Taobao system : ตอนที่ 18 เดทแรก

นิยายลงทุกวัน เวลา 6.00 น. ส่วนเรื่องไหน จำนวนกี่ตอนนั้น สามารถดูได้ ที่นี่

TB : ตอนที่ 18 เดทแรก

"เยี่ยมมาก พ่อหนุ่ม เธอนี่ก็มีความสามารถเยอะเหมือนกันนะเนี่ย" เมื่อได้ยินว่าเฉินหลงซื้อบ้านที่ซิงเฉิง จี้กวงรุ่ยก็รู้สึกประทับใจเฉินหลงมากกว่าเดิม

เฉินหลงเป็นเพื่อนของจี้โม่ซี เขาน่าจะอายุราวๆ 22 หรือไม่ก็ 23 เห็นจะได้ เขาสามารถซื้อบ้านที่ซิงเฉิงตั้งแต่อายุเท่านี้ซึ่งถือว่าเก่งมาก ได้ยินมาว่าครอบครัวของเฉินหลงนั้นอาศัยอยู่ในหมู่บ้านหนานซี จี้กวงรุ่ยไม่คิดเลยว่าครอบครัวของเฉินหลงจะอนุญาติให้เฉินหลงซื้อบ้านในซิงเฉิงได้

"คุณลุงชมกันเกินไปแล้วครับ" เฉินหลงถ่อมตัว

จี้กวงรุ่ยไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก เขายกมือขึ้นแล้วตบเข้าไปบ่าของอีกฝ่ายด้วยความรู้สึกชื่นชม

 

ในขณะที่จี้กวงรุ่ยกำลังพูดคุยกับเฉินหลง จี้โม่ซีก็ถูกแม่ของเธอ ลู่เสวียเหมย ลากตัวไปแล้วสอบถามให้รู้ความ

“ เสี่ยวซี เฉินหลงกำลังทำอะไรอยู่กันแน่?” ลู่เสวียเหมยถามเสียงเบา

"ตอนนี้เขาเป็นคนว่างงานค่ะ" จี้โม่ซีตอบตามความจริง

ในตอนนี้เฉินหลงไม่มีงานทำจริงๆ แล้วเขาเป็นคนว่างงาน จี้โม่ซีไม่ได้พูดโกหก

แต่ถึงอย่างนั้น ทรัพย์สมบัติของชายว่างงานคนนี้กลับมีมูลค่ามากกว่าคนหลายคนที่มีหน้าที่การงานเสียอีก

"หา คนว่างงานเนี่ยนะ! เสี่ยวซี ถึงเขาจะดูดีมีราศี แต่แม่คิดว่าลูกไม่คบกับเขาจะดีกว่านะ ไม่ใช่ว่าแม่เกลียดคนจนรักคนรวย แต่เพราะว่าแม่เป็นแม่ของลูก แม่อยากให้ลูกมีชีวิตที่ดีนะ" ลู่เสวียเหมยพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง และในเวลาเดียวกันนั้นความประทับใจของเธอที่มีต่อเฉินหลงก็ลดลงไปถึงจุดต่ำสุด

ลูกสาวของเธอทั้งหน้าตาสะสวยแล้วยังมีหน้าที่การงานที่ดีอีก ลู่เสวียเหมยจะไม่ยอมให้ลูกสาวของเธออยู่กับคนที่ไม่มีงานทำเด็ดขาด

 

“ แม่คะ ถึงเขาจะไม่มีงานทำ แต่เขาไม่ได้จนนะคะ” จี้โม่ซีตอบอย่างช่วยไม่ได้

"หรือว่าเขาเป็นลูกหลานเศรษฐี? ถึงลูกหลานของพวกเศรษฐีจะรวยก็จริง แต่พวกเขาส่วนใหญ่นิสัยไม่น่ารัก ถ้าเป็นไปได้ เรามาดูให้ชัดเจนกันไปเลย" ลู่เสวียเหมยเดาว่าเฉินหลงน่าจะเป็นลูกหลานของพวกคนมีเงิน

ถึงอย่างนั้น ในคำพูดของเธอ เธอยังคงแสดงความกังวลออกมาต่อหน้าจี้โม่ซี เธอไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะเป็นคนรวย เพราะฉะนั้นเธอจึงยอมให้ลูกสาวได้อยู่กับอีกฝ่าย

“ แม่คะ เขาไม่ใช่ลูกหลานคนรวย เขาเพิ่งจะได้โชคได้ลาภมา ในตอนนี้ถึงเขาไม่มีงานทำ แต่หนูคิดว่าเขาต้องมีความคิดที่จะทำอะไรสักอย่างอยู่แน่นอนค่ะ” จี้โม่ซีตอบ

ถึงเฉินหลงจะไม่พูดอะไรกับจี้โม่ซี แต่เธอคิดว่าเฉินหลงไม่น่าจะเป็นคนที่ใช้การไม่ได้หรือพวกขี้เกียจสันหลังยาวแน่นอน

“ โอเค แม่เข้าใจแล้ว แม่จะไม่ถามอะไรลูกอีกแล้ว ลูกจัดการตัวเองได้ตามสบายเลยนะ” เมื่อได้ยินคำพูดของจี้โม่ซี ลู่เสวียเหมยก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก ลูกสาวของเธอมีอายุมากพอที่จะสามารถตัดสินใจทำอะไรทุกอย่างได้ด้วยตัวเองแล้ว

นอกจากนี้ ลู่เสวียเหมยรู้ว่าเฉินหลงไม่ใช่คนที่อยากจะกินข้าวเหนียว ทันใดนั้นความประทับใจที่เธอมีต่อเขาก็เริ่มเป็นไปในทางที่ดีขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม มันเป็นเรื่องที่ยากที่จะรังเกียจเดียดฉันท์คนหล่อคนนึง

 

"แม่คะ แล้วอาการน้องเป็นยังไงบ้างคะ?" จี้โม่ซีถามถึงอาการของน้องชายของตน

“วันนี้อาการของน้องคงที่ดี แม่ต้องขอบคุณเงินสองแสนหยวนของลูกจริงๆนะ ในที่สุดโม่ไป๋จะได้รับการผ่าตัดเสียที” จากนั้นลู่เสวียเหมยก็ได้ถามจี้โม่ซีว่าเธอไปได้เงินนี้มาจากที่ไหน "แล้วลูกไปหาเงินก้อนนี้มาจากไหนล่ะ?"

"เงินนี้เป็นค่านายหน้าที่ลูกได้รับจากการขายบ้าน" จี้โม่ซีตอบ

จากนั้น จี้โม่ซีตอบอีกฝ่ายว่าเธอได้รับเงินค่านายหน้าสองแสนหยวนมาจากการขายบ้านได้อย่างไร

“เฉินหลงไม่ได้ตั้งใจใช้โอกาสในการเข้าใกล้ลูกอย่างนั้นเหรอ” ลู่เสวียเหมยต้องการรู้มากขึ้น

"แม่คะ แม่คิดจริงๆเหรอคะว่าคนๆนึงจะใช้เงินสองแสนหยวนเพื่อให้ได้ใกล้ชิดกับใครสักคน? นอกจากนี้เฉินหลงก็ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าโม่ไป๋กำลังนอนป่วยอยู่ที่โรงพยาบาล ตอนที่เขาซื้อบ้านกับหนู เป็นหนูเสียมากกว่าที่ต้องการเงิน" เมื่อเธอเห็นลู่เสวียเหมยมองเฉินหลงในแง่ร้าย จี้โม่ซีจึงรู้สึกไม่ค่อยดีนัก

 

“ โถ่ ลูกสาวของแม่สวยขนาดนี้ แน่นอนว่าเขาต้องทำแบบนั้นอยู่แล้วลูก” ลู่เสวียเหมยพูดขึ้นโดยธรรมชาติ

พ่อแม่ทุกคนต้องคิดว่าลูกๆของพวกเขานั้นดีที่สุด แน่นอนว่าลู่เสวียเหมยก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น สำหรับเธอแล้ว จี้โม่ซีนั้นหน้าตาสะสวยจริงๆ

เมื่อลู่เสวียเหมยพูดประโยคนั้นออกมา จี้โม่ซีก็ไม่รู้ว่าเธอควรจะตอบอะไรดี

"แต่ว่านะลูก เขาซื้อบ้านแบบไหนกันถึงได้ค่านายหน้าตั้งสองแสนหยวนได้?" ลู่เสวียเหมยเปลี่ยนประเด็นไปที่บ้านของเฉินหลง เธอต้องการที่จะทราบว่าทำไมเขาถึงได้ค่านายหน้าตั้งสองแสนหยวนสำหรับบ้านหนึ่งหลัง

"วิลล่าหลังละเจ็ดล้านหยวนค่ะ" จี้โม่ซีตอบ

ในตอนที่เธอตอบอีกฝ่ายนั้น เธอต้องการเพิ่มน้ำหนักความดีความชอบของเฉินหลงในใจของผู้เป็นแม่

แน่นอนว่ามันมีน้ำหนักมากจริงๆ เมื่อเธอได้ยินว่าเฉินหลงซื้อวิลล่าราคาเจ็ดล้านหยวน ความตกใจปรากฎอยู่บนใบหน้าของลู่เสวียเหมยในทันที

หลังจากอยู่ที่ห้องผู้ป่วยสักพัก จี้โม่ซีและเฉินหลงก็ขอตัวกลับก่อน

 

“ โม่ซี พ่อแม่ของเธอเหมือนจะมีความประทับใจที่ดีต่อฉันนะ ดูเหมือนเป็นพ่อตาแม่ยายเลย ถ้ามองในทางที่ดีกว่านั้น ฉันก็เหมือนจะเป็นลูกเขยของพวกเขาเลยด้วย” หลังจากขึ้นรถไปแล้ว เฉินหลงก็หันหน้าไปพูดกับจี้โม่ซี

"ใครเป็นพ่อตาแม่ยายของนายยะ?" จี้โม่ซีคงเป็นคนเดียวที่มองว่าเฉินหลงช่างเป็นคนที่หน้าหนาหน้าทนเสียจริง

“ ฮ่าฮ่า ถ้างั้นเธออยากไปเที่ยวเล่นที่ไหนต่อไหม?” เฉินหลงถามทางจี้โม่ซี

"ฉันให้นายเลือก" จี้โม่ซีตอบ

"ไม่อยางงั้น ไปปีนเขากันเถอะ จริงๆแล้วฉันยังไม่เคยปีนเขาที่ซิงเฉิงเลย" เฉินหลงกล่าว

เฉินหลงใช้ชีวิตอยู่ที่ซิงเฉิงมาเป็นปีแล้ว แล้วนี่เขาจะไม่เคยไปเขาเยว่ลู่ที่โด่งดังแห่งซิงเฉิงได้ยังไง? เขาเพิ่งไปที่นั่นมาเพียงลำพัง มันทั้งเหงาทั้งหนาวจับใจ

"โถ่ ช่างน่าสงสารจริงๆ ขอให้นางฟ้าจะช่วยนายก็แล้วกัน" จี้โม่ซีตอบพร้อมกับรอยยิ้ม

 

เขาเยว่ลู่เป็นจุดชมวิวที่สำคัญประจำเมือง มีความสูง 300.8 เมตร เป็นหนึ่งใน 72 ยอดเขาของภูเขาเหิงซานแห่งหนานเยว่ และเป็นหนึ่งในสถานที่สี่แห่งในการเที่ยวชมต้นเมเปิลในราชวงศ์เทียนที่ยิ่งใหญ่ เขาเยว่ลู่มี สถาบันเยว่ลู่ วัดเยว่ลู่ ศาลาอ้ายว่าน วัดลู่ซาน สถานที่เก่าแก่ของชุมชนซินหมินและสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆอีกมากมาย

ไปกับบริษัทดีๆ ทริปที่ไปภูเขาเยว่ลู่ยังคงยอดเยี่ยมมาตลอด เฉินหลงไม่เพียงแค่ได้ถ่ายรูปจี้โม่ซีจำนวนมากเท่านั้น แต่เขายังได้จับมือกับจี้โม่ซีอีกด้วย เป็นขั้นเป็นตอนไปเรื่อยๆ

หลังจากได้ลงจากภูเขาแล้ว เฉินหลงและเพื่อนของเขาได้มาถึงร้านอาหารแห่งหนึ่งที่เขียนชื่อร้านว่า "เจี่ยซือ"

ร้านอาหารร้านนี้มีสภาพแวดล้อมที่ดี การตกแต่งระดับไฮเอนด์ และอาหารมากมายตัวอย่างเช่นอาหารกวางตุ้ง อาหารเกาหลีและอาหารต้นตำหรับหูหนาน ซึ่งสามารถหาดูได้จากเมนูร้าน "เจี่ยซือ"

 

"อืม ที่นี่เยี่ยมไปเลย" นั่งลงโต๊ะเล็กๆ เฉินหลงมองไปรอบๆภายในร้านแล้วพูดกับจี้โม่ซี

"ฉันเคยได้ยินชื่อเสียงมาจากเพื่อนร่วมงานด้วยล่ะ ครั้งนี้ฉันไม่ผิดหวังเลยจริงๆ" จี้โม่ซีพยักหน้าตอบ

รออยู่ไม่นานนัก อาหารทั้งหมดที่สั่งก็ได้มาเสิร์ฟที่โต๊ะ

“อร่อย!” เมื่อเฉินหลงได้ลองชิม เขาคิดว่ารสชาติของมันใช้ได้ทีเดียว

“ นี่ เฉินหลง ภายในอาทิตย์หน้าจะมีงานเลี้ยงรุ่น นายจะไปร่วมงานด้วยไหม?” จู่ๆจี้โม่ซีก็ถามขึ้นมา

"งานเลี้ยงรุ่น?" เฉินหลงมองไปที่จี้โม่ซี

“ ใช่แล้ว มันเป็นงานเลี้ยงที่เพื่อนสมัยมัธยมจะได้กลับมาพบปะสังสรรค์กันอีกครั้งยังไงล่ะ พวกเขาบอกว่าเป็นช่วงสำเร็จการศึกษา เพราะฉะนั้นพวกเขาจึงอยากรวมตัวกันอีกครั้งและรำลึกถึงวันที่เรายังเป็นนักเรียนกันอยู่ยังไงล่ะ” จี้โม่ซีพยักหน้า

“ โอ้ ถ้าอย่างนั้น เธอไป ฉันก็ไป” เฉินหลงตอบ

 

งานเลี้ยงรุ่นของเพื่อนร่วมชั้นเรียนในตอนนั้นน่าจะเป็นงานที่เรียบง่าย แต่หลังจากที่ทุกคนโตขึ้นและได้กลายเป็นผู้ใหญ่แล้วงานเลี้ยงรุ่นนี้ก็จะค่อยๆหายไปและถูกแทนที่ด้วยความอาฆาตของการแข่งขันและอคติ  จี้โมซีนับว่าเป็นคนที่งดงามมาก แน่นอนว่าต้องมีคนที่คิดร้ายกับเธอ ด้วยเหตุนี้เฉินหลงจะต้องคอยปกป้องเธอจากความคิดต่ำทรามพวกนั้น

"ถ้าอย่างนั้นเราก็ไปด้วยกันเถอะ ตอนแรกฉันไม่ได้อยากไปปาร์ตี้สักเท่าไหร่ แต่พวกเขาทุกคนชวนฉันหลายครั้งแล้ว ถ้าฉันยังปฏิเสธอีกเขาอีก ฉันคงไม่กล้าไปเจอหน้าพวกเขาอีกแล้ว และในตอนนี้ฉันก็มีนายไปด้วยแล้ว แค่นี้ก็ทำใหฉันรู้สึกดีขึ้นแล้วล่ะ" จี้โม่ซีระบายยิ้มออกมาผ่านใบหน้าของเธอ

“นอกจากนั้น เผิงตง คนน่ารำคาญคนนั้นก็จะไปงานเลี้ยงรุ่นด้วยใช่ไหม” เฉินหลงมองหน้าจี้โม่ซีแล้วถาม

"งานเลี้ยงรุ่นครั้งนี้ มีเผิงตงเป็นเจ้าภาพ แต่ถ้านายไม่อยากไปจริงๆ ก็ไม่ต้องไปหรอก ไว้ฉันค่อยอธิบายกับพวกเขาคราวหลังเองนะ" จี้โมซีรู้ว่ามีตอนที่อยู่โรงเรียนมัธยม เฉินหลงกับเผิงตงไม่ถูกกัน ถ้าหากว่าเฉินหลงไม่อยากไปจริงๆล่ะก็ จี้โม่ซียินดีรับฟังเขาอยู่แล้ว

แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น