CF:บทที่ 417 ความกังวลใจแปลกๆ
เมื่อได้เห็นวิดีโอบนเว็บไซท์ทางการของฟิวเจอร์กรุ๊ปรวมถึงชีวิตที่เป็นไปจริงๆของผู้คนในนั้น ก็มีคนมากขึ้นที่เข้าใจว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น
ถ้าเขาไม่ได้ล้อเล่น แล้วนี่เป็นเรื่องจริง ยังไงก็คงไม่อยากเชื่อ
เพราะนี่เป็นยานอวกาศ ไม่ใช่รถยนต์ ยานอวกาศเกี่ยวข้องกับความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์ซึ่งแม้แต่ในหลายๆประเทศเองก็ยังไม่ได้ศึกษา
และปล่อยให้ฟิวเจอร์กรุ๊ปนี้จัดตั้งขึ้นตามลำพัง
ในช่วงสั้นๆ ข่าวใหญ่นี้ก็กระจายไปทั่วทั้งโลก
เมื่อคนส่วนใหญ่ได้เห็นข่าวนี้ ความรู้สึกแรกก็คือฟิวเจอร์กรุ๊ปกำลังเล่นตลก
มีคนอยู่จำนวนน้อยที่เชื่อว่าฟิวเจอร์กรุ๊ปจะเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีด้านอวกาศจริงๆ
แม้แต่ประเทศเหล่านั้นก็ยังแสดงท่าทีสงสัยเมื่อได้ทราบข่าวนี้
แม้ว่าเทคโนโลยีของฟิวเจอร์กรุ๊ปจะได้รับการพัฒนาขึ้นมาจริงๆรวมถึงมีเทคโนโลยีก้าวหน้าหลายอย่าง แต่อีกหลายๆประเทศยังคงไม่เชื่อว่าพวกเขาจะเก่งเรื่องเทคโนโลยีการผลิตยานอวกาศด้วย
แต่อย่างไรก็ตาม บางประเทศอย่างสหรัฐอเมริกากลับเชื่อว่าฟิวเจอร์กรุ๊ปคือผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีดังกล่าวนี้
และพวกเขายังเข้าใจดีว่าอู๋ ฮ่าวเหรินทำถูกที่บอกว่าแม้เขาจะเก่งเรื่องนี้ก็จริง แต่ตนก็ยังไม่รู้วิธีที่จะผลิตมันออกมาได้เลย
“หัวหน้าครับ มีการยืนยันข้อความมาแล้ว ตอนนี้ดูเหมือนว่าที่เขาประกาศเครือข่ายการป้องกันภัยออกมาอาจจะเป็นเพราะเรื่องนี้ เขาเองก็กังวลหลังจากข่าวนี้แพร่ออกไปข้างนอก ทางฟิวเจอร์กรุ๊ปอาจจะมีปัญหาจึงต้องหามาตรการป้องกันครับ”
“เทคโนโลยียานอวกาศ ดูเหมือนจะคอยบังคับเขาอยู่เบื้องหลังเพื่อให้ลงมือจัดการอะไรใหม่ๆอีกครั้ง”
“แล้วจะจัดการกับเรื่องนี้อย่างไรดีครับ หัวหน้า”
“ไม่ว่ายังไง เราก็จะไม่ส่งคนไปเรียนที่นั่น”
“เข้าใจแล้ว เดี๋ยวผมจะมาเรียนให้ท่านทราบอีกทีนะครับ”
หัวหน้าเข้าใจชัดเจนแล้วว่าเทคโนโลยีการผลิตยานอวกาศดูจะน่าดึงดูดใจเป็นอย่างมาก
แต่จริงๆแล้ว แม้จะได้รับเทคโนโลยีตัวนี้มา ก็ไร้ประโยชน์
เมื่อเทคโนโลยีที่ก้าวหน้ามากเกินไปมาปะปนกับเทคโนโลยีของโลกปัจจุบันนั้นย่อมไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร ถ้าเทคโนโลยีนี้ได้มาจากยานอวกาศที่ตกลงสู่พื้นโลกจริงๆล่ะก็ คุณค่าในตัวมันก็จะน้อยลงไปอีก
ในตอนนี้จุดประสงค์ของการโฆษณาชวนเชื่อนั้นชัดเจนแล้วว่าคืออะไร สิ่งนี้คือกองกำลังที่คอยหนุนอยู่เบื้องหลังเขาที่ต้องการจะทำให้เห็นว่าทัศนคติของรัฐไม่สามารถช่วยอะไรได้เลย
ถ้าอู๋ ฮ่าวเหรินรู้ถึงความคิดของหัวหน้าเขาคงต้องมาบอกอะไรแน่
ผมเพียงต้องการฝึกนักบินยานอวกาศบางคนเท่านั้น
เป็นเหมือนที่พวกเขาคิด ในความเป็นจริงแม้เขาจะประกาศเรื่องเทคโนโลยีออกไปแต่กลับไม่มีประเทศไหนศึกษาเรื่องนี้
เพราะความรู้ที่ก้าวหน้ามากเกินไปรวมถึงการช่วยเหลือของผู้คนจากโลกอนาคตคงเป็นเรื่องยากสำหรับเขาที่จะสร้างยานอวกาศ สู้ปล่อยให้ประเทศพวกนั้นอยู่เฉยๆโดยไม่ต้องมีพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีไปเลยดีกว่า
แน่นอนว่าถ้ายานอวกาศแบบนี้บินออกไปนอกโลกด้วยความรู้ด้านวิทยาการและเทคโนโลยีที่มาจากโลก แบบนั้นก็ย่อมทำได้เช่นกัน
เมื่อรัฐบาลสหรัฐอเมริกาทราบข่าวนี้ พวกเขาจึงตัดสินว่ามีองค์กรที่อยู่เบื้องหลังอู๋ ฮ่าวเหรินที่คอยควบคุมเรื่องยานอวกาศที่ตกลงมา
สำหรับเทคโนโลยียานอวกาศนั้นกลับดูเป็นเรื่องตลกสำหรับพวกเขา แม้ว่าเครื่องบินทุกลำในเขต 51 จะพังไปแล้ว เพราะพวกเขามีเทคโนโลยีในการสร้างเครื่องบินก็เลยจึงไม่รู้สึกว่าพวกตนจะต้องมีความสามารถในการสร้างเครื่องบินขึ้นมาแบบนั้น
ลำดับแรก ปัญหาเรื่องวัสดุยังไม่ได้รับการแก้ไข ก่อนที่จะปล่อยเทคโนโลยีบางตัวที่มนุษย์ยังไม่ได้วิจัยนั้นวางไว้เฉยๆ
“อย่าห่วงเรื่องเทคโนโลยียานอวกาศเลย สิ่งที่พวกเราจำเป็นต้องทำก็คือหาองค์กรที่อยู่เบื้องหลังเขารวมถึงเทคโนโลยีที่พวกเขามีนั่นคือสิ่งที่พวกเราต้องการ”
“ครับ ท่านประธานาธิบดี”
ในประเทศเล็กๆที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยต่างกำลังติดตามความวุ่นวายที่เกิดขึ้น บางคนก็โห่ร้องให้ฟิวเจอร์กรุ๊ปเพื่อที่จะสนับสนุนเทคโนโลยียานอวกาศเพื่อผลประโยชน์ของมนุษยชาติ
แต่ในอินเทอร์เน็ตผู้คนต่างคุยกันถึงเรื่องนี้อย่างร้อนแรงยิ่งกว่า
แต่อย่างไรก็ตามยังมีการพูดคุยตรงที่โพสท์ลงบนเว็บไซท์ทางการซึ่งค่อนข้างจะแปลกและเน้นไปในเรื่องที่ค่อนข้างแปลกใหม่เพราะพวกนั้นไม่ได้พูดถึงยานอวกาศแต่พูดเกี่ยวกับอู๋ ฮ่าวเหริน
“ถ้ามีใครกล้าบอกว่าวิดีโอสุดน่าทึ่งทั้งสองม้วนที่เล่นไปก่อนหน้านี้ อู๋ ฮ่าวเหรินไม่ได้เป็นคนทำล่ะก็ฉันจะขอตัดหัวตัวเองเลย ขอร้องล่ะ คุณอัจฉริยะ ขอดูวิดีโอแบบเต็มๆหน่อยได้มั้ย”
“ฉันทำการเปรียบเทียบมาแล้ว และยานอวกาศในนั้นก็คล้ายกันมาก งั้นก็มั่นใจได้เลยเรื่องที่เขาเป็นคนทำขึ้นมาเองน่ะ”
“นี่ล่ะรักแท้ล้วนๆ ที่เตือนให้นายนึกถึงวิดีโอทั้งสองม้วนนั้น แต่ก็นะวิดีโอนั่นยอดเยี่ยมและก็ดูดีจริงๆเลย แล้วตอนนี้ก็เห็นว่าคุณอู๋ ฮ่าวเหรินก็มีเทคโนโลยีมืดจากต่างดาวด้วยซึ่งฉันคิดว่าก็อาจจะจริง”
“ฉันไม่สนหรอกว่าเทคโนโลยีที่เขามีจะถูกหรือผิด ขอแค่ฉันได้เห็นวิดิโอสองม้วนนั่นแบบเต็มๆก็พอ จะไปคุกเข่าขอร้องเลยล่ะ”
“คุกเข่าขอร้องไป ก็ได้แต่หวังว่าคุณอู๋ ฮ่าวเหรินจะเห็นว่าเราขอร้องแล้วเอาวิดีโอตอนสมบูรณ์มาให้”
“...”
มีหลายคนที่ตอบกลับโพสท์นี้และในตอนนั้นยังมีผู้คนอีกมากที่ได้เห็นวิดีโอทั้งสองม้วน เมื่อภาพเคลื่อนไหวที่ฟิวเจอร์กรุ๊ปทำไว้ปรากฏออกมาก็มีบางคนที่ครั้งหนึ่งเคยพูดว่าวิดีโอทั้งสองนี้จะต้องมีอะไรบางอย่างเกี่ยวกับอู๋ ฮ่าวเหรินแน่ๆ
ตอนนี้วิดีโอเรื่องยานอวกาศได้ยืนยันความสัมพันธ์ระหว่างตัววิดีโอกับตัวอู๋ ฮ่าวเหรินแล้ว
อู๋ ฮ่าวเหรินยิ้มเมื่อเห็นโพสท์ดังกล่าวนี้ เขาเองก็คาดไม่ถึงว่าผู้คนจะคิดถึงเรื่องนี้
หลังจากคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ ผมก็ตอบกลับไป “โอเค พอเห็นข้อความของพวกคุณ เดี๋ยวผมจะยืดเวลาให้กับวิดีโอนี้ออกไปอีก ให้วิดีโอพวกนี้บอกคุณเอาเองว่าจักรวาลนี้มันอันตรายแค่ไหนกัน”
“เฮ้ย ตอบจริงด้วยว่ะ ตอบจริงๆด้วย ตื่นเต้นโคตร”
“ของฉันไม่เห็นตอบเลย เดี๋ยวไปซื้อลอตเตอร์รี่ก่อนดีกว่า แล้วจะมาตอบกลับ”
“ฮ่าๆๆ ในที่สุดก็ได้ดูวิดีโอแบบเต็มๆ เย้”
“...”
เมื่อตัวตนของอู๋ ฮ่าวเหรินเผยออกมาผ่านทางการตอบโพสท์ดังกล่าว จึงทำให้โพสท์ที่ว่ากลายเป็นจุดสนใจของผู้คนไปในทันที
ด้วยเหตุเพราะโพสท์แบบนี้ ทุกๆคนจึงพูดกันถึงแต่เรื่องยานอวกาศ ส่วนผู้คนบนเว็บไซท์ทางการเริ่มคุยกันถึงเรื่องหนัง
เรื่องหัวข้อที่คุยกันทั้งหมดก็มาจากความเข้าใจผิดในคำพูดของอู๋ ฮ่าวเหรินทั้งนั้น
ในที่ทำงาน หวัง หลานลังเลอยู่นานจากสิ่งที่เธอเห็นในวันนี้และเธอก็รู้สึกช็อค
จนถึงตอนนี้ พนักงานในบริษัทต่างขอให้เธอเข้ามาหาเพื่อให้ถามผู้บริหารว่าเรื่องยานอวกาศนี้เป็นเรื่องจริงหรือไม่
“ท่านคะ ดิฉันมีอะไรจะถามหน่อย เรื่องที่เกิดขึ้นในโรงเรียนวันนี้เป็นเรื่องจริงหรือคะ”
จากปกติที่มักจะเคร่งเครียดอยู่เสมอ แต่ตอนนี้เธอกลับดูน่ารัก ปากที่ขยับไปมาดูเซ็กซี่รวมถึงดวงตาที่มองอู๋ ฮ่าวเหรินด้วยความอยากรู้นั่นอีก
อู๋ ฮ่าวเหรินเงยหน้าขึ้น พลางมองไปที่ท่าทีของเธอ จากนั้นก็ยิ้มขึ้นมาก่อนจะพูดจนทำให้ท่าทีของหวังหลานเปลี่ยนเป็นงุนงง “จริงๆแล้ว เอ่อ อย่าเครียดกับเรื่องงานในฟิวเจอร์กรุ๊ปมากไปหน่อยเลย แต่ถึงจะเครียดหน้าเธอก็ยังสวยนะ”
เมื่อได้ยินอู๋ ฮ่าวเหรินกล่าวเช่นนั้น ใบหน้าของหวัง หลานก็แดงระเรื่อขึ้นเล็กน้อย ท่าทีของเธอดูออกจะเขินอายนิดๆก่อนจะรีบพูดขึ้น “เดี๋ยวดิฉันจะไปแจ้งข่าวให้ทุกคนทราบค่ะ”
จากนั้นเธอก็รีบออกไปจากที่ทำงาน แล้วก็เข้ามาที่ทำงานของเขาก่อนจะมองดูกระจก
เธออายุแค่ 25 ปีเท่านั้น จะว่าไปเธอก็เคยเป็นคนร่าเริงสดใส แต่หลังจากต้องมาเป็นเลขานุการของอู๋ ฮ่าวเหรินทำให้เธอรู้สึกกดดันและแต่งตัวด้วยมาดเคร่งขรึมแบบคนทำงานทั่วไป
แต่พอออกมาจากที่ทำงานของเธอแล้วนั้น ใบหน้าของหวัง หลานก็เปลี่ยนไปเพราะคำพูดของอู๋ ฮ่าวเหริน
ไม่ใช่ใบหน้าที่ดูเคร่งขรึมอีกแล้ว แต่มีรอยยิ้มจางๆ ท่าทางดูเหมือนคนที่พร้อมกระชับมิตรมากกว่าจะปฏิเสธผู้คนไปให้ไกลออกไปเป็นพันไมล์
“ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นในวันนี้คือเรื่องจริง ท่านผู้บริหารยืนยันมาแล้ว”
“เฮ้ย บริษัทของเราจะกลายเป็นธุรกิจเกี่ยวกับดาวงั้นหรือนี่”
“ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจที่เกี่ยวกับดาวหรือไม่ แต่พวกเราก็ต้องเรียนรู้มัน ไม่อย่างงั้น ธุรกิจอาจจะไม่สามารถไปต่อได้ในภายภาคหน้า”
แต่อย่างไรก็ตาม ความรู้สึกในวันนี้ก็ทำให้พวกเขาต่างสนใจที่จะมาเรียนความรู้พวกนี้กันแล้ว
0 ความคิดเห็น