแล้ว ผมเชื่อว่าคนบางคนก็ควรซื่อตรงกับสิ่งที่ได้ยินในวันนี้

ไม่กี่วันมานี้ มีหลายสิ่งเกิดขึ้น แม้ว่าเรื่องราวทั้งหมดจะเกิดขึ้นแบบเงียบๆแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าอู๋ ฮ่าวเหรินจะไม่เข้าใจ แม้กระทั่งว่ามีบางคนต้องการสร้างโดยเอาความคิดจากเขาและเริ่มสอดแนมกับครอบครัวของเขา

ถ้าเขาไม่ได้เห็นทหารปกป้องครอบครัวของเขาก่อนจะจับพวกนั้นในครั้งสุดท้าย อู๋ ฮ่าวเหรินก็อาจจะทำให้คนพวกนั้นเสียใจที่ทำอะไรแบบนี้

ดังนั้น เขาจึงพูดกับจื่อ หยงเพื่อให้เขาได้ส่งข้อความไปถึงคนพวกนั้นด้วย ไม่คิดจริงๆเลยหรือว่าเขาอาจจจะเป็นแค่เบี้ยตัวเล็กๆในองค์กรลับที่ติดต่อกับรัฐบาลจีนอยู่ก็ได้


แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น