CF:บทที่ 279 เบื้องหลัง

นิยายลงทุกวัน เวลา 6.00 น. ส่วนเรื่องไหน จำนวนกี่ตอนนั้น สามารถดูได้ ที่นี่

CF:บทที่ 279 เบื้องหลัง

 

เมื่ออู๋ฮ่าวเหรินได้รู้เรื่องนี้เข้า, เขายังรู้สึกสับสนอยู่, บันทึกเสียงเหรอ บอกให้เขาต้องรับผิดชอบตามกฏหมายงั้นเหรอ?

 

เมื่อเขาได้ยินเรื่องของการบันทึกเสียงลงบนอินเตอร์เนทนั้น สีหน้าของเขาก็ได้เปลี่ยนไป, คนพวกนี้นอกจากจะลอกงานของคนอื่นมาแล้ว ยังจะลากเขาลงมายุ่งกับปัญหาอีก

 

เขานั้นพูดว่าคนพวกนั้นเป็นพวกขี้โกหกและด่าว่าเป็นไอ้งั่ง, เขานั้นคิดว่าไม่น่าจะผิดอะไร เพราะพวกนั้นเล่นเอาข้อมูลที่ปรากฏบนตามอินเตอร์เนทและเปลี่ยนข้อความเล็กน้อย แล้วก็มาหลอกเอาเงินบริษัทของเขา นี่ยังโง่กันไม่พออีกเหรอ?

 

โจ้วหลานรีบวิ่งเขามาหา "หัวหน้าคะ, พวกเราจะทำยังไงดีคะ มีบันทึกเสียงออกสู่โลกอินเตอร์เน็ทและยังคำแถลงของสถาบันวิจัยพวกนั้นอีก?"

 

"ปล่อยข่าวไปก่อนว่า, เราจะจดรายชื่อสถาบันเหล่านั้นเข้าแบล็คลิสต์ของฟิวเจอร์กรุ๊ปอย่างถาวร และคุณคงไม่ต้องถามผมนะว่าจะต้องทำอย่างไรต่อ"

 

การปรากฏขึ้นของบันทึกเสียงนี้นั้นทำให้คนจำนวนมากเริ่มสงสัยขึ้นมา, จากสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีตที่มีคนเข้ามายุ่มย่ามเรื่องของฟิวเจอร์กรุ๊ปนั้น ทำให้พวกเขานั้นเริ่มระวังตัวขึ้นมา, จึงไม่มีใครเข้ามายุ่งและทำอะไรวุ่นวายอีก และรอดูว่าฟิวเจอร์กรุ๊ปนั้นจะเอาคืนอย่างไร

 

"ตอนนี้, ฟิวเจอร์กรุ๊ปได้ประกาศข้อความว่าสถาบันพวกนั้นจะถูกจดเข้าบัญชีดำของฟิวเจอร์กรุ๊ปแบบถาวรแล้ว, ดูเหมือนคนพวกนั้นจะล้ำเส้นของประธานฟิวเจอร์กรุ๊ปซะแล้ว"

 

"จริงๆแล้ว, ผมอยากจะรู้จังว่าพวกเขานั้นหลอกให้ฟิวเจอร์กรุ๊ปมาร่วมลงทุน ตามที่ประธานฟิวเจอร์กรุ๊ปนั้นว่ามาจริงๆเหรอ?"

 

"จากบันทึกเสียงที่มีเสียงอัจฉริยะคนนั้นพูด, ดูเหมือนน่าจะมีบันทึกเสียงก่อนหน้านั้นอยู่อีก, แต่กลับไม่ได้ถูกเผยแพร่ออกมา ดังนั้นจะเป็นการดีกว่าที่จะยังไม่ให้ความเห็นอะไรในตอนนี้"

 

"ฉันว่าด่าว่าหลอกลวงและโง่เง่ายังฟังดูเบาไปด้วยนะ, เขาข้อมูลมาจากอินเตอร์เน็ท แล้วเปลี่ยนข้อความตามใจ จากก็บอกว่าเป็นผลงานวิจัยของพวกเขา, แล้วก็เอามาหลอกให้ร่วมลงทุน ถ้าเป็นฉันนะฉันจะด่าพวกเขาให้มากกว่านี้ แล้วก็ปล่อยให้พวกเขาฟ้องร้องมาเลย ถ้าพวกเขาสามารถพอนะ"

 

เดิมที, ไม่มีใครที่สนใจข่าวนี้มากเท่าไรนัก แต่คนที่มีปัญหาจริงๆคือมีคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ที่เป็นพนักงานที่อยูู่ในสถาบันวิจัยต่างหาก

 

"ลูกพี่, พวกคุณไปขโมยผลงานวิจัยของคนอื่นไปให้ฟิวเจอร์กรุ๊ปจริงๆเหรอ? นั่นเป็นสถาบันวิจัยที่คุณอยู่ใช่มั๊ย?"

 

"ไม่ใช่ฉัน, จะบอกอะไรให้ ฉันก็กำลังจะลาออกจากสถาบันนี้แล้ว, บ้าจริง ในฐานะคนจีนแล้ว, บริษัทที่ดีอย่างฟิวเจอร์กรุ๊ปนั้น พวกเขาก็ยังจะไปหลอกเอาเงินเขาได้อีก"

 

"ถ้าอย่างนั้น, คนพวกนั้นก็ไปเอาข้อมูลปลอมไปหลอกเอาเงินจากฟิวเจอร์กรุ๊ปจริงๆสินะ, บ้าเอ๊ย ถ้าเป็นอย่างนั้น ก็สมควรจะถูกด่าว่าไอ้โง่แล้ว"

 

"คิดเหมือนกัน, นอกจากพวกเขาจะหลอกให้ร่วมลงทุนแล้ว พวกเขายังใช้แผนบันทึกเสียงแบบนี้อีก ช่างไร้ยางอายกันซะจริงๆ, ฉันรู้สึกเสียใจแทนพวกสถาบันลงทุนที่เคยร่วมลงทุนกับพวกเขามาก่อนแล้วสินะ"

 

"เฮ้ มาดูนี่สิ

ฟิวเจอร์กรุ๊ปปล่อยข่าวเรื่องที่พวกเขาหลอกให้ทางบริษัทร่วมลงทุนออกมาแล้ว มีวิดีโอด้วยนะ, ฮ่าๆ พวกนั้นคงไม่คิดว่าจะมีกล้องติดอยู่ในห้องประชุมของฟิวเจอร์กรุ๊ปล่ะสิ"

 

แน่นอนว่ามีกล้องวิดีโออยู่, และเป็นกล้อง HD อัจฉริยะเสียด้วย, ซึ่งทำให้อู๋ฮ่าวเหรินสามารถมองเห็นได้แม้แต่ข้อความของเอกสารผ่านวิดีโอนั้นได้

 

คนพวกนั้นคงจะคิดอยู่ว่ามีวิดีโอติดอยู่, แต่คงไม่คาดคิดว่ากล่องนั้นจะสามารถส่องจนเห็นเนื้อความในเอกสารได้

 

เพราะถ้าไม่เห็นข้อมูล, พวกเขาก็แค่บอกว่าไม่รู้เรื่องของข้อมูลพวกนั้นได้ และอู๋ฮ่าวเหรินก็จะจัดการกับพวกเขาไม่ได้

 

"บ้าจริง, ข้าอยากจะด่าคนพวกนี้ว่าเป็นไอ้โง่ ต้มตุ๋นและไอ้บ้าบ้างแล้วสิ, พวกเขาคิดว่าบริษัทฟิวเจอร์กรุ๊ปนั้นเป็นบริษัทนายทุนที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยรึไง?"

 

"ฮ่าๆ, ดีนะเนี่ยที่เจอกับฟิวเจอร์กรุ๊ปก่อน, ถ้าเกิดเจอกับบริษัทนายทุนที่ไม่รู้เรื่องอะไร, ถ้าพวกเขาอาจจะเชื่อก็ได้ ตอนที่เห็นชื่อของสถาบันวิจัยและข้อมูลพวกนั้น"

 

"คิดเหมือนกันเลย, แต่ว่านะฉันอยากจะรู้จังเลยว่ากล้องที่บริษัทฟิวเจอร์กรุ๊ปนั้นใช้ของยี่ห้ออะไรนะ ฉันอยากจะได้บ้างแล้วสิ"

 

"ใช่, กล้องพวกนี้มันสุดยอดจริงๆนะ, มันสามารถส่องไกลๆเห็นได้ชัดขนาดนั้น, ใครรู้บ้างว่ายี่ห้ออะไร?"

 

"พวกคุณพลาดแล้วล่ะ, กล้องที่สุดยอดขนาดนี้นะ, ผมว่าคงหาซื้อไม่ได้หรอก, เพราะว่าอาจจะเป็นผลิตภัณฑ์ที่ผลิตขึ้นมาเองโดยฟิวเจอร์กรุ๊ปก็ได้"

 

ในเวลานี้, อู๋ฮ่าวเหรินที่รู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น, หลังจากที่มองดูข้อมูลที่จี้ไปตรวจสอบมา เขาก็ส่ายหัว

 

ถ้าแค่ความกล้าของสถาบันวิจัยพวกนั้น เรื่องแบบนี้คงไม่น่าจะเกิดขึ้น, แน่นอนว่าจะต้องมีคนคอยบงการเรื่องนี้อยู่เบื้องหลัง, นั่นคือบริษัทมิตซูบิชิ ดูเหมือนว่าพวกเขาต้องการที่จะใช้วิธีนี้ทำร้ายเขาหลังจากสายลับของญี่ปุ่นทำพลาด

 

จริงๆแล้ว, อู๋ฮ่าวเหรินนั้นสงสัยว่าทำไมญี่ปุ่นถึงได้ทำเรื่องแบบนี้และพวกเขาจะได้ประโยชน์อะไรจากเรื่องนี้

 

"จี้, ตรวจสอบดูซิว่ามีอะไรเกิดขึ้นเร็วๆนี้บ้าง, โดยเฉพาะสิ่งที่เกี่ยวกับวงการแพทย์"

 

อู๋ฮ่าวเหรินมองดูข้อมูลที่จี้ไปสำรวจมา และไม่นานนักเขาก็พบปัญหานั้น, อุปกรณ์การรักษาที่ล้ำสมัยของญี่ปุ่นนั้นประสบปัญหาจากการโต้กลับอย่างหนักของตลาดจีน

 

ยิ่งไปกว่านั้น, อุปกรณ์การแพทย์ที่ล้ำสมัยของญี่ปุ่นก็ถูกเล่นอย่างหนักอีกครั้งหลังจากที่เขาประกาศว่าเขาจะวิจัยด้านการแพทย์

 

ดังนั้นจึงดูเหมือนว่าจุดประสงค์ที่แท้จริงของสถาบันวิจัยกลุ่มนี้จะไม่ใช่แค่มาขอร่วมมืออย่างเดียวเสียแล้ว, พวกเขานั้นอาจจะมาเพื่อทดสอบความสามารถของฟิวเจอร์กรุ๊ป

 

แน่นอนว่า, การกระทำที่แย่ๆพวกนี้ ทางญี่ปุ่นคงไม่คิดที่จะลงมือเอง, แต่คอยหนุนหลังและทดลองดูสถานการณ์นี้

 

อู๋ฮ่าวเหรินส่ายหัว, ที่อุปกรณ์การแพทย์ล้ำสมัยของญี่ปุ่นนั้นไม่สามารถขายได้ มันเป็นเพราะเขาจริงๆนั้นแหละ, เพราะเทคโนโลยีเครื่องจักรกลที่มีความเที่ยงตรงสูงนั้น ทำให้ทางประเทศสามารถสร้างอุปกรณ์ที่ล้ำสมัยขึ้นมาเองได้

 

ยิ่งไปกว่านั้น ในช่วงที่ผ่านมานี้ ชิ้นส่วนและอุปกรณ์จำนวนมากที่ทางจีนต้องน้ำเข้ามานั้นสามารถผลิตเองได้แล้ว, พวกประเทศที่เคยกีดขวางเทคโนโลยีกับจีนนั้นก็ได้โบกมือลาตลาดจีนจากการอุปกรณ์พวกนั้นไปเลย

 

เพราะว่านี่คือสิ่งที่อู๋ฮ่าวเหรินอยากจะเห็นที่สุด และเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมการรักษาโรคในจีนนั้นถึงได้แพงมากเพราะเหตุผลหลักคือต้องนำเข้าอุปกรณ์และเครื่องมือที่ทันสมัยเข้ามา

 

และเพราะว่าอุปกรณ์พวกนี้นั้นต้องการเงินเป็นล้านหรือสิบล้านเพื่อสั่งนำเข้ามา, และเงินพวกนี้ก็จะต้องไปตกอยู่กับผู้ป่วย

 

ถ้าพวกเราล้าหลังกว่า พวกเราก็จะถูกขูดรีด, มันเป็นความจริงที่ไม่มีวันจบสิ้น

 

เมื่อรู้เช่นนี้แล้ว, อู๋ฮ่าวเหรินก็ไม่มีเวลาที่จะมาเล่นกับพวกตัวตลกพวกนี้แล้ว, หลังจากได้ให้ข้อมูลทั้งหมดกับโจ้วหลาน เขาก็รีบไปที่ห้องแล็บ

 

เมื่อเช้านี้, กระทรวงสาธารณสุขได้ส่งตัวยาที่เขาต้องการและหนูทดลองมาให้ ตอนนี้เขาจำเป็นที่จะต้องทดสอบว่าถูกต้องตามที่จี้ได้คำนวนเอาไว้หรือไม่

 

ถ้าเขาทำไม่สำเร็จ, เขาก็คิดผลิตอุปกรณ์อื่นตามแผนดั้งเดิมของเขา

 

ในห้องแล็บนั้น, อู๋ฮ่าวเหรินได้หยุดพักมา 5 นาทีหลังจากทดลองเสร็จ

 

"จี้, วิธีนี้ดูไม่ค่อยดีเลย, ไม่น่าจะมีใครที่สามารถทนต่อการรักษาแบบนี้ได้แน่"

 

อู๋ฮ่าวเหรินมองดูที่หางเล็กของหนู ซึ่งในเวลานี้หนูตัวนั้นได้หยุดเคลื่อนไหวและดูเหมือนมันกำลังจะตาย

 

ไม่มีปัญหาอะไรกับเทคโนโลยี มันสามารถเรียกได้ว่าประสบความสำเร็จ, ด้วยอุปกรณ์นี้ จะขาดก็เพียงแค่ข้อมูลการปรับแต่ง การควบคุมการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งให้ถูกต้องเท่านั้น

 

ในการรักษานั้น, ชิ้นส่วนที่งอกขึ้นมานั้นได้ถูกเปลี่ยนแปลงให้กลายเป็นเซลล์ธรรมดาด้วยอุปกรณ์, ซึ่งมันดูสะดวกสะบายกว่าแผนดั้งเดิมเสียอีก

 

แต่ทว่า อาการที่เกิดในขั้นตอนของการงอกชิ้นส่วนนั้น, เมื่อดูจากหนูในตอนนี้แล้ว ก็เข้าใจได้เลยว่ามันเป็นอาการเจ็บปวดที่ไม่ง่ายที่จะผ่านพ้นไปได้เลย และแม้แต่ยาชาก็ยังใช้การไม่ได้ผล

 

"ใช้เวลานานเกินไป และยาชาก็ไม่ได้ผล, จี้ มีวิธีอื่นในการแก้ปัญหานี้จากข้อมูลในฐานข้อมูลของคุณบ้างไหม? คนในอนาคตเขาแก้ปัญหานี้กับเทคโนโลยีฟื้นฟูร่างกายได้ยังไง?"

 

"มีอยู่, นั่นคือจะต้องทำอะไรสักอย่างกับระบบประสาทสัมผัส, เช่นตัดการเชื่อมต่อระหว่างประสาทและสมอง แต่ทว่า, ถ้าจะทำแบบนั้น อุปกรณ์จะเป็นต้องออกแบบใหม่หมด"

 

"แล้วก็ จากการคำนวนคราวที่แล้ว ดูเหมือนว่าพวกเราจะลืมคิดถึงปัญหาเรื่องที่ว่าจะต้องใช้เวลานานมากในการฟื้นฟูร่างกาย"

 

อู๋ฮ่าวเหรินผงกหัว, และมองดูสถานการ์ของหนูตัวนั้น, และพบว่ากว่าหางของมันจะงอกออกมาได้สมบูรณ์นั้น อาจจะต้องใช้เวลารักษาเป็นเดือน, และถ้าเป็นแขนของมนุษย์ ก็คงต้องใช้เวลามากกว่านั้น


     

แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น